พูดแล้ว เย่เฉินก็พูดอีกว่า : อีกอย่าง พวกเขาก็ไม่กล้าพาคนเยอะแยะเข้ามาในหัวเซี่ยอย่างเอิกเกริก อย่างมากก็เป็นพวกคนสำคัญแอบเข้ามาอย่างเงียบๆเท่านั้น
กู้เย้นจงก็พูดอีกว่า : แต่ผมได้ยินมาว่าพวกคนสำคัญเหล่านั้น แต่ละคน เกือบจะเป็นยอดฝีมือแห่งศิลปะต่อสู้ทั้งนั้น อีกอย่างมีบางคนเป็นยอดฝีมือแห่งศิลปะต่อสู้ชั้นยอดด้วย คุณรับมือได้เหรอ?
เย่เฉินยิ้มแล้ว พูดว่า : ช่วงก่อนหน้านี้ตอนที่ผมอยู่ตะวันออกกลางก็เคยประมือกับสำนักว่านหลงมาแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้พวกเขาสูญเสียกำลังคนกว่าพันชีวิตเลย และมีอีกหนึ่งหมื่นคนที่ถูกจับตัวไว้ หนึ่งในราชันสงครามที่มีพละกำลังรองจากว่านพั่วจวิน อยู่ตรงหน้าผมก็เหมือนกับเศษสวะตัวหนึ่ง ผมได้จับตัวเขาไว้แล้ว และให้คนนำตัวมาที่เย่นจิงแล้ว พรุ่งนี้เช้าผมจะพาตัวเขาไปที่ภูเขาเย่หลิงซาน
กู้เย้นจงตกตะลึงจนอ้าปากค้างพร้อมพูดว่า : เฉินเอ๋อ!ข่าวลือในวงการนักเลง ว่ากันว่าช่วงก่อนหน้านี้สำนักว่านหลงได้รับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่ตะวันออกกลางแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณ?
เย่เฉินพยักหน้า ยิ้มพร้อมพูดว่า : แทบจะพูดได้ว่า ความพ่ายแพ้ในครั้งนั้นของพวกเขา ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเพราะผมทั้งหมด
กู้เย้นจงได้ยินแล้วตกตะลึงอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็อยากจะเงยหน้าหัวเราะดังๆอย่างมาก!
ทันใดนั้น เขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมพูดว่า : ฮ่าๆๆๆ!ดีจัง!ดีมากเลยจริงๆ!ในเมื่อพูดแบบนี้ สำนักว่านหลงก็ไม่ใช่คู่ศัตรูอะไรเลยด้วยซ้ำ นี่แม่งเป็นมิตรที่พาชีวิตข้ามมาไกลเป็นหมื่นลี้ เพื่อมาช่วยเหลือเฉินเอ๋อ!!
พูดแล้ว เขาก็ถือโอกาสดึงสายน้ำเกลือที่ข้อมือของตัวเองออกเลย สะบัดมือหลินหว่านชิวพร้อมพูดว่า : ที่รัก!เร็ว!ไปเตรียมกับแกล้ม!ผมจะดื่มกับเฉินเอ๋อสักหน่อย!คืนนี้ถ้าไม่เมาไม่หยุดดื่ม!
ในใจของหลินหว่านชิวก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเช่นกัน แต่คิดไม่ถึงว่าสามีของตัวเองที่ก่อนหน้านี้ยังนอนให้น้ำยาลดความดันโลหิตอยู่ ต่อมาก็ถอดเข็มออกเตรียมที่จะดื่มเหล้าแล้ว
เพราะงั้นเธอยิ้มพร้อมพูดอย่างจนใจว่า : คุณกำลังให้น้ำเกลืออยู่นะ จะดื่มเหล้าได้ที่ไหนกันล่ะ?
กู้เย้นจงโพล่งพูดคัดค้านออกมาอย่างไม่คาดคิดว่า : ดื่ม!จะต้องดื่ม!นี่มีความสุขมากกว่าฉลองปีใหม่อีก!ไม่ดื่มเหล้าสักหน่อยจะถูกทำนองคลองธรรมได้ยังไง! สิ่งที่กู้เย้นจงไม่รู้ก็คือ ในเวลานี้ซูเฉิงเฟิงก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
……
ค่ำคืนนี้ จู่ๆที่เย่นจิงก็มีฝนตกปรอยๆแล้ว
ในเวลาที่ฝนของฤดูใบไม้ผลิแอบมอบความชุ่มชื้นให้โลกอย่างเงียบๆ มีคนที่นอนไม่หลับเยอะมาก และก็มีคนดื่มจนเมาเยอะมากเช่นกัน
คนที่ดื่มจนหมดสติไปก่อน ก็คือซูเฉิงเฟิงเฒ่าชราแก่หง่อม
ไม่มีทางอื่น วันนี้เขามีความสุขมาก
หลังจากที่ตระกูลซูได้รับการโจมตีที่ยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง แตกกระจัดกระจาย ในที่สุดเขาก็มีช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นแล้ว
เพราะว่าเมื่อก่อนถูกกดขี่นานเกินไป ในเวลานี้เขาก็ค่อนข้างที่จะดีใจจนเหลิงแล้ว
เหล้าเหมาไถที่ซูอานสุ้นนำมา เขาดื่มเองไปครึ่งขวดแล้ว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือก็ถือเขานำไปราดลงบนพื้นแล้ว ชนให้กับเย่ฉางอิงแล้ว
บอกว่าอยากจะชนแก้วให้กับเย่ฉางอิงแห่งตระกูลเย่ จริงๆแล้วทำเพื่อเติมเต็มความสุขที่อยู่ในก้นลึกของใจเท่านั้น
ดื่มจนถึงที่สุด ซูเฉิงเฟิงกลับมามองที่ตัวเองและรีบพาซูอานสุ้นกลับไปยังเย่นจิงอย่างเงียบๆ ข้างกายไม่มีลูกหลาน ไม่มีคนรัก ในใจก็เศร้าโศกเสียใจอย่างไม่อาจจะเทียบเทียมได้
เขาดื่มไปหลายแก้ว พูดไปร้องไห้ไปหัวเราะไปอยู่นานมาก ท้ายที่สุดไม่อาจจะเอาชนะความเมาได้ หลับไป ซูอานสุ้นพามาส่งที่ห้องแล้ว
และคนที่ดื่มจนเมาเหมือนกัน ก็มีว่านพั่วจวิน
เพราะว่าพรุ่งนี้เช้า เขาจะต้องนำเอาโลงศพของพ่อแม่ขุดออกมาจากสุสานบรรพบุรุษ และนำไปที่ภูเขาเย่หลิงซาน เพราะงั้นคืนนี้เขาคิดที่จะเฝ้าของหน้าหลุมศพพ่อแม่ทั้งคืน
20ปีที่ต้องอดทนกับความอัปยศแบกรับความเกลียดชัง วันนี้ในที่สุดจะได้แก้แค้นให้พ่อแม่แล้ว เขาตื่นเต้นมาก ดื่มเหล้าขาวต่อหน้าหลุมศพพ่อแม่ไปหลายดีกรีแล้ว
เดิมทีด้วยพละกำลังของเขา สามารถใช้กำลังภายในขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ แต่เขากลับว่าไม่ทำแบบนี้ เพราะว่าเขาอยากเมาหนักๆสักครั้งจริงๆ
อีกฝั่งหนึ่ง กู้เย้นจงก็ดื่มจนเมาแล้ว เมาจนแทบไม่ได้สติ
ก็เป็นเย่เฉินที่ช่วยประคองเขากลับไปที่ห้องนอนของเขากับหลินหว่านชิว
คืนนี้เขามีความสุขมากๆ
กังวลมาทั้งวันแล้ว กลัวมาทั้งวันแล้ว หลังจากที่เสียใจและรู้สึกอึดอัดใจมาทั้งวัน จู่ๆได้รับข่าวดีจากปากของเย่เฉิน ความรู้สึกที่ตอนแรกคิดว่าเรื่องนี้ต้องไม่ดีแน่สุดท้ายกลับไม่คาดคิดว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ ทำให้เขาตื่นเต้นมาก
หลินหว่านชิวดูแลกู้เย้นจง กู้ชิวอี๋จับมือของเย่เฉิน อยู่ในห้องรับแขกไม่ยอมที่จะปล่อยมืออยู่นานเลย
เย่เฉินชวนเธอไปนอน ไม่ว่าเป็นตายร้ายดียังไงเธอก็ไม่ยอม จะนอนพิงไหล่เย่เฉินที่โซฟาให้ได้
เธอบอกว่าทำแบบนี้ถึงจะสัมผัสได้ถึงความมีอยู่ของเย่เฉินได้ เพราะว่าเธอกลัวว่าหลังจากที่ตื่นขึ้นมา เย่เฉินไปจากบ้านแล้ว ขึ้นไปภูเขาเย่หลิงซานเพียงลำพัง
เย่เฉินรู้ว่ายัยเด็กคนนี้เป็นกังวลตัวเอง เพราะงั้นจึงปล่อยเธอไป
ดังนั้น ทั้งสองคนอยู่บนโซฟา พูดเรื่องในอดีต จนกระทั่งกู้ชิวอี๋ทนไม่ไหวเผลอหลับไปแล้ว
เย่เฉินก็นั่งอยู่บนโซฟาปล่อยให้กู้ชิวอี๋พิงแบบนี้ ไม่เคลื่อนไหวเลยทั้งคืน และก็ไม่นอนเลย
ในสมองของเขาไม่คิดถึงว่านพั่วจวินเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่คิดมีเพียงแค่ ต่อไปตัวเองจะสืบทอดเจตนารมณ์ของพ่ออย่างไร ให้ตระกูลเย่ได้อยู่ในลำดับต้นๆของโลก
แม้ว่าสถานการณ์ของเมืองนอก เขาก็รู้เพียงแค่นิดเดียว แต่เขามักจะรู้สึกว่า ถนนที่กว้างใหญ่ได้ก่อเป็นรูปเป็นร่างแล้ว รอเพียงแค่การออกเดินทางที่แท้จริงเท่านั้น
อีกอย่าง สิ่งเดียวที่เหมือนกันกับว่านพั่วจวินก็คือ เขาก็หวังว่าจะมีสักวันหนึ่ง ที่จะได้แก้แค้นแทนพ่อแม่ที่เสียชีวิตไป!