วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 933 ทำลายชื่อเสียงของเขา

บทที่ 933 ทำลายชื่อเสียงของเขา

หลินซง: “…”

เขายิ้มอย่างแข็งกร้าว “น้องชาย นายไม่ได้กำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม? ของสิ่งนั้นมีอะไรให้ดูอีก บอกตามตรง ฉันรู้สึกว่ามีบางคนทำขึ้นมาเพื่อหลอกคนโง่เหล่านั้น นายอย่าทำลายชื่อเสียงของฉันเลย ”

กู้ซือเฉียนพ่นลมออกจากจมูกเบา ๆ “นายแค่กลัวว่าจะเสียชื่อเสียงเหรอ?”

“ทำไมล่ะ? นายจะดูถูกเหรอ?”

กู้ซือเฉียนไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้านั้นก็แสดงท่าทีระอาใจออกมาอย่างชัดเจนแล้ว

หลินซงโกรธจัด และกำลังจะเคลียร์กับเขา ก็ถูกใครบางคนตบเบาๆ ที่บ่า

“คุณชายหลิน!”

เมื่อหันกลับไปมอง ก็พบชายวัยกลางคนพุงพลุ้ยคนหนึ่ง

ชายคนนั้นแซ่เจียง ชื่อเจียงต๋าเขาเป็นตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ในเมืองหลิน และเคยเจอกับกู้ซือเฉียนมาแล้วครั้งหนึ่งที่งานเลี้ยงครั้งที่แล้ว ดังนั้นจึงถือว่าเป็นคนรู้จัก

เขายิ้มและพูดว่า “คุณชายหลิน คุณชายกู้ มาอยู่ที่นี่กันหมดเลยเหรอครับ?”

หลินซงพยักหน้า “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

เจียงต๋ายื่นเอกสารในมือให้เขา ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “ คุณชายหลินครับ ที่ดินที่คุณดูไว้เมื่อครั้งก่อน คือว่าลูกน้องของผมไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้จักคุณจึงปฏิเสธคำร้องของคุณไป พอผมรู้เรื่องผมก็ได้ดุพวกเขาอย่างรุนแรงแล้ว และนี่ก็คือเอกสารการโอนที่ดินนั้น คุณกรุณารับมันไว้ด้วยเถอะครับ”

หลินซงหรี่ตาลง

เขายิ้มอย่างไม่ค่อยใส่ใจ “ประธานเจียงหมายความว่ายังไงครับ?”

เจียงต๋ายิ้มอย่างหวาดกลัวปนกังวลใจ “คุณชายหลิน ผมรู้ว่าอุตสาหกรรมเล็กๆ ของผมคงไม่เข้าตาคุณ แต่นี่คือน้ำใจจากผม ได้โปรดอย่ารังเกียจเลยนะครับ… ”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลินซงก็ยกมือขึ้นขัดจังหวะ

เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ประธานเจียงฉันคิดว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันเคยคิดจะซื้อที่ดินของคุณเพื่อใช้ในการพัฒนาสวนสนุก แต่หลังจากชั่งน้ำหนักดูแล้ว ฉันรู้สึกว่าสถานที่นั้นไม่เหมาะ ดังนั้นฉันจึงไม่ได้สนใจมันอีก น้ำใจของคุณฉันรับไว้แล้วล่ะ ส่วนที่ดินผืนนี้ คุณเอากลับคืนไปเถอะครับ”

เมื่อเจียงต๋าได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย

หลินซงพูดขึ้นมาอีกว่า “นอกจากนี้ ตระกูลหลินของเราเป็นนักธุรกิจอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ไม่ใช่โจรผู้ร้ายที่ไหน แม้ว่าต้องการจะซื้อที่ดินของคุณจริงๆ พวกเราก็จะดำเนินการผ่านช่องทางและขั้นตอนที่เป็นทางการ คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอกครับ”

เมื่อพูดถึงตอนสุดท้าย เขาอดไม่ได้ที่จะปรับน้ำเสียงของเขาให้ดูนิ่มนวลลง ดูน่าปวดหัวทีเดียว

เจียงต๋าตอบรับ เขาพยักหน้าทันที “ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณครับคุณชายหลิน ขอบคุณครับคุณชายกู้”

