ลิขิตกลกาล – ตอนที่ 185 จัดการ
“แล้วอย่างไรต่อเจ้าคะ…” ซูเหลียนอวิ้นกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัวเพราะนางรู้สึกว่าคำพูดของพี่ชายนางยังคงมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ มีความหมายบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่านั้น!
“สมุนไพรนั้นหาได้ยากยิ่งแต่ก็ไม่ถึงกับหาไม่ได้เลย” ซูมั่วเยี่ยยิ้ม “ดังนั้นคนที่สามารถหามาได้และนำมามอบให้พวก รวมไปถึงตำรับยานั้นก็คือเขา”
“คนผู้นั้นคงจะไม่ใช่…” ซูเหลียนอวิ้นแอบออกเสียงชื่อสามพยางค์นั้นในใจโดยที่นางยังไม่ยอมเอื้อนเอ่ยอะไรออกจากปาก
“คนผู้นั้นก็คือคนที่น้องหญิงคิดอยู่ในใจตอนนี้ นั่นก็คือคุณชายต้วน อีกอย่างของต่างๆ ทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นเขาที่หามาให้ด้วยเช่นกัน”
ซูเหลียนอวิ้นเม้มปากแน่นเนื่องจากเวลาเช่นนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเอาชนะกันเรื่องเป็นงานเป็นการกับเรื่องส่วนตัวนางรู้จักแยกแยะดี
การที่ต้วนเฉินเซวียนเสนอการรักษาที่มีประสิทธิภาพให้อันเพ่ยอิงเช่นนี้แถมยังหาสมุนไพรมาให้ด้วยนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้นางคลายความสงสัยลงได้เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องดี นางจึงควรซาบซึ้งในน้ำใจของต้วนเฉินเซวียนเพราะโรคเรื้อรังเช่นนี้เป็นสิ่งที่ทรมานคนมากที่สุด แม้ว่าที่ผ่านมาอันเพ่ยอิงจะพยายามไม่ใส่มันมากนักก็ตาม
ทว่าหากพูดแบบเห็นแก่ตัวแล้ว ตอนนี้ซูเหลียนอวิ้นภาวนาขออย่าให้มีโอกาสใดๆ ที่จะดึงต้วนเฉินเซวียนเข้ามาเกี่ยวข้องกับนางเป็นการส่วนตัวได้เลย หากเขาใช้โอกาสในการมาส่งยาเช่นนี้ นางเกรงว่านางจะต้องพบหน้ากับเขาบ่อยๆ
“พี่รู้ว่าเจ้าไม่ชอบใจนัก แต่การที่เขายื่นมือมาช่วยท่านแม่เช่นนี้เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับอย่างไม่ต้องพิจารณาอะไรทั้งสิ้น”
“เจ้าค่ะ” ซูเหลียนอวิ้นก้มหน้าพึมพำ “เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ควรรับมาเปล่าๆ แต่ควรตอบแทนเงินให้เขาด้วย” รีบจ่ายเงินแลกของให้จบๆ ไปซะ เพราะการติดค้างน้ำใจต่อกันเป็นเรื่องที่ตอบแทนยากมากที่สุด!
“ต้วนเฉินเซวียนไม่ต้องการเงิน” ตอนนี้ซูมั่วเยี่ยยิ้มอย่างเหลืออด “เขาต้องการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
“เขาต้องการอะไร” ซูเหลียนอวิ้นร้อนใจจึงไม่ทันได้รอให้ซูมั่วเยี่ยพูดจบก็เอ่ยแทรกขึ้นมา “อย่าบอกนะว่าเกี่ยวข้องกับน้องด้วย!” เพราะต้วนเฉินเซวียนเองก็…แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเขาทำอย่างไร เขาถึงได้มีความทรงจำของเมื่อชาติที่แล้วได้!
ซูเหลียนอวิ้นจึงรู้สึกว่าพรหมลิขิตที่ไม่ควรเกิดขึ้นระหว่างเขากับนางคงจะพัวพันกันอยู่อย่างนี้ไปอีกแสนนาน
“น้องหญิงอย่าห่วงเลย ไม่มีคำพูดใดทีเขาเอ่ยถึงเจ้าเลย เขาเพียงเปรยว่า…หากท่านแม่กินยาหมดแล้วและรู้สึกว่าเห็นผลดี ตอนนั้นถึงจะเป็นโอกาสที่เขาจะพูด”
“โอกาศที่เขาจะพูด…?” ซูเหลียนอวิ้นพึมพัมคำไม่กี่คำนี้ในใจ โอกาส? เขาจะมาหาท่านแม่เพื่อขอโอกาส…!
“เช่นนั้นท่านแม่ตอบรับหรือไม่เจ้าคะ”
“พี่รู้แค่ว่าวันนี้เขาพูดแบบนั้น แต่เขากับท่านแม่คุยกันตามลำพังในห้อง ดังนั้นเขาคุยเรื่องอะไรกันบ้าง พี่เองก็ไม่แน่ใจนัก” แววตาของซูมั่วเยี่ยทอดมองเหม่อออกไปไกล
เขารู้ดีว่าต้วนเฉินเซวียนกับมารดาของเขาจะต้องสนทนาเรื่องที่ไม่ธรรมดากันอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นแล้วหลังจากที่ต้วนเฉินเซวียนกลับไปแล้วมารดาของเขาคงไม่ขมวดคิ้วแน่นคล้ายถูกเรื่องบางอย่างบีบคั้นอยู่ในใจเช่นนี้
ช้าไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น! ซูเหลียนอวิ้นรู้สึกร้อนใจเหมือนโดนไฟสุม
เพราะหากจะให้ตัดสินว่าต้วนเฉินเซวียนมีวาทศิลป์ถึงขั้นไหนนั้น นางอาจจะไม่กล้ายืนยันออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำนักแต่นางมั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า หากเขาจะหลอกล่อมารดาของนางให้ประทับใจนั้น ด้วยความสามรถของต้วนเฉินเซวียนแล้วถือว่ามีอย่างเหลือเฟือนัก!
“อย่างนี้เองหรือ” ซูเหลียนอวิ้นพยายามทำสีหน้าของตนให้ดูผ่อนคลายขึ้น
รอจนกระทั่งนางรู้สึกว่าตัวเองไม่มีสีหน้าหงิกงอขุ่นเคืองแล้ว นางถึงจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มแล้วเอ่ยด้วยท่าทีผ่อนคลายว่า “วันนี้ท่านแม่มาหาน้องเพื่อจะคุยเรื่องบางอย่างแต่น่าเสียดายที่น้องตื่นช้าเกินไป งั้นเป็นพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน พรุ่งนี้เช้าน้องจะไปคุยกับท่านแม่เจ้าค่ะ ตอนนั้นท่านพี่ไปเป็นเพื่อนน้องด้วยนะเจ้าคะ” นางจะต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าต้วนเฉินเซวียนวางยาอะไรไว้ในน้ำเต้า[1]บ้าง! พูดคำสองคำถึงกับทำให้มารดาของนางสั่นคลอนได้?
ได้ เช่นนั้นก็ให้นางได้ฟังกับหูตัวเองไปเลยดูซิว่าจะทำให้นางสั่นคลอนไปด้วยได้หรือไม่?
ณ จวนจิ้งอันโหว
“นายท่านดูอารมณ์ดีนะขอรับ! ” ในตอนที่หลิวจือกำลังจัดเก็บตู้หนังสือให้ต้วนเฉินเซวียนอยู่และกำลังหันหน้าไปอีกทางเพื่อจัดข้าวของอื่นๆ ต่อนั้น ในช่วงที่เขากำลังหันหน้านั้นเองเขาก็แอบเห็นเจ้านายของตัวเองกำลังยิ้ม! ใช่เขากำลังยิ้มอยู่!
เจ้านายของเขา…ครั้งล่าสุดที่ยิ้มเช่นนี้…รอยยิ้มที่บริสุทธิ์ใจครั้งสุดท้ายของเขามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะหลิวจืออุ้มหนังสือที่ยังจัดการไม่เสร็จไว้ในมือพลางครุ่นคิด ทว่าผ่านไปครู่หนึ่งหลิวจือจำต้องถอดใจ! เพราะเวลามันผ่านไปนานมากจนเขานึกไม่ออกเสียแล้ว!
“ใช่ ข้าอารมณ์ดี” น้อยครั้งนักที่ต้วนเฉินเซวียนสนับสนุนการคาดเดาของหลิวจือนั่นเป็นเพราะเขาได้จัดการด่านแม่ยายไปได้หนึ่งด่านแล้วอย่างไรเล่า? เรื่องนี้จะไม่ให้ดีใจคงจะยาก!
สำหรับตระกูลซูนั้น หากเป็นตอนที่อยู่นอกบ้าน แน่นอนว่าผู้ที่ใหญ่ที่สุดคือซูปั๋วชวน! ทว่าหากกล่าวถึงอำนาจภายในครอบครัวแล้วคงจะต้องยกให้อันเพ่ยอิงกับหวางฉือหวนสองคนนี้กระมัง
เพราะว่าคนหนึ่งเป็นภรรยาของซูปั๋วชวน ส่วนอีกคนเป็นถึงมารดาของซูปั๋วชวน!
อีกอย่างในความคิดของเขา เมื่อเขาสะสางกับอันเพ่ยอิงได้นั่นก็เท่ากับว่าเขาได้สะสางความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูมั่วเยี่ยไปได้แล้วครึ่งหนึ่งด้วย! เพราะซูมั่วเยี่ยเป็นลูกกตัญญู คำพูดของอันเพ่ยอิงย่อมส่งผลกับเขามากกว่าคำพูดของคนอื่นไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า!
เมื่อต้วนเฉินเซวียนคิดทบทวนไปมาบนใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นคราวนี้เขาได้อันเพ่ยอิงมาเป็นพวกของเขาแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าลูกแมวขนพองตัวนั้นจะทานทนไปได้อีกสักนานเท่าไหร่
“เกี่ยวกับคุณหนูซูด้วยหรือขอรับ…?” หลิวจือเอ่ยปากอย่างลังเล เนื่องจากรอยยิ้มของนายท่านในตอนนี้เป็นรอยยิ้มที่…บริสุทธิ์สดใสและเบิกบานใจเสียเต็มที!
“ไม่…” ความคิดของต้วนเฉินเซวียนเมื่อครู่นี้กำลังจะปฏิเสธออกไป แต่ขณะที่เขาเพิ่งเอ่ยไปได้เพียงคำเดียวนั้นต้วนเฉินเซวียนก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ถูกต้อง
เขาปฏิเสธไม่ได้! ต้วนเฉินเซวียนส่ายหน้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปขอแค่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซูเหลียนอวิ้นแม้เพียงเล็กน้อย เขาจะต้องรีบเป็นฝ่ายยอมรับให้ไวที่สุดถึงจะถูกต้อง!
“เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซูเหลียนอวิ้น” ต้วนเฉินเซวียนรู้สึกว่าใบหน้าของตนร้อนผ่าว เพราะคำพูด…แบบนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของเขาที่เป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยต่อหน้าคนอื่นก่อนกระมัง
“อ่อๆ” หลิวจือพยักหน้าแล้วมองไปยังต้วนเฉินเซวียนด้วยสายตาประเภทที่ว่าแค่เดาดูก็รู้แล้ว “อย่างนั้นนายท่านจะทำอย่างไรต่อไปขอรับมีอะไรให้บ่าวช่วยหรือไม่!” หลิวจือยืดอกแล้วเงยหน้าเอ่ย
ต้วนเฉินเซวียนกำลังครุ่นคิดพิจารณาว่าตนจะส่งหลิวจือไปที่นั่นเพื่อเบิกทางเอาไว้ก่อนดีหรือไม่เพราะเขาเองก็รู้สึกว่าซูเหลียนอวิ้นคงจะมีเรื่องราวมากมายที่อยากจะพูดกับเขาเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้!
ทว่าวินาทีต่อมา เมื่อต้วนเฉินเซวียนเห็นใบหน้าที่ยังมีรอยฟกช้ำของหลิวจือแล้วก็ล้มเลิกความคิดนี้ทันที!
เขาไปเองดีกว่า! ทั้งจะดูจริงใจกว่าด้วย แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาคิดว่า…หากหลิวจือกลับไปอีกรอบหนึ่งแล้วถูกจับได้ เขาคงถูกซ้อมอีกยกหนึ่งแน่! เฮ้อ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ไปแล้วหลิวจือจะยังเสนอตัวเองไปอีกหรือ
ต้วนเฉินเซวียนแอบคิดในใจว่า ตอนนี้แผลคงจะหายเจ็บแล้วกระมัง ถึงแม้ว่าดูแล้วจะยังไม่หายดีก็ตาม!
——
[1] วางยาอะไรไว้ในน้ำเต้า หมายถึง มีแผนการร้ายอะไรบางอย่างซ่อนเร้นไว้