วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 4 พบกันอีกครั้ง

บทที่ 4 พบกันอีกครั้ง

บทที่ 4 พบกันอีกครั้ง

ตั้งแต่เล็กจนโตมู่หงเซียวก็ชอบหาเรื่องเธอมาเสมอ

แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ไปต่อล้อต่อเถียงกับเธอ จึง ได้หยิบเงินออกมาจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะ “ไปไหนล่ะ? ฮ่าๆๆ มาให้ฉันดูหน่อยซิว่าวันนี้มาส่งถุง

ยางหรือน้ำมันหล่อลื่นล่ะ?

เมื่อพูดจบเธอก็เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋ามา

หนิงตกใจถอยหลังและจ้องไปที่เธอ

“มู่หงเซียวมันมากไปแล้วนะ! ”

“มากไปอย่างนั้นเหรอ? ฮ่าๆๆ! ” เธอหัวเราะคล้ายกับ คนได้ยินเรื่องตลก “จิ่งหนิงนี่แกยังคิดว่าแกเป็นแฟนของพี่ ชายฉันจริงๆนะเหรอ? พวกแกเลิกกันแล้ว ตอนนี้ไม่ได้ เป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำ ทำเป็นอวดเก่ง!

จึ่งหนิงอารมณ์เสีย แต่ใบหน้าของเธอไม่แสดงถึง อารมณ์ใด

มู่หงเซียวโบกไม้โบกมือแล้วบอกว่า “พวกเธอไปแย่ง กระเป๋ามาให้ฉันซิ!

“ดูแค่ของในกระเป๋ามีประโยชน์อะไรล่ะ เธอขายของใช้ ผู้ใหญ่ไม่ใช่เหรอ? ดึกดื่นขนาดนี้ออกมาส่งของหรือมาส่ง คนก็ไม่รู้สินะ!

“นั่นน่ะสิ แต่มองจากท่าทางเศร้าหมองแบบนี้แล้ว น่าจะไม่มีคนเอาละนะ พวกเราถอดเสื้อผ้ามันออกดูก่อนเพื่อจะ พบหลักฐานอะไรบ้าง! เพื่อว่าจะช่วยเรียกร้องความเป็น ให้พี่ชายเธอด้วยก็ได้นะ”

มู่หงเซียวดวงตาเป็นประกายแล้วพูดว่า งั้นเหรอ ถ้า อย่างนั้นเอาตามนี้”

ผู้หญิงกลุ่มนั้นพากันเดินเข้ามา จิ่งหนิงสีหน้าได้เปลี่ยน ไปทันที

ในขณะที่พวกนั้นยังไม่ทันได้ตั้งตัว เธอก็รีบวิ่งออกไป

แต่เธอดื่มเหล้าเข้าไปมากเกินขนาด ทรงตัวไม่ค่อยดีนัก จึงไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งไปทางไหน เธอวิ่งไปจนกระทั่งมองเห็น ป้ายห้องน้ำจึงได้วิ่งเข้าไป

คนในห้องน้ำพูดออกมาเสียงดังว่า “เฮ้ย!

คนอยู่ในห้องน้ำทั้งสองคน คนหนึ่งกำลังสูบบุหรี่ อีกคน หนึ่งกำลังเข้าห้องน้ำ เมื่อเห็นเธอวิ่งเข้าไปก็แทบจะฉีรด กางเกง

เธอเพิ่งเคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก เธอตก ตะลึงและจากนั้นก็รู้สึกตัวว่าเธอเข้าห้องน้ำผิดห้องจึงหน้า แดงเรื่อ

“ขอโทษค่ะฉันมองป้ายผิด!

เธอหันหลังและกำลังจะวิ่งออกไป แต่ได้ยินเสียงของมู่ หงเซียวดังมาจากด้านนอกว่า

“มันไปไหนแล้วเนี่ย? ”
“เมื่อกี้ก็เห็นอยู่กับตาว่ามันวิ่งมาทางนี้นี่นา ทำไมถึงหาย

ไปได้? ”

“มันหนีเข้าไปในห้องน้ำแน่ๆ! เร็วเข้าไปตามหา! ” จิ่งหนิงสีหน้าซีด เธอหันกลับไปมองชายที่อยู่ตรงหน้า

แล้วรู้สึกว่าหน้าตาคุ้นๆ

“คุณคะ ฉันขอหลบอยู่ที่นี่สักครู่ได้ไหม?

