ด้วยเสียงตะโกนที่โหดเหี้ยมของอู๋ตงไห่ ทำให้เย่ฉางหมิ่นกลัวจนตัวสั่นไปหมด
เนื่องจากร่างกายเกิดความวิตกมากๆ ทำให้เย่ฉางหมิ่นไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ทำให้เธอปัสสาวะรดกางเกงทันที
เนื่องจากเธอและหม่าหลันถูกมัดอยู่ด้วยกัน หลังจากเธอปัสสาวะรดกางเกง ทำให้ปัสสาวะไหลนองพื้นทันที
จู่ๆหม่าหลันก็รู้สึก พื้นที่ตัวเองกำลังนั่งอยู่เปียกในทันที และในอากาศก็มีกลิ่นสาบของปัสสาวะ ทำให้เธอตกใจทันที พยายามขยับร่างกาย และด่าออกมา:”ผู้หญิงอย่างคุณทำไมถึงน่าขยะแขยงอย่างนี้! ปัสสาวะรดกางเกงเมื่อไรก็ได้ ทำไมต้องมาปัสสาวะตอนนี้ด้วย ทำให้ฉันเปื้อนน้ำปัสสาวะไปด้วย!”
เย่ฉางหมิ่นสติแตกทันที กิริยาท่าทางของลูกคุณหนูที่ถูกปลูกฝังมาหลายสิบปี ตอนนี้มันได้หายไปหมดแล้ว
เธอมองไปที่อู๋ตงไห่ ร้องไห้อย่างหนักและพูด:”คุณอู๋ ฉันขอร้อง อย่าฆ่าฉันเลย ฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเย่แห่งเย่นจิง ฉันชื่อเย่ฉางหมิ่น ถ้าครั้งนี้คุณปล่อยฉันไป ฉันจะให้เงินมหาศาลกับคุณ พ่อของฉันเย่โจงฉวนก็จะให้เงินมหาศาลกับคุณเหมือนกัน!”
จู่ๆอู๋ตงไห่ก็อึ้งไปชั่วครู่ และมองไปที่เย่ฉางหมิ่น ถามอย่างเหลือเชื่อ:”คุณพูดว่าคุณเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเย่แห่งเย่นจิงใช่ไหม?!”
เย่ฉางหมิ่นพูดทั้งน้ำตา:”ใช่ ฉันเป็นคุณหนูใหญ่! ฉันเป็นคุณหนูใหญ่จริงๆ!”
อู๋ตงไห่ถามอีกครั้ง:”คุณพูดว่าพ่อของคุณชื่อเย่โจงฉวนใช่ไหม?!”
เย่ฉางหมิ่นพยักหน้าทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น:”ใช่ พ่อของฉันชื่อเย่โจงฉวน!”
อู๋ตงไห่ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเย่ฉางหมิ่น
แต่ชื่อของเย่โจงฉวน เขาเคยได้ยินมาก่อน
เย่โจงฉวนเป็นผู้นำตระกูลเย่ และเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากๆในประเทศ
เย่ฉางหมิ่นพูดว่าตัวเองเป็นลูกสาวของเย่โจงฉวน ความคิดแรกของอู๋ตงไห่ก็คือ:”เป็นไปไม่ได้!”
เขาจ้องมองเย่ฉางหมิ่น พูดอย่างเย็นชาและเยาะเย้ย:”คุณพึ่งปัสสาวะไปเมื่อสักครู่ไม่ใช่เหรอ? ลองชะโงกดูเงาตัวเองในน้ำปัสสาวะสิ มองดูว่าตัวเองมีหน้าตาเหมือนคนในตระกูลเย่หรือเปล่า?”
เย่ฉางหมิ่นสติแตก และอ้อนวอนจากก้นบึ้งของหัวใจ:”พี่ใหญ่ ฉันเป็นคนของตระกูลเย่จริงๆ!”
อู๋ตงไห่พูดอย่างดูถูก:”ได้ ถ้าคุณเป็นคนของตระกูลเย่จริงๆ งั้นฉันขอถามคุณหน่อย คุณเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลเย่ คุณว่างมากหรือไงถึงมาที่เมืองจินหลิง และมาทำอะไรที่นี่?”
เย่ฉางหมิ่นพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น:”ฉัน…ฉันมาหาเย่เฉิน…”
อู๋ตงไห่ยิ่งพูดดูถูกมากขึ้น:”เย่เฉินเป็นแค่ลูกเขยที่เก่งเรื่องดูฮวงจุ้ยและมีวิชาซวนซวน คุณยังกล้าพูดกับฉันเหรอว่าคุณเป็นคนของตระกูลเย่แห่งเย่นจิง!”
เย่ฉางหมิ่นพูดทั้งน้ำตา:”มันเป็นเรื่องจริง! เย่เฉินเป็นคนของตระกูลเย่ เขาเป็นลูกชายของพี่รองของฉัน เป็นหลานแท้ๆของพ่อฉัน…”
หม่าหลันตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ และลืมไปว่าร่างกายส่วนล่างของตัวเองเปื้อนน้ำปัสสาวะของเย่ฉางหมิ่น เธอพูดออกมาทันที:”คุณพูดอะไรนะ?! คุณพูดว่าเย่เฉินเป็นหลานแท้ๆของตระกูลเย่แห่งเย่นจิงเหรอ?!”
“ใช่…”เย่ฉางหมิ่นพูดอย่างจริงใจว่า:”ตอนเด็กเย่เฉินอาศัยอยู่ที่เย่นจิงตลอด ต่อมาด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่าง เขาก็เลยมาอยู่ที่เมืองจินหลิงพร้อมกับพ่อแม่ หลังจากที่พ่อแม่ของเขาเสียชีวิต เขาก็ถูกส่งไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในเมืองจินหลิง…”
“เป็นไปไม่ได้!”หม่าหลันพูดโต้แย้งทันที:”ถ้าเย่เฉินเป็นคุณชายของตระกูลเย่แห่งเย่นจิง ทำไมเขาถึงเติบโตที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าละ? และหลังจากเขาโตเป็นผู้ใหญ่เขายังไปทำงานที่ไซต์งานก่อสร้าง และโดนพ่อของฉันพากลับมาจากไซต์งานก่อสร้าง ตอนนี้คุณบอกว่าเขาเป็นคุณชายของตระกูลเย่แห่งเย่นจิง? ฉันก็พูดได้สิว่าเขาเป็นอวี้หวงซ่างตี้กลับชาติมาเกิด!”
อู๋ตงไห่ก็พูดอย่างเย็นชา:”เรื่องที่คุณพูดมามันไม่สมเหตุสมผลเลย ถ้าเย่เฉินมีฐานะที่ไม่ธรรมดาแบบนี้ ทำไมเขาถึงต้องแต่งเข้าตระกูลเซียวที่ยากจนและเลวเช่นนี้ด้วย?”
เซียวฉางเฉียนแตะจมูกของตัวเองและพูดด้วยความเขินอาย:”ประธานอู๋ คำพูดของคุณพูดได้ไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า…”
“ใช่ครับประธานอู๋…” เซียวไห่หลงที่อยู่ข้างๆไม่ค่อยพอใจและเปิดปากพูด:”ตระกูลเซียวของพวกเราอยู่ที่เมืองจินหลิงก็ถือได้ว่าเป็นตระกูลชนชั้นกลาง และตระกูลของพวกเราก็มีหน้ามีตาทางสังคมเหมือนกัน!”
อู๋ตงไห่จ้องหน้าพวกเขาและด่า:”ตระกูลของพวกคุณมีหน้ามีตาทางสังคม?ถ้ามีหน้ามีตาทำไมพวกคุณต้องวิ่งไปคุกเข่าขอร้องและประจบประแจงเซียวอี้เชียน?มีหน้ามีตาทำไมคุณยังไปนอนกับผู้คุมงานในเหมืองถ่านหินดำด้วย?”
เมื่อเซียวฉางเฉียนได้ยินคำพูดเหล่านี้ ทำให้เขาเขินอายจนหน้าแดง แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
เซียวไห่หลงที่อยู่ข้างๆก็เขินอายมากๆ