บทที่ 2143
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
เครื่องบินโบอิ้ง747 ที่ถูกดัดแปลงจนกลายเป็นเครื่องบินส่วนตัว ได้ขึ้นบินออกจากสนามบินเย่นจิง
เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินรุ่นเดียวกับAir Force Oneที่ประธานาธิบดีสหรัฐใช่ในการเดินทาง หากแบ่งที่นั่งบนเครื่องบินเป็นชั้นหนึ่ง ชั้น
ธุรกิจและชั้นประหยัด เครื่องบินลำนี้จะสามารถนั่งได้ทั้งหมด467คน
แต่ตอนนี้ บนเครื่องบินลำนี้ นอกจากนักบินและลูกเรือแล้ว มีผู้โดยสารเพียงคนเดียว และผู้โดยสารคนนี้ก็คือซูโสว่เต้า
จากเย่นจิงถึงควีนส์แลนด์ในประเทศออสเตรเลีย ระยะทางการบินประมาณ9000กิโลเมตร
ด้วยระยะทางการบินที่ไกลขนาดนี้ ถ้าใช้เครื่องบินส่วนตัขนาดเล็กและขนาดกลาง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบินตรงไปถึงโดยไม่จอดพัก
มีเพียงเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่อย่างโบอิ้ง747ที่สามารถบินไกลได้มากกว่าหนึ่งหมื่นกิโลเมตร ถึงสามารถบินตรงไปได้
ซูโสว่เต้าในเวลานี้ กำลังนั่งอยู่บนเครื่องบินและรู้สึกหดหู่ใจมากๆ
เมื่อมองผ่านกระจกบนเครื่องบิน มองเห็นเย่นจิงที่มีไฟสว่างไสวยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ ทำให้จิตใจของเขารู้สึกหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากขึ้นบินได้ไม่ถึงยี่สิบนาที มีคนส่งรูปถ่ายชุดหนึ่ง ไปยังอีเมลของสำนักข่าวต่างๆในเมืองเย่นจิง
รูปถ่ายชุดนี้เป็นการแอบถ่ายซูโสว่เต้าจากระยะไกล ขณะที่เขากำลังไปสนามบิน ผ่านจุดตรวจของสนามบินและขึ้นเครื่องบิน
เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน ทำให้รูปถ่ายไม่ค่อยชัดเจน และรูปถ่ายมีจุดดำต่างๆ แต่ช่างภาพถ่ายรูปได้ดีมากๆ ทำให้คนสามารถมอง
บุคคลในภาพได้อย่างรวดเร็ว นั่นก็คือซูโสว่เต้า
คนที่แอบถ่ายไม่เพียงส่งรูปถ่ายเหล่านี้ไปให้นักข่าว และยังเปิดเผยข้อมูลบางอย่างให้กับนักข่าวด้วย ในข้อมูลระบุว่า:”ความจริงเกี่ยวกับ
เหตุการณ์ของซูรั่วหลี คุณท่านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย คนที่ติดต่อกับกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่น หักหลังและทรยศซู
รั่วหลี อันที่จริงเป็นพ่อแท้ๆของซูรั่วหลี เขาก็คือชูโสว่เต้า!”
อีกฝ่ายยังระบุว่า:”เหตุผลที่ซูโสว่เต้าต้องการให้ชูรั่วหลีตาย เพราะเขาไม่อยากให้เรื่องที่ซูรั่หลีเป็นลูกนอกสมรสของตัวเองถูกเปิดเผย!
อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นความลับตลอดไป!”
และอีกฝ่ายก็ยังปิดเผยข้อมูลบางส่วนว่า:”หลังจากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ภรรยาของซูโสว่เต้าที่ชื่อตู้ให่ชิงกลับไปบ้านพ่อแม่ของเธอทันที
และตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะหย่ากับซูโสว่เต้า และเหตุผลที่ซูโสว่ต้าออกเดินทางจากเย่นจิงในชั่ข้ามคืนเพื่อเดินทางไปออสเตรเลีย เพราะ
กล้วว่าความจริงที่เขาบงการเรื่องนี้อยู่เบื้องหลังจะถูกเปิดเผย! ดังนั้นเขาก็เลยรีบเดินทางหลบหนีไปต่างประเทศทันที และทิ้งให้ซูเฉิงเฟิงที่เป็น
พ่อของตัวเองอยู่ในเย่นจิงและเป็นแพะรับบาปแทนเขา”
เมื่อสักนักข่าวได้รับข้อมูลเหล่านี้ ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่มากๆ ดังนั้นพวกเขาจึงถ่ายทอดสดและออกอากาศอย่างรวดเร็ว!
ทันทีที่ข่าวเรื่องนี้ปรากฎ ก็กลายเป็นข่าวที่สร้างความตกตะลึงในทันที!
ก่อนหน้านี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติญี่ปุ่นพูดว่าซูเฉิงเฟิงเป็นคนหักหลังและทรยศซูรั่วหลี
แต่ในทางตรงก้นข้าม สำหรับประชาชนในประเทศจีน ซูโสว่เต้าหักหลังและทรยศซูรั่วหลี มีความน่าเชื่อถือมากกว่า
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ มีอยู่หลายประการ
ประการแรก ซูรั่วหลีเป็นลูกนอกสมรสของซูโสว่เต้า เนื่องจากชูโสว่เต้าต้องการรักษาชื่อเสียง ภาพพจน์และครอบครัวของตัวเอง ดังนั้น
เขาก็เลยไม่อยากให้เรื่องที่ซูรั่หลีป็นลูกนอกสมรสของตัวเองโดนเปิดเผย ดังนั้น มันก็เลยกลายเป็นเหตุผลที่เขาต้องการฆ่าซูรั่วหลีเพื่อปิดปาก
ประการที่สอง ชูรั่วหลีอยู่ที่ญี่ปุ่นและฆ่าล้างตระกูลมัตสีโมโตะนั้นเป็นคำสั่งของซูโสว่เต้า เรื่องนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ซูโสว่เต้าเป็น
คนที่โหดเหี้ยม อำมหิตและไร้มนุษยธรรมมากๆ ดังนั้นการที่เขาต้องการฆ่าซูรั่วหลีเพื่อปีดปาก มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
ประการที่สาม ซูโสว่เต้าต้องมีความลั่บอยู่ในใจและกลัวว่าจะถูกปิดโปร่ง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ออกเดินทางเพื่อหลบหนีไปออสเตรเลีย
ในช่วงตึกหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น การที่เขาหลบหนีในครั้งนี้ มันเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
ด้วยการเผยแพร่ข่าวของเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ซูโสว่เต้าในสายตาของคนทั้งประเทศ เขากลายเป็นคนชั่วช้าและเดรัจฉานทันที
เขาเป็นคนสั่งฆ่าล้างคนของตระกูลมัตสีโมโตะทั้งหมดหลายสิบคน และเขาเป็นคนหักหลังและทรยศลูกสาวแท้ๆของตัวเอง หลังจากเกิด
เรื่องนี้ขึ้น เขาก็หลบหนีออกนอกประเทศทันที!
ดังนั้น เรื่องนี้จึงทำให้คนจำนวนมากโจมตีซูโสว่เต้าทางโลกออนไลน์ทันที!
แต่เวลานี้ ซูโสว่เต้ายังคงนั่งอยู่บนเครื่องบิน และเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น