ลิขิตกลกาล – ตอนที่ 255 ยานอนหลับ
“ดี” ต้วนเฉินเซวียนยิ้ม จากนั้นจึงยกมือขึ้นมาลูบหัวซูเหลียนอวิ้น “เช่นนั้นก็เชื่อฟังข้า”
แต่ข้าต่างหากที่ฟังเจ้า
“แต่อย่างไรข้าก็รู้สึกว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็คงไม่มีอะไรที่สบายไปกว่าตอนนี้อีกแล้ว”
“เอ่อ” ซูเหลียนอวิ้นเลิกคิ้วแล้วเหลือบมองต้วนเฉินเซวียนอย่างเคลือบแคลงใจ เพราะเขาจะตัดสินใจง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ
“อืม” ต้วนเฉินเซวียนพยักหน้า “ทุกวันนี้ ข้าก็ใช้ชีวิตมีความสุขเหมือนเทวดาอยู่แล้ว ดังนั้นสำหรับข้า จึงไม่มีความต้องการของอย่างอื่นอีกแล้ว”
“อืม ข้าเข้าใจ” ซูเหลียนอวิ้นก้มหน้าตอบรับ จากนั้นนางจึงหยิบนิยายในมือขึ้นมาเปิดอ่าน
คำพูดที่บุรุษเอ่ยออกมานั้นเชื่อได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น! นี่เป็นคำพูดที่อันเพ่ยอิงกำชับนางก่อนที่นางจะออกเรือน ซูเหลียนอวิ้นรู้สึกว่านี่เป็นคำพูดที่มีเหตุผลอย่างยิ่ง!
เมื่อต้วนเฉินเซวียนเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของซูเหลียนอวิ้น เขาก็รู้สึกหมดกำลังใจขึ้นมา เพราะซูเหลียนอวิ้นในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกว่า ไม่ว่าเขาจะพูดจาน่าฟังแค่ไหนหรือพยายามทำอะไรเพื่อให้นางประทับใจก็เหมือนเขากำลังทุบลงไปบนนุ่นหนาๆ เท่านั้น
ออกแรงไปแล้วแต่ได้ผลกลับมามากน้อยแค่ไหนนั้น กลับไม่อาจล่วงรู้ได้
ตอนนี้เขาเพียงรู้สึกว่าหากเขาทำพลาดอะไรไปแม้แต่นิดเดียว ซูเหลียนอวิ้นก็พร้อมที่จะถอนตัวไปจากเขาทันทีโดยไม่เหลือเยื่อใยอะไรทั้งนั้น! แล้วจะให้เขาทนรับความรู้สึกเช่นนี้ได้อย่างไร
“อวิ้นเอ๋อร์ ไม่ต้องอ่านหนังสือแล้ว คุยเป็นเพื่อนข้าก่อน” ผ่านไปพักใหญ่ต้วนเฉินเซวียนก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้จึงเอ่ยออกมาก่อน
เพราะการที่เขาอัดอั้นความรู้สึกของตัวเองไว้ข้างในเป็นเวลานานเช่นนี้ และจ้องมองซูเหลียนอวิ้นอ่านหนังสือจนแก้มของเขาเริ่มเต้นตุบๆ เขาพยายามจ้องนางจนดอกไม้แทบจะงอกออกมา ซูเหลียนอวิ้นก็ยังคงไม่มีท่าทางจะปลอบใจเขาสักนิด แล้วอย่างนี้จะให้เขาทนต่อได้อย่างไร
“คุยกับข้า!” ต้วนเฉินเซวียนยื่นมือออกไปเพื่อคว้าหนังสือที่บดบังใบหน้าของซูเหลียนอวิ้นออก
ซูเหลียนอวิ้นกรอกตา จากนั้นจึงถอนหายใจแรงๆ นางรู้สึกอับจนหนทาง เพราะนางรู้ดีว่านิสัยเด็กๆ ของคุณชายต้วนกำลังกลับมาอีกแล้ว หากตอนนี้นางไม่ยอมปลอบเขา อีกประเดี๋ยวเขาคงทำลายเรือนทั้งเรือนทิ้ง
แต่เมื่อครู่นี้นางเพิ่งจะอ่านถึงจุดหักมุมของเรื่องนี้เอง ให้นางอ่านให้จบก่อนแล้วค่อยคุยได้หรือไม่
“เป็นอะไรอีกคุณชายต้วน” ซูเหลียนอวิ้นวางหนังสือไว้อีกด้านเพื่อทำให้เขาเห็นว่านางไม่ได้สนใจเรื่องอื่นแล้วในตอนนี้ ทีนี้ต้วนเฉินเซวียนก็รีบพูดออกมาเสียที รีบพูดให้จบๆ นางจะได้รีบกลับไปอ่านต่อ
“ข้า…” อืม คราวนี้เป็นต้วนเฉินเซวียนบ้างแล้วที่พูดไม่ออก!
เพราะเมื่อครู่นี้เขาเพียงรู้สึกว่าตัวเองคิดเรื่อยเปื่อยอยู่เพียงคนเดียว ส่วนซูเหลียนอวิ้นนั้นกลับอ่านหนังสืออย่างมีสมาธิโดยไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เขารู้สึกว่าไม่เป็นธรรมเท่าไหร่นัก! ดังนั้นตอนนี้พอซูเหลียนอวิ้นถามเขาว่าเขาอยากคุยเรื่องอะไร นั่นกลับทำให้เขาไม่มีคำตอบเสียแล้ว!
ซูเหลียนอวิ้นทำปากจู๋แล้วเอามือข้างหนึ่งยกขึ้นมาปิดตาของตัวเองเอาไว้พลางเอ่ยว่า “คุณชายต้วน…ท่านเป็นแบบนี้เพราะว่างเกินไปใช่หรือไม่ก็เลยไม่ชิน” เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนต้วนเฉินเซวียนยุ่งจนแทบจะแยกร่าง แต่ตอนนี้กลับว่างจนไม่มีอะไรจะทำ
น่าจะเป็นเพราะแตกต่างจากตอนนั้นมากเกินไป ดังนั้นจึง…พยายามหาเรื่องทำกระมัง
“ก็ดี” ต้วนเฉินเซวียนกระพริบตา “พวกเรามาเล่นหมากล้อมกันดีหรือไม่” อยู่ด้วยกันก็สามารถหาอะไรเล่นด้วยกันได้ เขาจะได้ไม่ต้องคิดอะไรมากนัก
“ไม่เอา” ซูเหลียนอวิ้นปฏิเสธ เพราะฝีมือการเดินหมากของต้วนเฉินเซวียนเป็นอย่างไร นางอาจเดาไม่ถูกทั้งหมด แต่หากเขาอยากเอาชนะนาง นั่นจะต้องเป็นเรื่องหมูๆ สำหรับเขาอย่างแน่นอน!
ดังนั้นนางเลยบอกว่านางไม่อยากเล่น! เพราะเมื่อมีคนมายื่นความพ่ายแพ้ให้ตัวเองถึงหน้าประตู เราจะหาเรื่องใส่ตัวทำไมกัน
“เช่นนั้นพวกเรา…”
“เช่นนั้นท่านอ่านหนังสือให้ข้าฟังต่อได้หรือไม่” ซูเหลียนอวิ้นเอียงคอเพื่อมองสีของท้องฟ้าด้านนอก หากนอนตอนนี้ก็ไม่ถึงว่าเร็วเกินไปกระมัง
นั่นเป็นเพราะครั้งที่แล้วตอนที่ต้วนเฉินเซวียนอ่านหนังสือให้นางฟัง นางก็ค้นพบอะไรบางอย่าง! นั่นคือการอ่านหนังสือของต้วนเฉินเซวียน…เป็นยานอนหลับขนานดี เขาอ่านเพียงครู่เดียวก็สามารถทำให้นางหลับไปได้ทันที!
“ได้!” ต้วนเฉินเซวียนดีใจจนหน้าตาเบิกบาน
เพราะเรื่องที่ให้เขาทำจะเป็นเรื่องอะไรก็ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือตอนนี้เขามีอะไรให้ทำแล้ว แถมเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่ซูเหลียนอวิ้นขอให้เขาทำอีกด้วย อืม การที่นางพูดเช่นนี้แสดงว่าซูเหลียนอวิ้นชอบให้เขาอ่านหนังสือให้ฟังใช่หรือไม่
จริงอย่างที่ว่าไว้ว่าเรื่องบางเรื่อง หากลงมือทำไปแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งหน้าก็จะทำให้คนรู้สึกอยากพึ่งพาเราในเรื่องนั้นได้ง่ายๆ ดูสิ อย่างตัวอย่างการให้เขาอ่านหนังสือนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดอันหนึ่งไม่ใช่หรือ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ววันหน้าเขาคงจะต้องเฟ้นหาความสามารถที่เขามีในตัวเองออกมาเพิ่มแล้ว
ตอนนี้ต้วนเฉินเซวียนรู้สึกว่าตัวเขานั้นยังมีความสามารถมากมายที่เขายังไม่รู้และรอให้เขาค้นพบอยู่!
ยังดีที่ครั้งนี้เบาะค่อนข้างใหญ่ ตัวซูเหลียนอวิ้นก็เล็กนิดเดียว ดังนั้นเมื่อเอาขางอขึ้นมาด้านบนแล้ว ก็ยังเพียงพอให้นางนอนเอนตัวได้
ซูเหลียนอวิ้นนอนเอนกายอยู่บนขาของต้วนเฉินเซวียน สายตาของนางมองไปยังคนที่กำลังมีท่าทางตื่นเต้นอย่างน่าพิศวงที่อยู่ข้างบน จากนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าพิศวงออกไปเช่นกัน
ก็เพราะ…ช่างเถิดๆ ซูเหลียนอวิ้นพยายามหยุดความคิดของตัวเอง เพราะความคิดอ่านของต้วนเฉินเซวียนเป็นอย่างไร ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดมากจะดีกว่า เพราะหากมัวแต่คิดอยู่เช่นนี้ นางก็อย่าหวังจะได้นอนเลย! ตอนนี้การนอนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด!
ต้วนเฉินเซวียนรู้สึกได้ถึงสายตาของซูเหลียนอวิ้นที่จ้องเขาตาไม่กระพริบ เขาจึงนั่งยืดตัวขึ้นอีกเล็กน้อย ดูท่าแล้วครั้งนี้จะต้องแสดงความสามารถด้านที่ดีที่สุดออกไปให้นางเห็นเสียแล้ว
แต่ในความเป็นจริงนั้นน่าเสียดายนัก! เพราะตอนนี้ต่อให้ต้วนเฉินเซวียนแสดงความสามารถได้ดีมากเพียงใด เสียงที่อ่านจะไพเราะมากแค่ไหน ในสายตาของซูเหลียนอวิ้นแล้วเพียงนางเริ่มได้เห็นและได้ยินก็ถือว่าจบเห่ไปแล้ว!
เพราะวินาทีต่อมานางก็รู้สึกว่าหนังตาของนางหนักอึ้ง! จากนั้นอีกวินาทีถัดมานางพลันหลับไหลไปอย่างไม่ได้สติ!
หลังจากที่ต้วนเฉินเซวียนอ่านอย่างออกรสออกชาดจบไปแล้วหนึ่งท่อน เดิมทีเขาตั้งใจจะแอบมองว่าซูเหลียนอวิ้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไร จะได้ให้นางเอ่ยปากชมเขาเสียหน่อย เพราะเรื่องราวประเภทนิยายเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถอ่านได้อย่างถึงอารมณ์เช่นนี้
ทว่าในตอนที่เขาก้มหน้าลงไปมองนั้น ซูเหลียนอวิ้นกำลังพูดอยู่จริงๆ แต่ที่นางพูดนั้นคือการละเมอ!
นางกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง จากนั้นคล้ายว่านางรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาจึงพลิกตัวเปลี่ยนท่า
เมื่อต้วนเฉินเซวียนเห็นซูเหลียนอวิ้นพลิกตัวไปมาเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำขึ้นมา เขารู้สึกว่าเสียงของเขามีประสิทธิภาพเช่นนี้เชียวหรือ อ่านไปได้เพียงครู่เดียวก็ทำให้นางหลับไปได้แล้ว
แถมยังหลับสบายจนละเมอความฝันออกมาเช่นนี้อีก!
แต่ว่า…ช่างเถิด ต้วนเฉินเซวียนขยับขาของตัวเองเพื่อพยายามให้ซูเหลียนอวิ้นหลับสบายยิ่งกว่าเดิม เพราะวันนี้นางได้รับรู้เรื่องน่าปวดหัวไปมากมายเช่นนั้น พอมาคิดๆ ดูแล้วที่ซูเหลียนอวิ้นแสดงออกอย่างไม่ใส่ใจเช่นนั้น บางทีในใจของนางอาจกำลังอยู่ในช่วงตกผลึกทางความคิดอยู่กระมัง
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การหลับลึกเช่นนี้ก็ถือเป็นเรื่องดีแล้ว เพราะตอนนี้ยิ่งนางหลับสนิทและนอนเยอะมากเท่าไหร่ ตกดึกนางก็ไม่ต้องนอนแล้วใช่หรือไม่ ตอนกลางคืนนางก็คงไม่มีเหตุผลอะไรยับยั้งการทำเรื่องอย่างว่ากับเขาได้อีก!