แม้ว่าเป็นคำร้องขอที่ค่อนข้างจะน่าอาย แต่เพื่อไม่ให้มู่ หงเซียวจับตัวเธอได้เธอจึงจำเป็นต้องทำ

สีหน้าของลู่จิ่งเซินเฉยเมย แววตาอันเยือกเย็นมองไปยัง ชูมู่ที่กำลังรู้สึกด้วยความร้อนรนแล้วพูดว่า “ออกไปก่อน” ซูมู่ตกใจมือสั่นทำตัวไม่ถูก เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็รีบวิ่ง

ออกไป

จึงหนิงเวียนหัวมาก เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะล้มลงจึงได้ หาที่จับไว้ แต่ทันใดนั้นขาของเธอก็หมดแรงและเอนตัวล้ม ลงไปด้านหน้า

เธอหลับตาปีด้วยความกลัว

แต่เธอไม่ได้เจ็บอย่างที่คิดเอาไว้เนื่องจากมีมือยื่นเข้ามา โอบเธอไว้ก่อน

เธอกระแทกเข้าที่อ้อมอกของชายผู้นั้น เดิมทีเธอก็เวียน หัวด้วยฤทธิ์เหล้าอยู่แล้วจึงทำให้ร่างกายเธอเลื่อนลงไป โดยไม่ได้ตั้งใจ

ลู่วิ่งเซ็นดับบุหรี่และโยนทิ้งไป จากนั้นใช้มือทั้งสองข้างโอบเธอเอาไว้ เมื่อมองเห็นเธอเมามายไม่เป็นท่าก็ขมวดคิ้ว

ขึ้น

จึงหนิงคุณดื่มเหล้าไปมากขนาดไหนเนี่ย?

เมื่อสิ่งได้ยินฝ่ายตรงข้ามเรียกชื่อของตนเอง ก็เข้าใจว่า เขารู้จักเธอและเกิดความสงสัย

“คุณรู้จักฉันเหรอ? ”

สายตาของลู่จิ่งเซินนิ่งสงบจนแทบมองไม่เห็นอารมณ์

ใดๆจากแววตาของเขา

ผ่านไปชั่วครู่เขาจึงได้เผยอปากขึ้นพูดว่า

“ไม่รู้จัก”

ลู่จิ่งเซินอุ้มจิ้งหนิงออกมาจากบาร์

จึงหนิงโอบคอของชายหนุ่มไว้ ใบหน้าของเธอแดงเรื่อ ด้วยฤทธิ์เหล้า แววตาทั้งสองข้างเริ่มเลือนราง เห็นชัดว่า เธอเมามาก

ลู่จิ่งเซินอุ้มเธอเข้าไปยังรถ ตัวเขาเองก็นั่งอยู่ข้างๆ

ซูมู่เป็นคนขับรถ เขาเอ่ยถามด้วยความนอบน้อมว่า “ท่านประธาน ไปที่ไหนครับ? ”

“คฤหาสน์บ้านลู่”

“ครับ! ”

รถถูกขับออกไปบนถนนที่เงียบสงัดในกลางดึก จิ่งหนิงเมามากและรู้สึกไม่สบายตัว เธอนั่งหลับตาและอิงอยู่ที่ ประตูรถ ไม่เหลือแม้แต่แรงที่จะคิดสิ่งใดๆ

หลังจากที่เธอดื่มเหล้าจนเมาจะมีนิสัยแตกต่างไปนั่นก็ คือไม่พูดมากไม่ส่งเสียงดัง เธอจะนอนอย่างเดียว

จึงทำให้เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหนหรือไปได้ยัง ไง เธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มีผู้ชายอยู่ข้างๆตัวเอง

เธอมีนศีรษะและมีอาการปวดหัวเล็กน้อยหลังจากการ ในขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเธอที่อยู่ในกระเป๋าก็

ดื่มเหล้า

ดังขึ้น

เธอขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าออกมากดรับ

สาย

“ฮัลโหล!

“จิ่งหนิง ได้ยินหงเซียวบอกว่าคุณอยู่ที่โรงแรมลี่หัวและ ออกไปกับผู้ชายอย่างนั้นเหรอ?

เป็นสายจากมู่ยั่นเจ่อ

จึงได้ลืมตาขึ้นและรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าช่างเลือนราง “ทำไมคะ? เธอไปฟ้องอะไรคุณอีกล่ะ?

มู่ยั่นเจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผมรู้ว่าเรื่องในวันนี้ ผมทำผิดต่อคุณ แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้มาทำให้ตัว เองเสียหาย ผับบาร์นั่นเป็นสถานที่ยังไงคุณไม่รู้เหรอ ทำไมคุณถึ…”
จึงหนิงไม่มีอารมณ์จะฟังคำพูดของเขาอีกต่อไปจึงได้ พูดขัดจังหวะขึ้นมาว่า “คุณต้องการอะไร? ”

“คุณอยู่ที่ไหนผมจะให้คนไปรับ”

“จิ่งเสี่ยวหย่าจะยอมให้คุณทำอย่างนั้นได้เหรอ? ”

“เสี่ยวหย่าไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิด เธอเห็นคุณเป็นพี่ สาวแท้ๆมาตลอด ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาเธอก็คงจะเสียใจ ที่สุด”

จิ่งหนิงหัวเราะออกมา

เธอเพิ่งเคยพบคนหน้าด้านแบบนี้บนโลก! ! !

จึ่งเสี่ยวหย่าทำสิ่งที่เธอคิดไม่ถึงได้มากจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้นเขาได้บอกคุณไหมล่ะว่าเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เธอโทรมาหาฉันแล้วอวดว่าในที่สุดเธอก็แย่งแฟนฉันไปได้ แล้วยังเอาเด็กในท้องของเธอมาอวดอีกด้วย!

มู่ยั่นเจ๋อครุ่นคิดแล้วพูดออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้!

จิ่งหนิงยิ้มอย่างประชดประชัน

มู่ยั่นเจ๋อสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เบื่อ หน่ายว่า

“จิงหนิงคุณต้องการยังไงกันแน่? ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึง ตอนนี้เสี่ยวหย่าไม่เคยพูดใส่ร้ายคุณแม้แต่ประโยคเดียว เมื่อเธอรู้ว่าคุณอยู่ที่ผับก็รีบโทรหาผม กลัวว่าคุณจะเกิด เรื่อง แล้วคุณล่ะ? คุณคอยแต่คิดจะทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำ เล่า ผมยอมรับว่าเรื่องที่เราทำมันไม่ถูก แต่คุณก็ไม่รู้สึกว่าคุณผิดบ้างเหรอ? คุณมักจะอวดตัวเองว่าเหนือกว่าเธอ และคอยรังแกเธอมาตลอด ทุกครั้งที่ผมไปงานสังสรรค์ให้ คุณไปเป็นเพื่อนคุณก็ผลัดไปเรื่อย ผมบอกให้คุณหยุดทำ ธุรกิจนั่นแต่คุณก็บอกผมว่าอาชีพอะไรก็มีค่าเหมือนกัน ทุกอาชีพไม่มีความแตกต่าง?

“จิ่งหนิง ผมมีฐานะตำแหน่งที่ดีในสังคม ผมต้องการ รักษาหน้าของตัวเองเอาไว้ จะให้ผมไปบอกกับเพื่อนว่า แฟนของผมขายของใช้ผู้ใหญ่อย่างนั้นเหรอ?

แต่ไหนแต่ไรมาคุณคิดถึงแต่ตัวเอง คุณไม่เคยคิดถึง ความรู้สึกของผมเลย จนตอนนี้คุณก็ยังโทษคนอื่นอยู่เห

รอ?

จึ่งหนิงโกรธจนตัวสั่น

เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่ามู่ยั่นเจ๋อจะคิดกับเธอแบบนี้

รังแกเสี่ยวหย่าอย่างนั้นเหรอ?

ไม่ไปงานสังสรรค์กับเขาอย่างนั้นเหรอ?

ที่เธอขายของใช้ผู้ใหญ่ทำให้เขาขายหน้าอย่างนั้นเห

รอ?

ตาเธอแดงก่ำ บัดนี้เสียงหัวเราะของเธอที่เปล่งออกมา แฝงไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

“ที่แท้คุณคิดกับฉันอย่างนั้นเหรอคะ? อืม ดี! ดีมาก! จำคำพูดของคุณในวันนี้ให้ดีนะ ฉันไม่มีวันยกโทษให้พวก คุณเด็ดขาด สักวันหนึ่งฉันจะทำให้พวกคุณต้องเสียใจ!พูดจบเธอก็วางสายลง

บรรยากาศในรถกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท