วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 919 นี่มันไม่ยุติธรรม

บทที่ 919 นี่มันไม่ยุติธรรม

หลินเซิน “……”

หัวเหยาหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง “ลู่จิ่งเซินพูดถูก หลินเซิน ฉันว่าคืนนี้นายต้องดื่มเยอะ ๆ หน่อยนะ ไว้ถึงตอนที่นายขอสาวข้าง ๆ แต่งงานแล้วจริง ๆ ค่อยมาว่ากันอีกที”

หลินเซินดื่มไวน์จนหมดแก้วอย่างขมขื่น

จากนั้นจึงหันหน้าไปฟ้องกู้ซือเฉียนว่า “ซือเฉียน นายต้องรีบแล้วนะ นายไม่แต่งฉันก็แต่งไม่ได้ เห็นไหมคนพวกนี้จ้องจะรังแกเราอยู่ นายต้องรีบแต่งนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะรีบตามไป”

กู้ซือเฉียนเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

ทั้งกลุ่มพากันทานอาหารอย่างครึกครื้น หลังจากทานเสร็จ เพราะหัวเหยาเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ยังไม่ค่อยเข้าใจธรรมเนียมของคนข้างนอกสักเท่าไร เธอจึงงอแงอยากออกไปเที่ยวเล่น

แต่จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินนั้นไม่อยากออกไปแล้ว สุดท้ายไม่มีทางเลือก ก็ต้องเป็นจี้หลินยวนที่พาเธอออกไป

รอจนเธอออกไป จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินแล้วก็ทุกคนที่เหลือ ก็เข้าไปเล่นไพ่ในห้องรับแขกกัน

พวกเขาเล่นตามวิธีท้องถิ่นของที่นี่ ตอนแรกจิ่งหนิงก็ยังเล่นไม่เป็น หลังจากที่ได้เฉียวฉีช่วยสอนเธอไม่กี่ตา จิ่งหนิงก็พอเล่นได้

เฉียวฉียังตั้งใจหยิบกล่องใส่เงินใบใหญ่ออกมาด้วย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คืนนี้ใครก็ห้ามเบี้ยวนะ จะแพ้หรือชนะ ก็ต้องลงเงินกันทุกคน”

หลินเซินเห็นกล่องใบใหญ่ของเธอก็ตกตะลึงไปทันที

“พระเจ้า เฉียวฉี นี่เธอไปปล้นใครที่ไหนมา? ทำไมถึงมีเงินเยอะขนาดนี้?”

เพราะสมัยนี้ก็ไม่ค่อยมีคนใช้เงินสดกันอยู่แล้ว ปกติบ้านใครจะมีเงินสดเยอะเก็บไว้เยอะขนาดนี้กันล่ะ

นี่ขนาดแค่กะด้วยสายตาคร่าว ๆ นะ อย่างน้อยก็คงประมาณสองสามล้านได้อยู่

เฉียวฉีเหลือบมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “นายไม่ต้องสนหรอก ว่าฉันเอาเงินมาจากไหน! เงินนายล่ะ? เอาออกมาสิ”

หลินเซินหน้าถอดสีทันที

“ฉันมาเป็นแขกเฉย ๆ นะ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่หมื่นกว่าเอง จะไปมีเยอะขนาดเธอได้ไง?”

เขาพูดพลาง หยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาด้วย

จิ่งหนิงก็พูดขึ้นมาเช่นกันว่า “ฉันก็ไม่ได้มีเงินสดเยอะขนาดนั้นเหมือนกันนะ”

พอเฉียวฉีเห็นดังนั้น เธอก็ขมวดคิ้วแน่น

จนสุดท้าย ลู่จิ่งเซินก็พูดขึ้นมาว่า “เอาแบบนี้ไหม ถ้าแพ้ก็โอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือกันไปเลย จะได้ไม่ต้องยุ่งยากเหมือนเงินสด ต้องมานับมาเสียเวลาอีก”

เฉียวฉีคิดไปคิดมา ก่อนจะตอบตกลง

“ก็ได้ งั้นพวกเรามาเพิ่มเพื่อนในวีแชทกันก่อนดีกว่า”

ดังนั้น ทุกคนจึงเริ่มจากเพิ่มเพื่อนกันก่อน แล้วค่อยเริ่มเล่นไพ่

เล่นกันไปเพียงไม่กี่ตา จิ่งหนิงทั้งแพ้ทั้งชนะพอกัน สุดท้ายคิดไปคิดมา ก็ยังถือว่าเสมออยู่

ด้านเฉียวฉีเธอมีทักษะในการเล่นสูง ชนะติดกันตลอด พอเปรียบเทียบดูแล้ว หลินเซินดูท่าจะหนักที่สุด

เขาแทบจะไม่ชนะเลยตลอดทั้งคืน ทุกครั้งที่เล่นเขาก็แพ้ให้เฉียวฉีตลอด

หลินเซินอดไม่ได้ที่จะโอดครวญออกมาว่า “อะเฉียวนี่เธอโกงรึเปล่าเนี่ย? บอกมานะ เธอโกงแน่ ๆ เลยใช่ไหม?”

เฉียวฉีหัวเราะออกมายกใหญ่ ก่อนจะผลักมือเขาที่จะเข้ามาเปิดไพ่เธอออก พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ออกไปนะ! เล่นกับนายฉันไม่ต้องโกงหรอก? แค่หลับตาเล่นฉันยังชนะเลยเถอะ”

หลินเซินจึงตะโกนออกมาเสียงดังว่า “ไม่! นี่มันไม่ยุติธรรม!”

“เร็วเข้า โอนเงินมาเลยนะ!”

ทุกคนพากันหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ทั่วทั้งห้องจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของพวกเขา

ไม่ใกล้ไม่ไกล กู้ซือเฉียนมองภาพที่เกิดขึ้น ก่อนจะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

เขาไม่ได้เข้าไปรบกวนทุกคนเล่น แต่กลับค่อย ๆ เดินออกไปด้านนอกอย่างเงียบเชียบ

จริง ๆ จิ่งหนิงสังเกตเห็นเขาสักพักแล้ว เธอเห็นเขาเดินออกไปด้านนอก ในใจก็กระตุกไปเล็กน้อย ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เธอรู้สึกเหมือนคืนนี้กู้ซือเฉียนเอาแต่ทำตัวแปลก ๆ

แต่เธอก็กำลังเล่นไพ่อยู่ บวกกับตอนนี้มือกำลังขึ้น เธอก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก จึงไม่ได้เดินตามออกไปถามเขา

ทุกคนเล่นกันอยู่หลายชั่วโมง ตั้งแต่สองทุ่ม จนถึงเที่ยงคืน ถึงจะแยกย้าย

สุดท้ายแล้ว ก็เป็นเฉียวฉีที่ชนะเยอะที่สุด จิ่งหนิงแพ้ไปนิดหน่อย ซึ่งจริง ๆ แล้วแค่เธอคนเดียวอาจจะชนะไม่ไหว โชคดีที่มีลู่จิ่งเซินนั่งอยู่ข้าง ๆ คอยชี้แนะ

ยังไงเขาก็ถือว่ายังนิสัยดีอยู่ เวลาที่จิ่งหนิงเล่นเอง เขาก็ไม่เคยเข้าไปแทรกเลย

มีแค่ตอนที่เธอไม่มั่นใจ หรือไม่รู้ว่าจะลงใบไหนเท่านั้น เขาจึงจะช่วยบอกนิดหน่อย

ถึงแม้จะแค่นี้ แต่ทุกครั้งก็เปลี่ยนสถานการณ์จากแพ้เป็นชนะได้ทุกที

หลาย ๆ ตาต่อมา เฉียวฉีกับหลินเซินไม่ยอมกันสักที พวกเขาเอาแต่ปิดไม่ให้ใครเห็น แล้วก็ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามามอง

จิ่งหนิงยิ้มกว้าง สุดท้ายหมดหนทาง เลยต้องให้ลู่จิ่งเซินกับจี้หลินยวนไปเล่นวางหมากกันอีกด้านหนึ่ง

แต่ไหนแต่ไรมาจี้หลินยวนก็ไม่ค่อยชอบเล่นอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าเป็นวางหมากยังพอเข้าทางเขาหน่อย ดังนั้นพอได้เข้าไปในห้องแล้ว ทั้งสองคนก็ยังไม่ออกมาอีกเลย

หลังจากเล่นไพ่เสร็จ จิ่งหนิงก็รู้สึกหิวขึ้นมาอีกครั้ง เธอเลยถามเฉียวฉีขึ้นว่า “พวกเธอหิวกันรึยัง?”

แต่เฉียวฉีกลับตอบว่า “อย่าเพิ่งพูดสิ เธอไม่พูดฉันก็ไม่รู้สึก พอเธอพูดขึ้นมา ฉันก็เริ่มหิวแล้วเนี่ย”

จิ่งหนิงยิ้ม “ถ้าตอนนี้ มีมื้อดึกร้อน ๆ สักถ้วยก็คงดี”

หลินเซินรีบเสริมขึ้นว่า “ฉันเอาด้วย ฉันเอาด้วย”

เฉียวฉีเหลือบมองเขา “ดึกขนาดนี้แล้ว นายยังไม่กลับบ้านอีก จะมากินมื้อดึกอะไร?”

หลินเซินกัดฟันอย่างโกรธ ๆ ก่อนจะยกกำปั้นเคาะหัวเธอเบา ๆ “วันนี้เธอชนะได้เงินฉันไปตั้งเท่าไร แค่กินมื้อดึกที่บ้านเธอสักมือมันจะทำไม? ฉันไม่สน ฉันจะกิน”

แน่นอนว่าเฉียวฉีแค่ล้อเขาเล่น พอเห็นท่าทีแบบนั้นเธอก็อดไม่ได้

“ชิ กินก็กินสิ จะมาทำท่าเป็นจริงเป็นจังทำไม”

ขณะที่พูด เธอก็ลุกขึ้นเธอไปห้องครัว เพื่อสั่งให้แม่ครัวทำมื้อดึกให้สักสองสามชาม

เพิ่งจะเดินเข้าไป เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าพวกลู่จิ่งเซินไม่อยู่ เลยเดินกลับออกไปถามจิ่งหนิงอีกรอบว่า “พวกลู่จิ่งเซินจะทานด้วยไหม?”

จิ่งหนิงชะงัก ก่อนจะคิดไปคิดมา “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รอก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปถามให้”

เฉียวฉีพยักหน้ารับ

จิ่งหนิงเดินออกไปทางห้องหมากล้อมที่อยู่ข้าง ๆ

แต่คาดไม่ถึง ว่ายังเดินไม่ทันถึงประตู เธอก็เจอกับลู่จิ่งเซินและจี้หลินยวนที่ยืนอยู่ตรงระเบียงไม่ใกล้ไม่ไกลพอดี

เธอชะงักไปเล็กน้อย ไม่เข้าใจนิดหน่อย พอกำลังจะอ้าปากถาม ลู่จิ่งเซินก็หันมาเห็นเธอพอดี

เขารีบยกนิ้วชี้แนบริมฝีปากอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทำท่าทางให้เธอเงียบ ๆ แล้วจึงกวักมือเรียกเธอให้เข้าไปเบา ๆ

จิ่งหนิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังทำอะไร

แต่เธอก็ยังเดินเข้าไปหาเขาอยู่ดี พอเดินเข้าไปถึงแล้ว กลับพบว่าสิ่งที่พวกเขายืนมองอยู่คือพื้นที่ว่างเปล่า

เธอเห็นเพียงแค่ กู้ซือเฉียนคุกเข่าอยู่ตรงนั้น พร้อมกับวางอะไรบางอย่างอย่างตั้งอกตั้งใจ

จิ่งหนิงถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “เขากำลังทำอะไรอยู่เหรอ?”

ลู่จิ่งเซินตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “อีกเดี๋ยวคุณก็รู้”

ท่ามางมีลับลมคนนัยน์ของเขา ทำให้จิ่งหนิงต้องขมวดคิ้วแน่น

ขณะเดียวกัน กู้ซือเฉียนก็ทำท่าเหมือนกับว่าวางของสิ่งนั้นลงไปกับพื้นเรียบร้อยแล้ว เขาหันกลับมา พร้อมกับถามขึ้นว่า “เป็นไง? ตำแหน่งตรงรึยัง?”

ลู่จิ่งเซินยก IPAD ในมือขึ้นมาดู จ้องอยู่สักพัก ก็ยกมือทำท่า OK ส่งให้เขา

กู้ซือเฉียนจึงลุกขึ้นแล้วก็เดินกลับมาทางนี้

พอเดินกลับมาถึงระเบียง เขาก็เพิ่งเห็นว่าจิ่งหนิงก็อยู่ด้วย

จิ่งหนิงถามเขาอย่างสงสัยว่า “เมื่อครู่คุณทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงนั้น?”

กู้ซือเฉียนยิ้ม “ไม่มีอะไร แค่เรื่องสนุกเล็ก ๆ น้อย ๆ น่ะ”

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว

สัญชาตญาณของเธอบอกว่า กู้ซือเฉียนกำลังโกหก

แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากพูด เธอก็คงไปจี้ถามไม่ได้

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน