เมื่อได้ยินคำพูดของเว่ยเลี่ยง หงห้าก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถ้าวันหนึ่งสามารถพิชิตโรคมะเร็งได้ มันจะเป็นข่าวที่ประเสริฐที่สุดของมวลมนุษยชาติอย่างแน่นอน!
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หงห้ากล่าวด้วยใบหน้าเศร้า ๆ เฮ้อ…..ปีนั้นแม่ของผมเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ผมพาเธอไปหาหมอรักษาไปทุกทิศ แต่เธอยังคงอยู่ได้ไม่ถึงเวลาสองปี และความทุกข์ทรมานช่วงเวลาหกเดือนที่เหลือของเธอนั้น ทุกข์ทรมานกว่าความทุกข์ทั้งชีวิตของเธอเสียอกี ถ้าเป็นตอนนี้ ไม่แน่เธออาจจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายปี……
เว่ยเลี่ยงพยักหน้าและกล่าวว่า ถูกต้อง การพัฒนาทางการแพทย์นั้นเร็วมาก และมีวิธีการรักษามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ป่วยมีตัวเลือกในการรักษามากขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม เว่ยเลี่ยงได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา และกล่าวว่า เพียงแต่ราคาของเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยทั่วไปนั้นแพงมาก เช่น โปรแกรมเซลล์บำบัดล่าสุด ค่ารักษาหนึ่งครั้งประมาณสองแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และใช่ว่าจะได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ และการบริโภคยาในด้านเนื้องอกวิทยาเพียงอย่างเดียวของทั่วโลก มีมูลค่ามากกว่าสอนแสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และนี่เป็นเพียงยาเท่านั้น ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด รังสีบำบัด การรักษาแบบประคับประคองและวิธีการรักษาอื่น ๆ
หงห้าถอนหายใจ เฮ้อ ในโลกนี้ คนธรรมดาทำงานอย่างหนักเพื่อหารายได้เพียงเล็กน้อยไปตลอดชีวิต และเมื่อพวกเขาป่วยหนัก พวกเขาจะต้องใช้เงินทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อรักษาตนเอง
เฉินจื๋อข่ายกล่าวอย่างจริงจังว่า หงห้า คุณพูดแบบนี้ไม่ได้ การเสียเงินเพื่อรักษาโรคคือการใช้เงินแลกเปลี่ยนชีวิต ตามคำกล่าวที่ว่า เงินนั้นเป็นสิ่งมีค่า แต่ชีวิตนั้นมีค่ากว่า!
เย่เฉินขมวดคิ้วและไม่พูดอะไร
หลังจากได้ยินสิ่งที่เว่ยเลี่ยงกล่าวเมื่อสักครู่ ทำให้เขามีแรงบันดาลใจ
ความจริง ดูเหมือนว่ากฎมากมายจะเข้างวด แต่ขอเพียงแค่มีน้ำหนักเพียงพอ กฎนั้นก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้
หากสามารถพัฒนายาพิเศษที่สามารถรักษาโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกรงว่าทุกประเทศคงไม่ลังเลที่จะนำยานั้นเข้าสู่ตลาดในประเทศตนเอง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเป็นยา《ตำราเก้าเสวียนเทียน》แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาโรคมะเร็งได้อย่างแท้จริง
นั่นหมายความว่า หากต้องการรักษาโรคมะเร็ง อย่างน้อยก็ต้องใช้ยาระดับเดียวกับยาช่วยหัวใจ
อาศัยยาสมุนไพรจีนธรรมดาทั่วไป แล้วสามารถรักษามะเร็งได้อย่างสมบูรณ์ นั้นมันเป็นความฝันของคนโง่เขลา
และยาช่วยหัวใจนั้น มันได้ก้าวข้ามขอบเขตของยาสิทธิบัตรจีนทั่วไปแล้ว
เพราะมันไม่ใช่แค่ใช้วัตถุยาและผลิตตามสูตรยาเท่านั้น
หากต้องการปรุงยาชนิดนี้ ต้องใช้ปราณทิพย์เป็นสื่อกลาง ใช้วิธีการกลั่นยาตามที่บันทึกไว้ใน《ตำราเก้าเสวียนเทียน》กลั่นแก่นแท้ของวัตถุดิบยาทีละน้อย แล้วจึงใช้ปราณทิพย์ทำให้แก่นแท้ของวัตถุดิบยาระเหิดขึ้น และเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ สุดท้ายก็ควบแน่นเป็นเม็ด
ถ้าขาดปราณทิพย์แล้ว สรรพคุณทางยาอาจไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ
สำหรับยาทิพย์นี้ ความสำคัญของปราณทิพย์นั้นสำคัญมากกว่าตัวยาเอง
นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นยาช่วยหัวใจหรือยาอายุวัฒนะ ขอเพียงเป็นยาที่ต้องใช้ปราณทิพย์กลั่นนั้น ไม่สามารถผลิตเป็นจำนวนมากในสายการผลิตทั่วไปได้
ถึงแม้เย่เฉินจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรุงยาช่วยหัวใจตลอดทั้งวัน เกรงว่าเขาจะสามารถผลิตยาได้แค่วันล่ะไม่กี่ร้อยเม็ดเท่านั้น
ดังนั้น ตอนนี้เย่เฉินจึงไม่มีความสามารถ ที่จะให้บริษัทผลิตยาเก้าเสวียนผลิตยาดังกล่าวออกมา
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
การผลิตยานั้นเพื่อต้องการแสวงหาผลกำไร แต่ก็เพื่อประโยชน์ของสังคมด้วย
หากอนาคตมีวิธีที่จะนำยาช่วยหัวใจเข้าสู่สายการผลิตทั่วไป และสามารถทำการผลิตเป็นจำนวนมากได้ มันก็จะทำให้คำพูดเมื่อสักครู่ของเว่ยเลี่ยงเป็นความจริงได้
เพียงแต่ แนวคิดนี้ถือเป็นความใฝ่ฝันที่ดีเท่านั้น หากต้องการให้มันกลายเป็นความจริง เกรงว่าคงต้องดูว่าในอนาคตนั้นจะมีโอกาสที่ดีกว่าหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเย่เฉินนึกขึ้นได้ว่าผลของยาช่วยหัวใจนั้นทรงพลังมาก ขอเพียงแค่คนยังมีลมหายใจ ยานี้ก็จะช่วยให้คนมีชีวิตรอดได้อย่างแน่นอน และอาการเจ็บป่วยส่วนใหญ่นั้นสามารถรักษาให้หายขาดได้
เมื่อเป็นเช่นนั้น ทางที่ดีควรเจือจางส่วนผสมเพื่อทำยาพิเศษที่สามารถควบคุมโรคมะเร็งได้ หากผู้ป่วยโรคมะเร็งกินยานี้เข้าไปแล้ว จะสามารถยับยั้งการพัฒนาของเนื้องอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้ต่อเนื่องในระยะยาว ไม่เพียงแต่สามารถยับยั้งการพัฒนาของเนื้องอกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เนื้องอกค่อย ๆ หดตัว ทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวได้อย่างมั่นคง