หลิงซงยิ้มอย่างไม่เต็มใจนัก และโบกมือให้เขาไป

หลังจากที่เขาจากไป กู้ซือเฉียนก็ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

หลินซงถอนหายใจ

“เฮ้อ อย่าพูดถึงมันเลย คือเมื่อเร็วๆ นี้พ่อของฉันปฏิเสธที่จะให้คุณลุงผู้ชอบเอาเปรียบของฉันมาทำงานที่หลินซื่อกรุ๊ปใช่ไหมล่ะ? มันจะไม่เป็นไรถ้าเขาไม่มา เพราะถ้าเขามาเขาก็จะต้องข่มเหงรังแกคนอื่น และทำพฤติกรรมส่อไปทางฉ้อโกงถูกไหม?” แล้วตอนนั้นที่เราดูที่ดินของเจียงต๋าแต่ยังไม่ได้คิดจะซื้อ ซึ่งตอนนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าคุณลุงผู้ชอบเอารัดเอาเปรียบของฉันได้ยินได้ยงไง เจียงต๋าคนนี้ก็น่าจะถูกเขาใช้อำนาจคุกคาม เขาจึงมาขอร้องฉันด้วยความเกรงกลัวและหวั่นวิตกอย่างนี้ไง”

กู้ซือเฉียนขมวดคิ้ว

“สำหรับบุคคลเช่นนี้ หากปล่อยทิ้งไว้ก็เป็นหายนะ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลินซงก็ปวดหัวเช่นกัน

“แล้วใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ? แต่เขาดันเป็นน้องชายของแม่ฉัน นายก็รู้จักแม่ของฉันดี เธออยากจะถีบหัวส่งเขาออกไปจริงๆ โวยวายไปสามบ้านแปดบ้าน จนแทบจะใช้ชีวิตในบ้านไม่ได้เลย”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ กู้ซือเฉียนก็คงไม่สามารถปริปากออกมาได้อีก

ท้ายที่สุดมันก็เป็นเรื่องในครอบครัว ซึ่งเขาในฐานะเพื่อน พูดถึงแค่นิดๆ หน่อยก็เพียงพอแล้ว

หรือจะพูดให้ถูกก็คือ มันเริ่มที่จะเป็นการยุ่งเรื่องของคนอื่นไปแล้ว

เมื่อคิดแบบนั้น เขาก็เบนสายตาไปที่ห้องโถงแทน

เมื่อเห็นว่าแขกเหรื่อมากันได้ประมาณหนึ่งแล้ว กู้ซือเฉียนก็เหลือบมองดูเวลา ซึ่งเป็นเวลาสองทุ่มตรง เขาพูดด้วยเสียงต่ำทุ้มว่า “เริ่มเลยเถอะ”

หลินซงพยักหน้า “งั้นเดี๋ยวฉันไปจัดการก่อน”

“อืม”

หลังจากที่หลินซงจากไป เฉียวฉีก็เดินเข้ามา

โดยมีฉินเยว่ตามเธอมาข้างๆ ในมือของฉินเยว่ถือกล่องไม้โบราณมากล่องหนึ่ง ซึ่งภายในบรรจุแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์

เธอถามว่า “เอาออกไปตอนนี้เลยไหม?”

กู้ซือเฉียนพยักหน้า

เฉียวฉีไม่พูดอะไร และเดินลงไปข้างล่างกับเขา

เวลาสองทุ่มตรง งานวินิจฉัยอัญมณีก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

แม้ว่าก่อนหน้านี้หลายคนจะบ่นอุบเรื่องความขี้อวดของหลินซง และดูเหมือนจะค่อนข้างเหยียดหยามซะด้วยซ้ำ แต่พอตอนนี้งานเริ่มต้นขึ้นจริงๆ ความสนใจของทุกคนก็ถูกดึงดูดอย่างช่วยไม่ได้

ณ เวลานี้ พิธีกรยังไม่ขึ้นเวที ทุกคนนั่งอยู่บนที่นั่งชั้นล่าง กระซิบกระซาบกัน และทายกันว่าสมบัติของวันนี้จะเป็นอะไร

