ลิขิตกลกาล – ตอนที่ 149 ระดู
“เจ้าบาดเจ็บหรือ?” คิ้วของต้วนเฉินเซวียนขมวดเป็นปม “เหตุใดเจ้าไม่บอกข้า”
บาดเจ็บ?
ซูเหลียนอวิ้นชะงักไป ไม่ใช่กระมัง…นางจำได้ว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรนี่
ต้วนเฉินเซวียนมองไปที่เอวของซูเหลียนอวิ้น รอยเปื้อนสีแดงเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ตอนนั้นเขาไม่สนใจอะไรแล้วเอ่ยว่า “เจ้ามานี่ ข้าจะช่วยพันแผลให้เจ้า เหตุใดเจ้าถึงโง่ขนาดนี้ตัวเองบาดเจ็บแท้ๆ กลับไม่รู้”
“ข้าไม่ต้องการท่าน!” ซูเหลียนอวิ้นปัดมือออก หน้าของนางแดงขึ้นทันใดจากนั้นจึงผลักต้วนเฉินเซวียนที่เข้ามาใกล้ตนไปให้พ้นอีกด้าน บาดเจ็บอะไรกัน! รอยเลือดนั่น! คือ…
ดูเหมือนว่าจะเป็นระดูของนางเอง…มิน่าเล่าตอนนั้นนางถึงรู้สึกปวดท้องน้อยของนาง ตอนแรกนางคิดว่าเพราะความน่าโกลาหลของเหตุการณ์ทำให้นางตกใจจนปวดท้องไม่คิดเลยว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้นางปวดท้องจะเป็นเพราะร่างกายของนาง…
“จนถึงตอนนี้เจ้าจะยังเขินอายอะไรข้าอยู่อีก” ต้วนเฉินเซวียนคว้าแขนของซูเหลียนอวิ้นที่กำลังวุ่นอยู่กับการพยายามสะบัดมือออก “เร็วเข้าข้าไม่สนใจเรื่องที่เจ้าส่งคนมาทำร้ายข้าครั้งที่แล้วหรอกเจ้าจะหาเรื่องข้าให้มันได้อะไรกัน”
ผู้ใดหาเรื่อง! ตอนนี้ซูเหลียนอวิ้นอยากจะถีบคนตรงหน้าแรงๆ สักที คนอื่นว่านางยังพอทน แต่นี่เป็นต้วนเฉินเซวียนที่ตำหนินาง ตอนนี้นางจะเขยิบตัวรุนแรงอะไรก็ไม่ได้เสียด้วย
เพราะนางกลัวว่าอีกประเดี๋ยว…เลือดของนางจะไหลทะลัก
“ข้ามิเป็นไรจริงๆ” ซูเหลียนอวิ้นก้มหน้าพยายามไม่สบตากับต้วนเฉินเซวียน “ร่างกายของข้า ข้ารู้ดีที่สุด! ข้ามิเป็นไรจริงๆ …” เมื่อพูดจบซูเหลียนอวิ้นก็กุมท้องของตัวเองเอาไว้ เสียงที่นางเอ่ยออกไปนั้นหายใจหอบกระชั้น ท่านโปรดปล่อยข้าเร็วเข้าเถิด! วันนี้ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก…เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าเมื่อใดที่นางกำลังเผชิญกับเรื่องโชคร้าย เมื่อนั้นจะเป็นจังหวะที่นางอยู่กับต้วนเฉินเซวียนทุกครั้ง?
พวกเขาทั้งสองคนมีดวงสมพงศ์กันเสียจริง..โธ่ สวรรค์ นางคงต้องรีบกลับบ้านไปดื่มน้ำตาลแดงต้มเสียแล้ว อีกทั้งยังต้องใช้น้ำส้มโอคั้นล้างตัวเพื่อขจัดความซวยเสียหน่อย!
“เหตุใดเจ้าจึงหยาบคายเช่นนี้…” เสียงของต้วนเฉินเซวียนบ่นพึมพำขึ้น “ตอนนี้ข้าคงจะไม่…” ทำร้ายเจ้า เหตุใดไม่ลองเชื่อใจเขาดูอีกสักครั้ง ในเมื่อเขาแสดงออกอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้ว?
“ผูหลิว! ทางนี้ ทางนี้!” ตอนนี้ซูเหลียนอวิ้นไม่สนใจว่าต้วนเฉินเซวียนจะคิดอย่างไร นางรู้เพียงว่า นางเจอผู้ช่วยชีวิตนางแล้ว!
“คุณหนูใหญ่ ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” ผูหลิวเหลือบมองไปทางต้วนเฉินเซวียนอย่างระมัดระวังแล้วยื่นมือโอบซูเหลียนอวิ้นเข้าสู่อ้อมอกพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาดระแวง “คุณชายต้วนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ?”
“บังเอิญๆ” ซูเหลียนอวิ้นไม่รอให้ต้วนเฉินเซวียนทันเอ่ยปากก็รีบตอบแทนเขา “วันนี้พวกเราสองคนบังเอิญพบกันเท่านั้น ผูหลิว พวกเราอย่าเพิ่งสนใจคนอื่นได้หรือไม่ เจ้าช่วยพาคุณหนูของเจ้ากลับเรือนก่อนเถอะ!”
ความรู้สึกเหนอะน่ะบริเวณด้านหลังของนางช่างกวนใจเสียจริง…และสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือ สายตาของต้วนเฉินเซวียนจับจ้องไปที่บริเวณนั้นบนตัวนางตลอด! ปล่อยนางไปเถอะ…
“เจ้าค่ะ” ผูหลิวดูออกว่าซูเหลียนอวิ้นรู้สึกไม่สบายตัวขนาดไหน อีกอย่างสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางได้กลิ่นคาวเลือดมาจากซูเหลียนอวิ้นคงจะไม่…หากเป็นเช่นนั้นคงมัวแต่รอช้าไม่ได้แล้ว
“ลาก่อน คุณชาย”
ต้วนเฉินเซวียนไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงจ้องไปที่เงาด้านหลังของซูเหลียนอวิ้นสายตาของเขาคล้ายกำลังไตร่ตรองบางสิ่งอยู่
“คุณหนู! กลับมาเสียทีนะเจ้าคะ!” เมื่อได้ยินเสียงประตูดังขึ้น หลีมู่รีบกระโดดลงจากเตียงเพื่อเตรียมจะต้อนรับซูเหลียนอวิ้น
ทว่าเมื่อประตูเปิดออกจนสุด หลีมู่จึงเห็นบุคคลที่ผูหลิวกำลังพยุงเดินเข้ามา ทันใดนั้นริมฝีปากของนางพลันซีดเผือดแล้วเอ่ยว่า “ผูหลิว คุณหนูใหญ่เป็น…คุณหนูเจ้าคะ ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่บ่าว บ่าว…บ่าวจะไปตามหมอมานะเจ้าคะ!”
“เดี๋ยวก่อนหลีมู่!” ซูเหลียนอวิ้นเงยหน้าขึ้น แม้ว่าเสียงของนางจะอ่อนแรง ทว่าความเข้มงวดและความเด็ดขาดที่อยู่ในน้ำเสียงนั้นมิได้อ่อนลงตามไปด้วย “เจ้ารีบไปต้มน้ำร้อนเร็วเข้า ตอนนี้ข้า…เป็นระดู”
“อ่อ…” หลีมู่ตอบรับอย่างล่องลอยด้วยท่าทางลังเลแล้วตั้งท่าจะไปต้มน้ำให้ นางเข้าใจว่าหลังจากที่คุณหนูออกไปแล้วคงเจอเข้ากับเหตุการณ์บาง…แต่การเป็นระดูนั้น? เหตุใดคุณหนูถึงได้ดูคุ้นเคยกับมันเช่นนี้
“คุณหนูใหญ่ไม่เป็นอะไรจริงๆ นะจ้าคะ” เมื่อหลีมู่เดินออกไปแล้วผูหลิวถึงจะกล้าเอ่ยปากถามซูเหลียนอวิ้น เนื่องจากผูหลิวเข้าใจว่าหากหลีมู่ยังอยู่ตรงนี้ ซูเหลียนอวิ้นคงจะไม่กล้าพูดความจริงแม้แต่ประโยคเดียว เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้จะเปิดเผยให้หลีมู่รู้ไม่ได้เด็ดขาด
“ข้าไม่เป็นไร…” ซูเหลียนอวิ้นโบกมือ
แต่เนื่องจากตอนนี้นางกลัวว่าจะทำฟูกเตียงสกปรกจึงไม่ได้นอนลงบนเตียงแต่นั่งลงบนเก้าอี้แทนและเนื่องจากเข้าสู่ฤดูร้อนแล้วบนเก้าอี้จึงไม่ได้ปูเบาะรองนั่งเอาไว้ ดังนั้นพอนางนั่งลงไปอย่างกะทันหันเช่นนี้จึงรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเย็นเฉียบ…
นางรู้สึกว่าท้องของนางปวดมากขึ้นกว่าเดิม!
“ต้มน้ำเสร็จแล้วเจ้าค่ะคุณหนู” หลีมู่ถืออ่างน้ำแล้วเดินเข้ามาในห้องช้าๆ “เดี๋ยวบ่าวจะช่วยคุณหนูอาบน้ำเจ้าค่ะ”
“อืม” ซูเหลียนอวิ้นเอามือเท้าโต๊ะข้างๆ เพื่อพยุงตัวเองนางรีบลุกขึ้น “ผูหลิว เจ้าไปบอกให้หยาเอ่อร์ต้มน้ำน้ำตาลแดงให้ข้าเถิดพอข้าอาบน้ำเสร็จข้าจะได้ดื่มแต่ต้องใส่น้ำตาลแดงให้ข้าเยอะๆ หน่อยนะ”
“เจ้าค่ะ” ผูหลิวพยักหน้ารับ เนื่องจากนางได้เช็คชีพจรของซูเหลียนอวิ้นแล้ว ที่ซูเหลียนอวิ้นเลือดออกคงเป็นเพราะระดูมาเพียงอย่างเดียว บนร่างกายของนางไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
“หลีมู่หลังจากที่ข้าออกไปแล้วไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่หรือไม่” ซูเหลียนอวิ้นที่กำลังแช่อยู่ในอ่างน้ำเอ่ยปากขึ้นพลางหรี่ตา “ทุกอย่างราบรื่นดีใช่หรือไม่?”
“ก็ดีเจ้าค่ะ…” หลีมู่นวดมือเขียวซีดของซูเหลียนอวิ้น “แต่ได้ยินว่าคืนวันนี้ด้านนอกเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น…มีเสียงร้องเอะอะ…แม้แต่ในห้องของบ่าวยังได้ยิน”
“ตอนที่คุณหนูออกไปด้านนอกคงไม่เจอเรื่องอะไรเข้ากระมัง?” หลีมู่ลองเอ่ยปากถามอย่างระมัดระวัง เพราะตอนที่ซูเหลียนอวิ้นกลับเข้ามา มีกลิ่นคาวเลือดจากตัวผูหลิว ไหนจะยังใบหน้าซีดเผือดของซูเหลียนอวิ้น หากกล่าวว่าไม่เจอกับเหตุการณ์ใดเลย? หลีมู่คงจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก
“ก็ดี” ซูเหลียนอวิ้นพึมพำขึ้นมา “จะอย่างไรผลลัพธ์ตอนนี้ก็ไม่แย่นัก”
“อวิ้นเอ๋อร์ อวิ้นเอ๋อร์! เจ้าอยู่ด้านในหรือไม่!” มีเสียงเคาะประตูดังก้องเข้ามาจากด้านนอก หากฟังเพียงเสียงแต่อย่างเดียวแล้วคล้ายว่าประตูนี้กำลังจะทลายเป็นชิ้นๆ
“ท่านแม่? ท่านแม่มาได้อย่างเจ้าคะ” ซูเหลียนอวิ้นเช็ดหยดน้ำที่อยู่บนใบหน้าแล้วเอ่ยปากขึ้น “ท่านแม่ ลูกกำลังอาบน้ำอยู่เจ้าค่ะ ตอนนี้คงไม่สะดวกนักที่จะเปิดประตู…ท่านแม่มีเรื่องด่วนอะไรหรือไม่”
ด้านนอกห้อง เมื่ออันเพ่ยอิงได้ยินเสียงที่ดังมาจากด้านในของซูเหลียนอวิ้นค่อนข้างสงบทั้งยังได้ยินเสียงน้ำกระเพื่อมเป็นคลื่นดังขึ้นเบาๆ จึงค่อยวางใจของตนที่แทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ได้แล้วเอ่ยว่า “มิเป็นไร แม่แค่แวะมาดูเจ้าเท่านั้น อวิ้นเอ๋อร์ ในเมื่อเจ้าอาบน้ำอยู่ งั้นแม่ขอกลับก่อน”
“เจ้าค่ะ ท่านแม่กลับดีๆ นะเจ้าคะ”