บนเวทีหลักเหย่หลิงเฉินและซุนเฉาเผชิญหน้ากัน ระยะห่างระหว่างพวกเขาห่างกันเพียงห้าเมตร
ดวงตาของซุนเฉาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาจับกำปั้นแล้วยักไหล่เพื่อคลายข้อต่อ
ภายใต้การสังเกตของทุกคน เขาเหมือนเสือที่เปล่งประกายแห่งความกลัวออกมา ตรงกันข้ามเหย่หลิงเฉินเป็นคนธรรมดา เขายืนอยู่ในจุดที่มีนักศึกษาไร้เดียงสา
“การต่อสู้มีความเสี่ยง หากนายสูญเสียแขนขาไปล่ะก็ อย่าโทษฉันก็แล้วกัน” ซุนเฉายิ้มเยาะยกมุมปาก
เหย่หลิงเฉินมีการแสดงออกที่เงียบสงบราวกับว่าเขาไม่ได้อยู่บนเวที
“ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง ขอโทษนักเรียนทั้งชั้นและลาออกจากตำแหน่งอาจารย์ผู้สอนซะ หากคุณพลาดโอกาสนี้มันจะสายเกินไปที่จะร้องขอความเมตตาภายหลัง”
คำพูดง่าย ๆ ของเหย่หลิงเฉินฟังดูไม่ลงรอยกันอย่างมากในสนามที่เงียบสงบทำให้ฝูงชนเงียบมากขึ้น
หลังจากนั้นเสียงหัวเราะเยาะอย่างรุนแรงและการเยาะเย้ยก็ระเบิดออกมาจากฝูงชน
ทุกคนมองไปที่เหย่หลิงเฉินราวกับว่าเขาเป็นเด็กปัญญาอ่อน
“เชี่ยย! ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ป้ะ? ฉันคิดว่าหูของฉันกำลังมีปัญหาแล้วแหละ”
“ไม่น่าแปลกใจที่เขากล้าท้าทายอาจารย์ เพราะเขาปัญญานิ่มแบบนี้ไง!”
“ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องให้คะแนนเต็มเขาเลยสำหรับการโม้รอบนี้”
เหอหยวนก็โยกไปมาพร้อมกับเสียงหัวเราะจับท้องของเขาและตัวสั่นไปหมด เขาไม่สามารถรักษาสมดุลได้ เขาอุทานด้วยความประหลาดใจ “เด็กคนนี้นี่บ้าจริง ๆ! นอกจากศิลปะการป้องกันตัวแล้วเขายังเชี่ยวชาญศิลปะการพูดด้วย คำพูดของเขาเมื่อกี้อาจจะทำให้ใครซักคนหัวเราะจนตายได้! นี่มันน่ากลัวเกินไป!”
หลี่มู่ซือส่ายหัวจากระยะไกลดวงตาของเธอทรยศต่อความรู้สึกที่หลากหลายของเธอ
ผู้ชายคนนั้นน่าทึ่งมากบนรถบัส ท่าทีของเขาทำให้เขาไม่ยอมอ่อนข้อให้กับอำนาจ น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของเขาเป็นผู้สอน!
บุคคลจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีปรับให้เข้ากับสถานการณ์ การใช้ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้เพื่อจับคู่จุดอ่อนของตัวเอง…
“มู่ซือ นี่เธอคิดอะไรอยู่” ฮวงเซี่ยวเหมิงรู้สึกกังวล “เธอต้องไม่ตกหลุมรักครั้งแรกด้วยเรื่องที่ไร้สาระแบบนี้! แค่ถือซะว่าโดนหมาเลียปากแทนแล้วกัน อย่าไปหลงเชื่อ!”
“ไม่ ฉันเปล่า! หยุดพูดเรื่องไร้สาระนะ!” หลี่หมู่ซือหน้าแดงจากนั้นก็เงียบไป
ท่ามกลางฝูงชน ทั้งชั้นเรียนของเหย่หลิงเฉินตื่นตระหนก ใบหน้าของพวกเขาซีดเซียว
นั่นคือนักศิลปะการต่อสู้ พวกเขาสามารถกำจัดคนทั่วไปได้อย่างง่ายดายด้วยการต่อสู้ง่าย ๆ ทำไมเหย่ถึงพูดจาไม่รอบคอบแบบนี้
“เป็นอะไรไปล่ะ? การแสดงออกของพวกนายดูเปลี่ยนไปนะ?” เหอหยวนเยาะเย้ยที่เกิ้งและคนอื่น ๆ
“คุณช่วยหุบปากเน่า ๆ นี้ทีได้ไหม!?” โปเตโต้ตะโกน
“ทำไมล่ะ กลัวเหรอ?” เหอหยวนหัวเราะเบา ๆ “ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะไปหารถเข็นมาเพื่อย้ายคนปัญญาอ่อนนั่นออกไปจากเวที โอ้ใช่ นายควรพาเขาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสมองด้วยนะ”
ซุนเฉาหัวเราะจนน้ำตาไหล ขณะที่นิ้วของเขาชี้ไปที่เหย่หลิงเฉินเขาหายใจเข้าลึก ๆ “คิดว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? ให้โอกาสฉันงั้นเรอะ?”
ด้วยคำพูดนั้นเขาพุ่งตรงไปที่เหย่หลิงเฉิน
ปั้ก! หมัดเดียว
รวดเร็วราวกับสายฟ้าด้วยมุมที่พลิกแพลงราวกับงูเจ้าเล่ห์หมัดพุ่งเข้าหาหน้าอกของเหย่หลิงเฉิน!
คราวนี้เขาได้เรียนรู้จากการขว้างเหนือศีรษะก่อนหน้านี้จากเหย่หลิงเฉิน กำปั้นของเขาเล็งลงไปเพื่อปรับปรุงจุดศูนย์ถ่วงของเขา
อย่างไรก็ตามเหย่หลิงเฉินเพียงแค่ยกแขนขึ้นและถือกำปั้นนั้นไว้ในฝ่ามือของเขา ร่างกายของเขาไม่ขยับแม้แต่น้อย!
หัวใจของซุนเฉาจมลง เขามองเหย่หลิงเฉินด้วยสายตาที่แปลก จากนั้นก็สร้างหมัดอีกหมัดด้วยมือข้างที่ว่างของเขาทันทีและเริ่มโจมตีอีกครั้งที่เหย่หลิงเฉิน
ตึ้ง !!
ราวกับเป็นการเล่นของเด็ก ๆ เหย่หลิงเฉินคว้ากำปั้นอีกข้างหนึ่งไว้ในฝ่ามือของเขาได้เหมือนเดิม
ซุนเฉาพยายามสกัดหมัดของเขา แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงที่นับไม่ถ้วนที่บีบลงบนหมัดของเขาทำให้มันเข้าที่
**ขโมยมาจาก ThaiNovel / My Novel **
อ่านเรื่องนี้ที่ www.thai-novel.com หรือ mynovel.co ด้วยนะคะ ผู้แปลจะได้มีกำลังใจแปลต่อ ขอบคุณค่ะ
FB : June6 Translate นิยายแปลไทย
จากนั้นเขาก็ยกขาขึ้นพยายามเตะ!
เหย่หลิงเฉินยกขาของเขาขึ้นพร้อมกัน ตรึงเท้าของซุนเฉาไว้บนพื้น
“แก?!”
ซุนเฉาจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความไม่เชื่อ ในที่สุดดวงตาของเขาก็แสดงอาการหวาดกลัว
ในแง่ของความเร็วความแข็งแกร่งและแม้กระทั่งเทคนิคเขาไม่สามารถเทียบได้กับเหย่หลิงเฉินเลยแม้แต่น้อย
“ฉันยอ…”
เปรี๊ยะ!
เขาต้องการที่จะยอมจำนน แต่ก่อนที่เขาจะได้แถลงออกมากลับกลายเป็นเสียงครวญครางที่ขมขื่น
แขนทั้งสองข้างของเขาถูกเหย่หลิงเฉินกระชาก กระดูกภายในแหลกเป็นผง
วินาทีต่อมาเหย่หลิงเฉินยกมือข้างหนึ่งขึ้น
ปั้ก!!!
ใบหน้าของซุนเฉาบิดเบี้ยวจากการตบร่างของเขาทะยานขึ้นและหมุนไปในอากาศก่อนที่จะลงสู่พื้น
“ตบนี้สำหรับสาว ๆ ในชั้นเรียนของเรา!” เหย่หลิงเฉินกล่าวอย่างไม่เป็นทางการ จากนั้นเขาก็ยกขาขึ้นและเล็งเตะไปที่หน้าท้องของซุนเฉา!
ปึ้ง!
ร่างของซุนเฉาเลื่อนข้ามเวทีราวกับสัตว์ที่ล้มแล้วกลิ้งลงจากเวที
“เตะนี้สำหรับเพื่อน ๆ ในชั้นของเรา!”
เหย่หลิงเฉินเดินไปที่ขอบเวทีและมองไปที่ซุนเฉา
“อรั๊กก..”
ซุนเฉากระอักเลือดออกมา ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาเต็มไปด้วยความสยดสยอง
เขานอนอยู่ที่พื้น ความเจ็บปวดทรมานทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นได้ เขารู้สึกได้ชัดเจนมาก แขนทั้งสองข้างของเขาหัก ใบหน้าของเขาบวม และหน้าท้องของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เขาแพ้แล้ว เขาพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์!
ตั้งแต่ต้นจนจบเหย่หลิงเฉินเป็นเหมือนแมวที่เล่นกับเหยื่อของมัน เขาทำให้การโจมตีของซุนเฉาเป็นโมฆะได้อย่างง่ายดายและถูซุนเฉาไปกับพื้น
เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นได้ยังไง?
เหย่หลิงเฉินหันหน้าหนีและเดินลงมาจากเวทีหลักอย่างช้า ๆ
เขาให้โอกาสซุนเฉาแล้วแต่ซุนเฉาไม่ยอมรับ ด้วยเหตุนี้จึงไม่จำเป็นต้องมีการอ่อนข้อให้โดยเปล่าประโยชน์
ในขณะนั้นทั้งสนามเงียบสนิท
ฝูงชนตาโปนแทบลืมหายใจ พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงในจุดนั้น
นักศึกษาตะลึง ผู้ฝึกสอนตะลึง และอาจารย์ในสนามก็ตะลึงเช่นกัน
การดวลจบลงเร็วเกินไป ผลลัพธ์ก็เกินจินตนาการของพวกเขาเช่นกัน ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้มากกว่าความฝัน
ก่อนหน้านี้พวกเขาทุกคนกังวลเกี่ยวกับเหย่หลิงเฉิน ใครจะคิดว่าอาจารย์จากสมาคมนักรบจะแพ้?
นักศึกษาใหม่ปีหนึ่งเอาชนะอาจารย์ผู้สอนได้ นี่มันเป็นเรื่องที่ไปไม่ได้ที่จะเข้าใจในระดับโลก นับประสาอะไรกับประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัย!
“นี่…มันเป็นไปได้ยังไง”
เหอหยวนยืนอยู่ด้านล่างเวทีหลัก เขาใช้เวลาสักพักกว่าจะรู้สึกตัว สิ่งที่เขารู้สึกคืออาการหนาวสั่นในแขนขาและหัวใจที่เต้นแรง
เหย่หลิงเฉินเป็นนักสู้ที่มีความสามารถ เหอหยวนคิดว่าถ้าเขาได้รับหมัดจากเหย่หลิงเฉินแล้วล่ะก็ เขาคงจะถูกส่งไปสวรรค์ทันที
ในที่สุดนักศึกษาอยู่รอบ ๆ ก็ฟื้นความรู้สึกจากความตกใจทีละคน
ทุกคนมองไปที่เหย่หลิงเฉิน รูม่านตาของพวกเขาขยายออกไปมาก สิ่งที่พวกเขารู้สึกคือความกลัวและความสับสน
“ชะ.. ชนะ?”
*เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้น? ฉันอยู่ไกลเกินไปที่จะมองเห็น ใครช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อย”
“รุ่นน้องปีนี้โคตรโหด ถ้าจะจีบผู้หญิงรุ่นนี้ฉันว่าต้องคิดใหม่แล้วล่ะ”
ในฝูงชนนี้ คนที่ตื่นเต้นที่สุดคือคลาสที่หกอย่างแน่นอน
“เหย่ เจ๋งมาก! น่าทึ่งมากเพื่อน!”
“เหย่! ทำไมนายไม่บอกเราก่อนว่านายเก่งขนาดนี้? นี่ฉันกังวลจนแทบบ้าเลยรู้ไหม!”
“ถูกต้อง ฉันเกือบจะร้องไห้แล้วรู้ไหม นายหลอกลวงความรู้สึกของฉัน!”
เมื่อเหย่หลิงเฉินเดินมาหาพวกเขาใบหน้าของพวกเขาก็เป็นสีแดงสดเต็มไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขาสูญเสียคำพูดสำหรับสถานการณ์เช่นนี้และในที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็ตะโกนเป็นเอกฉันท์ว่า “ไอ้โง่ซุนเฉา!”
ในเวลานั้นพวกเขารู้สึกว่าเหย่หลิงเฉินเต็มไปด้วยออร่าที่เปล่งประกาย
นี่มันสุดตระการตาเกินเปรียบเทียบ!
…