ลิขิตกลกาล – ตอนที่ 188 ของหมั้นหมาย
ซูเหลียนอวิ้นเม้มปากแล้วมองไปยังต้วนเฉินเซวียนที่มีท่าทางจริงจัง ตอนนั้นนางเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกัน
ผ่านไปพักใหญ่ซูเหลียนอวิ้นจึงค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “ต้วนเฉินเซวียน อันที่จริงแล้วท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้…” เพราะการที่ท่านทำอย่างนี้จะทำให้นางรู้สึกว่าต้วนเฉินเซวียนมีบุญคุณกับนาง
สีหน้าของต้วนเฉินเซวียนไม่เปลี่ยนแปลง เขายังคงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “แต่ข้าเต็มใจนี่นา อีกอย่างเรื่องนี้ก็มิได้มีข้อเสียอะไรกับเจ้าเลย?”
“ไม่มี…” น้ำเสียงของซูเหลียนอวิ้นคลุมเครือ เรื่องนี้ไม่เพียงไม่มีข้อเสียแต่ยังมีข้อดีหลายข้ออีกด้วย!
“อย่างนั้นก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ? เจ้าก็มิต้องรู้สึกกดดันอะไรหรอก เพราะอย่างไรเมื่อชาติที่แล้วเจ้าก็ทำเพื่อข้าตั้งมากมาย ดังนั้นตอนนี้หากจะผลัดกันก็ควรจะเป็นคราวของข้าบ้างแล้วมิใช่หรือ”
เมื่อซูเหลียนอวิ้นได้ยินการอธิบายเช่นนี้ก็ไร้ซึ่งคำพูดใดจึงทำได้เพียงเม้มปากแน่น “ต้วนเฉินเซวียน ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ ท่านพูดมาตามจริงเลยได้หรือไม่”
ท่านต้องพูดกลยุทธ์ของท่านมาก่อนสิ! จากนั้นนางถึงจะ…ค่อยคิดกลยุทธ์ของนางว่าจะรับมือย่างไร!
“อ้อได้ บอกเจ้าก็ไม่มีปัญหาอะไร” ต้วนเฉินเซวียนหันหน้าไปทางผูหลิวที่ยืนอยู่ข้างซูเหลียนอวิ้นที่ไม่พูดไม่จาและเอาแต่ก้มหน้ามองกระเบื้องด้านล่าง จากนั้นเขาจึงยิ้มกว้างแล้วเอ่ยว่า “ที่ผ่านมาข้ามีแผนการมากมาย แต่แผนการของข้าในตอนนี้ก็คือขอเจ้าแต่งงาน” เขาไม่สนใจว่าผูหลิวจะได้ยินหรือไม่ หรือว่าเต็มใจจะได้ยินคำพูดของเขาหรือไม่ เพราะเขาเพียงต้องการจะใช้ปากของผูหลิวแพร่ข่าวออกไปให้ถึงหูของซูมั่วเยี่ย
ซึ่งข่าวนั้นก็คือ คุณชายอย่างเขาชอบน้องสาวของท่านแล้ว! และเอาจริงเสียด้วย! ไม่ว่าจะขัดขวางอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
ซูเหลียนอวิ้นเบะปาก “ปณิธานของคุณชายยิ่งใหญ่นัก” เอาเรื่องการสู่ขอนางมาเป็นเป้าหมายและแผนการที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันน่ะหรือ? โอ้โฮ ปณิธานอย่างนี้ร้ายกาจยิ่ง! ว่าแต่เคยถามความเห็นของนางบ้างแล้วหรือยัง?
“เหอะๆ ” ซูเหลียนอวิ้นรู้สึกว่าการสนทนานี้ไร้หนทางที่จะดำเนินต่อไปได้อีก เพราะนางอยากจะสนทนาอย่างจริงจัง ทว่าต้วนเฉินเซวียนตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่?
พูดแต่เรื่องไร้สาระทั้งสิ้น มีแต่ความหลงตัวเองทั้งนั้น! ไม่มีทางที่จะคุยกันรู้เรื่อง!
“ก็ได้” ซูเหลียนอวิ้นหน่ายจะโต้เถียงกับต้วนเฉินเซวียนอีกต่อไป ถึงอย่างไรผลสุดท้ายนางก็เถียงไม่ชนะเขาอยู่ดี! อย่างนั้นจะมีประโยชน์อะไร? รีบแยกย้ายไปพักผ่อนให้เร็วขึ้นจะดีกว่า เนื่องจากสองวันนี้ชีวิตนางวุ่นวายมากเกินไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะนอนมากแค่ไหน ใต้ตานางก็ยังคงคล้ำอยู่ดี!
“ข้าง่วงแล้ว” ซูเหลียนอวิ้นส่งสัญญาณไล่แขก “ท่านมาจากทางไหนก็รีบกลับไปทางนั้นเถิด” แค่เห็นนางก็รู้สึกเวียนหัวแล้ว!
“แต่เจ้านอนไปตลอดทั้งบ่ายแล้วมิใช่หรือ? ” ต้วนเฉินเซวียนไม่พอใจ “แล้วตอนนี้เจ้าจะยังนอนหลับอีกรึ? ” ต่อให้เป็นการหาเรื่องไล่เขาไปให้ไกลๆ แต่อย่างน้อยก็ควรหาเหตุผลที่มันดีกว่านี้หน่อยมิใช่หรือ? เหตุผลนี้มันไร้ซึ่งความใส่ใจเกินไปหน่อย! ต้วนเฉินเซวียนขมวดคิ้ว อีกอย่างน้ำเสียงของนางยังแสดงความรำคาญชัดเจนอีกด้วย!
“ข้ารู้สึกง่วงมากไม่ได้หรือไง? อีกอย่างเหตุผลนี้ก็ไม่เลวแล้ว เพราะแค่นี้ก็ถือว่าข้าเกรงใจท่านมากแล้ว” ซูเหลียนอวิ้นหันตัวไปทางผูหลิวพลางเอ่ยขึ้น “ไม่เตะท่านออกไปแถมยังพยายามหาเหตุผล นี่ก็ถือว่าไว้หน้าท่านมากแล้ว? “
“คุณชายต้วนชอบถูกไล่ออกไปหรือ? หรือว่าคิดถึงรสชาติแส้ของผูหลิว? ” ซูเหลียนอวิ้นหัวเราะเบาๆ เพราะนางนึกถึงสีหน้าสลดครั้งที่แล้วของต้วนเฉินเซวียนที่ได้ลิ้มรสมือของผูหลิว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก!
นี่คิดจะไล่เขากลับจริงๆ สิท่า! ต้วนเฉินเซวียนลุกขึ้นแล้วส่ายหน้า “ใจดำยิ่ง ใช้งานข้าเสร็จแล้วก็เขี่ยข้าทิ้ง” ทว่าท่าทางใจดำของนางก็น่ารักดีเช่นกัน นี่ยิ่งทำให้เขายิ่งรู้สึกชอบนางมากขึ้นไปอีก
เขาควรทำอย่างไรดี?
“เอ่อ ถอดใจเสียเถอะ” ซูเหลียนอวิ้นเอ่ยอย่างสงบราวกับไม่ได้สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น “เชิญคุณชายต้วนอยู่ให้ห่างๆ คนใจดำอย่างข้าเถิด”
“คงจะ…เป็นไปไม่ได้” ต้วนเฉินเซวียนเผยยิ้มออกมา อีกอย่างเกรงว่าอีกสักพักหนึ่งซูเหลียนอวิ้นจะไม่สามารถเอ่ยประโยคนี้ได้อีกแล้ว ดังนั้นตอนนี้ปล่อยให้เจ้าได้ใจเล็กๆ น้อยๆ ไปก่อนก็แล้วกัน
“ช่างเถิด ข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว ข้าขอตัวก่อน” ในขณะที่ต้วนเฉินเซวียนเดินไปที่ประตูและกำลังจะก้าวข้ามธรณีประตูอยู่นั้นกลับคิดบางเรื่องขึ้นมากระทันหันจึงหันหน้ากลับไปพูดว่า “ซูเหลียนอวิ้นอันที่จริงแล้วหากเจ้าอ้วนขึ้นอีกสักหน่อยจะน่าดูกว่านะ ตอนนี้เจ้า…ผอมมากเกินไปแล้ว!” มองแล้วทำให้รู้สึกว่าหากอุ้มนางขึ้นมาคงจะโดนกระดูกทิ่มมือแน่! มีเนื้อมีหนังน่ารักกว่ามากนัก อีกอย่างรูปร่างผอมแห้งเช่นนี้…ยังทำให้เขาไม่ลืมเรื่องดอกนุ่นของซูเหลียนอวิ้นในตอนนั้น!
หากมีหน้าอกขึ้นมา คงจะดีกว่ามาก! ดังนั้นรีบอ้วนขึ้นเถอะ! ไม่แน่อาจทำให้ตรงนั้นขยายใหญ่ขึ้น? ข้าเองก็ได้ประโยชน์ ซูเหลียนอวิ้นเองก็คงจะพอใจเช่นกัน!
“มันเกี่ยวอะไรกับท่านด้วย!” นางควรจะดีใจมิใช่หรือ? ในเมื่อมีคนบอกว่านางผอมลงแล้ว!
“มีเนื้อมีหนังหน่อยมันน่าสัมผัสกว่าตั้งเยอะ!” ต้วนเฉินเซวียนยิ้ม
“……”
คราวนี้ซูเหลียนอวิ้นไม่พูดอะไร แต่นางกลับก้มตัวลงแล้วถอดรองเท้าส้นเตี้ยปักลายดอกไม้ของตนขึ้นมา จากนั้นจึงเล็งไปทางประตูแล้วเขวี้ยงออกไป
ต้วนเฉินเซวียน จอมอันธพาล!
ซูเหลียนอวิ้นโมโหจนไหล่เริ่มสั่น น่าสัมผัสกว่าตั้งเยอะรึ? เวลาที่รองเท้าของนางกระแทกหน้าคนคงจะน่าสัมผัสกว่ากระมัง!
“ขอบคุณมาก” ต้วนเฉินเซวียนรับรองเท้าไว้อย่างไม่เกรงกลัว จากนั้นจึงเก็บรองเท้าส้นเตี้ยอันนั้นไว้ในอก “นี่ถือว่าเป็นของหมั้นหมายที่เจ้าให้ข้าชิ้นแรกก็แล้วกัน? อย่างนั้นข้าจะต้องเก็บมันไว้ให้ดีๆ เสียแล้ว”
ซูเหลียนอวิ้นมองไปยังเงาที่หายตัวไปจากประตูพร้อมลมอ่อนๆ ที่พัดจนบานประตูสั่นไหว จากนั้นนางจึงเม้มปากแน่นไร้คำพูดใด! เพราะชาติที่แล้วนางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในตัวของต้วนเฉินเซวียนมีด้านที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน?
คนผู้นี้คือใครกัน! คุณชายต้วนผู้สูงส่งคนเดิมเล่า? ตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว!
“คุณหนูใหญ่?” ผูหลิวพยายามฝืนการแสดงออกทางสีหน้าเอาไว้ เมื่อต้องเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด นางพูดได้เลยว่าคุณชายต้วนผู้นี้…ค่อนข้าง…ขี้เล่น? และมีเสน่ห์มาก
มิเช่นนั้นเพราะเหตุใดตัวนางจึงเริ่มรู้สึกหวั่นไหวเสียแล้ว! จู่ๆ ก็รู้สึกว่าบางทีคุณชายต้วนอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกเขาคิด และคิดไม่ถึงว่าพอลองจับคู่เขากับคุณหนูใหญ่แล้วยิ่งให้ความรู้สึกเหมาะสมกันมากทีเดียว!
“มีอะไร!” ซูเหลียนอวิ้นเอ่ยปากอย่างไม่สบอารมณ์ “มีเรื่องอะไรจะพูด?” เนื่องจากพฤติกรรมเมื่อครู่นี้ของนางทั้งหมดมาจากจิตใต้สำนึกของนางล้วนๆ! นางลืมไปเลยว่าข้างกายนางมีคนเป็นๆ ยืนอยู่ทั้งคน…นี่มัน…ทำอย่างไรดีนางเริ่มรู้สึกขายหน้าขึ้นมาเสียแล้ว?
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ” ผูหลิวทำหน้าเคร่งขรึมพลางเอ่ยขึ้น “ว่าแต่ตอนนี้คุณหนูใหญ่จะเข้านอนเลยหรือไม่? หากจะเข้านอนเลย บ่าวจะได้จัดที่นอนให้เจ้าค่ะ” เนื่องจากเดาเอาไว้ว่าวันนี้ต้วนเฉินเซวียนจะต้องมา ดังนั้นที่นอนของซูเหลียนอวิ้นจึงถูกจัดเก็บเอาไว้ก่อน
“แน่นอน ข้าอยากเข้านอนแล้ว! ข้าง่วงมากเลย!” นอนๆๆ! ต่อให้นอนไม่หลับนางก็จะลองนอนดู เพราะการสนทนากับต้วนเฉินเซวียน…ทำให้นางอ่อนล้าและเผาผลาญพลังงานของนางไปมากทีเดียว!