จนกระทั่งมีลำแสงส่องสว่างขึ้นบนเวที และโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ก็ฉายบนม่านสีขาว ทำให้บรรยากาศภายในงานค่อยๆ เงียบลง

ทั่วทั้งสถานที่จัดงาน มีเพียงลำแสงสีขาวที่ส่องสว่างอยู่บนเวทีเท่านั้น ไฟที่เหลือทั้งหมดถูกปิดลงครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็เงียบสนิท

มีเสียงจากรองเท้าส้นสูงดังขึ้น และพิธีกรในชุดราตรีก็ก้าวขึ้นไปบนเวที

ลำแสงสีขาวส่องตามร่างเธอไป และสุดท้ายก็เดินไปหยุดอยู่ที่ด้านซ้ายของเวที

เสียงสูงกังวานดังขึ้น “สวัสดีตอนค่ำนะคะทุกคน”

ด้วยการประกาศของพิธีกร งานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่นี้ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

หลังจากแนะนำสั้นๆ พิธีกรก็เริ่มเข้าประเด็น และแนะนำสมบัติในค่ำคืนนี้

“สมบัติที่ปรากฏบนเวทีในค่ำคืนนี้ ฉันคิดว่าพวกคุณหลายคนที่นี่คงเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อนแล้ว และต้องสนใจมันมากแน่ๆ มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ถูกบอกเล่าต่อๆ กันไปทั่วโลกอย่างร้อนแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์”

ทันทีที่เสียงหายไป แสงสีขาวอีกดวง ก็ส่องลงมาทางด้านขวาของเวที และทุกคนก็พบว่า มีตู้กระจกตั้งอยู่ตรงนั้น ในตู้โชว์มีแผ่นหยก สีขาวบริสุทธิ์แผ่นเล็กๆ วางอยู่ ถ้าไม่ใช่แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์แล้วจะเป็นอะไรได้อีก?

แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์แผ่นนี้ จากงานประมูลครั้งก่อน ทำให้หลายคนเคยเห็นมันมาก่อนแล้ว

แต่ในตอนนั้นถ่ายรูปออกมาไม่ได้ จึงได้แค่นึกเสียดาย และคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีกเลยในชีวิตนี้ หลายคนจึงไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นมันอีกครั้งที่นี่

ทำให้ข้างล่างนั้นมีการพูดคุยกันเสียงดังเซ็งแซ่

พิธีกรกล่าวต่อว่า “อย่างที่เราทุกคนทราบ สาเหตุที่แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ถูกเรียกว่าเครื่องราง เพราะมีข่าวลือว่าของสิ่งนี้มีผลในการฟื้นคืนชีพของคนตาย และความเป็นอมตะ สมบัติชิ้นนี้ถูกประมูลโดยคุณกู้ซือเฉียนเมื่อหกเดือนก่อน และหลังจากศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ถึงได้รู้ว่าความจริงแล้วมันมีทั้งหมดสิบสองชิ้น และที่เรากำลังจัดแสดงอยู่ เป็นเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น”

ทันทีที่ได้ยินคำนั้น ผู้คนที่อยู่ข้างล่างเวทีก็ตกตะลึง และการสนทนาก็เร่าร้อนขึ้น

พิธีกรไม่ได้รีบร้อนพูด หลังจากให้เวลาผู้คนด้านล่างตื่นตกใจกันพอสมควรแล้ว ถึงจะแนะนำต่อ

“มีคนเคยสงสัยว่าข่าวลือเกี่ยวกับแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แม้ว่าเราจะยังไม่สามารถยืนยันประเด็นนี้ได้ แต่การสำรวจ รวมไปถึงค้นหาจากหนังสือโบราณหลายเล่มระบุว่า หากรวบรวมแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ได้ครบสิบสองชิ้น แล้วจะมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น

ไม่ว่าเรื่องมหัศจรรย์นี้ จะทำให้ฟื้นคืนชีพ หรือเป็นอมตะได้ ขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง แต่หลังจากทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้ว พบว่าวัสดุของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ชิ้นนี้เป็นวัสดุที่มนุษย์เราไม่เคยเห็นมาก่อนบนโลกนี้ “

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท