“เห็นแก่หน้า?”
เมื่อซูเฉิงเฟิงได้ยินคำพูดนี้ ก็เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงปลงๆ “บนโลกใบนี้ อันที่จริงแล้วไม่ว่าอะไรก็สามารถนำมาตีเป็นราคาได้ทั้งนั้นแหละ คนพูดกันว่าความแค้นฝังหุ่นยิ่งใหญ่เทียมฟ้า แกก็ให้เขาพันล้าน หมื่นล้าน หรือแสนล้านดูสิ มันต้องมีสักราคาล่ะที่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้”
ขณะที่พูดจู่ๆ เขาก็เปลี่ยนหัวข้อ “แต่ว่า! ที่สำคัญก็ต้องดูด้วยว่าเห็นแก่หน้าที่ว่า ตกลงแล้วต้องจ่ายเงินเท่าไหร่? ถ้าหากต้องจ่ายพันล้าน ไปจนถึงหมื่นล้าน แกยังอยากที่จะจ่ายอยู่ไหม?”
ซูโสว่เต้าตกอยู่ในความเงียบทันที
เขาอยากช่วยซูรั่วหลีจริงๆ
ในด้านความสัมพันธ์ เธอคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ต่อให้เขาจะใจร้ายมากแค่ไหนก็ทำร้ายลูกตัวเองไม่ลงหรอก เขาจะทนมองเธอไปตายต่อหน้าต่อตาได้ยังไง?
ในด้านเหตุผล เธอคือยอดฝืมือของตระกูลซู อีกอย่างอายุก็ยังน้อยๆอยู่ด้วย ถ้าหากช่วยเธอออกมาได้ อนาคตเธอก็ยังจะสามารถอุทิศสิ่งยิ่งใหญ่ให้ตระกูลซูได้
แต่ไม่ว่าจะด้านความสัมพันธ์หรือด้านเหตุผล ก็ต้องชั่งน้ำหนักราคาที่ต้องจ่ายให้ดี แล้วค่อยมาคำนวณแผนจัดการทีหลัง
ถ้าหากต้องจ่ายราคาพันล้านหมื่นล้านจริงๆ ตระกูลซูอาจจะไม่ตกลง
ถึงยังไงนอกจากเขากับคุณท่านแล้ว ก็ไม่มีใครในตระกูลซูรู้ว่ารั่วหลีเป็นลูกของเขา ทุกคนต่างก็คิดว่าเป็นลูกน้องของตระกูลซูเท่านั้น
เสียเงินแค่สิบล้านเพื่อลูกน้องก็ยังพอรับได้ แต่กับคนฝีมือดีอย่างซูรั่วหลี เสียให้ตั้งร้อยกว่าล้าน คงต้องกัดฟันจ่ายแล้วล่ะ
แต่ถ้าต้องจ่ายเงินมากกว่านี้จริงๆล่ะก็ ในสายตาคนอื่นก็จะมองว่ามันเสียสมดุลอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ทุกคนจะฝืนยอมรับได้ แต่ก็ต้องเกิดข้อสันนิษฐานว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในอะไรแน่นอน
ซูเฉิงเฟิงเห็นเขาเงียบไป จึงพูดปลอบขึ้นมาว่า “โส่วเต้า รั่วหลีเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลซู เป็นลูกสาวของแก แล้วก็เป็นหลานสาวของฉัน ฉันเองก็ต้องหวังอยากให้เธอปลอดภัยอยู่แล้ว แต่ว่าในเรื่องของธุรกิจ มันต้องชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียทุกครั้ง ผลได้มากกว่าผลเสีย หรือผลได้เท่ากันกับผลเสีย มันยังพอได้ แต่ถ้าผลเสียมากกว่าผลได้ แบบนั้นก็ไม่ต้องฝืนแล้วล่ะ”
ซูโส่วเต้าเอ่ยถามอย่างเจ็บปวด “พ่อ พ่อบอกมาเถอะ ตระกูลซูยอมจ่ายให้รั่วหลีได้ในราคาเท่าไหร่? ครั้งนี้ที่ช่วยชีวิตจือเฟยกับจือหยู เราก็เสียไปเยอะเหมือนกันนะ….”
ซูเฉิงเฟิงครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ถึงยังไงรั่วหลีก็เป็นลูกเมียน้อย ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ ดังนั้นฉันไม่สามารถยกเธอมาเทียบกับจือหยูได้ เอาอย่างนี้แล้วกัน ให้ได้ไม่เกินพันล้าน แบบนี้จะได้ปกปิดการเงินได้ง่าย ถ้าจ่ายสูงกว่านี้ คนอื่นหรือเมียแกอาจจะสงสัย แบบนั้นมันจะยุ่งยาก”
ซูโส่วเต้าลังเลอยู่พักใหญ่ แล้วพูดขึ้นมาว่า “ก็ได้ งั้นผมจะลองดูก่อน เดี๋ยวผมจะบินไปที่โอซาก้า ไปดูว่าพอจะมีคนสำคัญช่วยไกล่เกลี่ยให้ได้หรือเปล่า”
ซูเฉิงเฟิงเอ่ยพูด “แกไม่ต้องไปหรอก รัฐบาลญี่ปุ่นรู้ว่าแกเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังตั้งนานแล้ว เพียงแต่ตอนนี้พวกเขายังไม่คิดที่จะเล่นงานตระกูลซู ดังนั้นถ้าจับคนลงมือทำได้ก็ไม่ต้องตามสืบให้ลึกมาก แต่ถ้าแกยังไม่ดูหน้าดูหลัง ไม่รีบหนีออกจากญี่ปุ่น ถ้าหลังจากนี้มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเกิดมีคนของเราพูดชื่อแกออกมา ฉันกลัวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะเปลี่ยนใจ มาลงดาบแกแทน!”
ซูโส่วเต้าขบคิดอยู่สักพัก เขาเองก็คิดว่าคำพูดของพ่อมีเหตุผล
สถานการณ์ในตอนนี้ ถือว่ารัฐบาลญี่ปุ่นเห็นไว้หน้าตระกูลซูสุดๆแล้ว ขอแค่จับมือสังหารเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายได้ พวกเขาก็จะไม่สืบสวนความผิดมาถึงตระกูลซู
แต่ถ้าเขายังไม่รู้จักเจียมตัว บินไปที่โอซาก้าในเวลานี้ เพื่อคิดหาวิธีช่วยเหลือ รัฐบาลญี่ปุ่นก็จะมองว่าอุตส่าห์เห็นแก่หน้าแต่ตระกูลซูกับไม่ไว้หน้ากัน
พอถึงตอนนนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นก็อาจจะแตกคอกับตระกูลซูก็เป็นได้
คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “ผมรู้แล้วครับพ่อ พรุ่งนี้เช้า ผมจะบินกลับจังหวัดอาโอโมริ”