วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 922 สัตว์ร้ายตัวนี้

บทที่ 922 สัตว์ร้ายตัวนี้

“อะเฉียว เธอรับปากจะแต่งงานกับฉันแล้ว เธอรับปากจะแต่งงานกับฉันแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?”

เฉียวฉีเองก็รู้สึกตื่นเต้น

ถึงแม้ว่าเมื่อครู่กู้ซือเฉียนจะยังไม่อธิบายเรื่องที่ติดค้างในใจเธอ แต่เธอก็ไม่เสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้

ภาพของพวกเขาสองคนที่อยู่ด้วยกันในอดีต ผุดขึ้นมาในหัวเธอราวกับภาพยนตร์

เธอคิดว่าเธอควรจะเชื่อความรู้สึกในตอนนี้

ชีวิตคนเรานั้นสั้นเพียงไร ทำไมจะต้องเสียเวลาให้กับความเข้าใจผิดและการพลัดพรากที่ไม่สำคัญแบบนี้ด้วย?

ทั้งสองเข้าสวมกอดกันด้วยความดีใจ โดยมีจิ่งหนิงและกลุ่มเพื่อนมองดูด้วยความตื่นเต้นอยู่ข้างๆ

หัวเหยาพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “สำเร็จแล้วๆ คิดไม่ถึงว่าชีวิตนี้จะได้เห็นฉากในตำนานแบบนี้ เรียกได้ว่าประทับใจจริงๆ!”

จิ่งหนิงยกมุมปากยิ้มและพูด: “ตอนนี้ก็จบแล้ว พวกเขาสองคนสำเร็จแล้ว ที่เหลือก็รอดูพวกเธอแล้วนะ”

พูดแล้วก็หันไปมองหลินซง

หลินเซินจุ้นหน้าแดงเล็กน้อยและกระแอมเบา ๆ “ใกล้แล้ว ผมจะรีบเตรียมการ”

จนทำให้สาวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ อายม้วนหน้าแดง

นี่เป็นภาพการสารภาพรักและขอแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ

จิ่งหนิงเห็นทั้งสองคนกอดกันกลมแบบนั้น ทันใดนั้นก็รู้สึกว่า บางทีตอนนี้พวกเขาจะออกไปเป็นการชั่วคราวก็คงไม่ผิดอะไร

เป็นเพราะการพลัดพรากและความสูญเสียที่ผู้คนรู้ว่าการได้อยู่ด้วยกันนั้นมีค่าเพียงใด

ทันใดนั้นนิ้วของเธอก็อุ่นขึ้น เธอหันหน้าไปเจอกับใบหน้าอันหล่อเหลาไร้ที่ติของลู่จิ่งเซิน

คืนนี้ชายหนุ่มดูมีความสุขมาก ใบหน้าที่เดิมทีดูเย็นชาแต่ดูอ่อนโยนเป็นพิเศษอย่างเห็นได้ชัดภายใต้แสงไฟนั้น และมันเป็นความอ่อนโยนที่หาได้ยาก

เขากุมเธอแล้วพูดเบา ๆ “หนิงหนิง ผมโชคดีจริง ๆ”

จิ่งหนิงเลิกคิ้วอย่างงง ๆ “ทำไมจู่ ๆ ถึงรู้สึกแบบนั้นคะ?”

ลู่จิ่งเซินหันหน้ากลับไปมองเธอด้วยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งในแววตา

“ไม่ ผมรู้สึกอย่างนั้นมาตลอด”

“ตั้งแต่วันนั้นที่ได้พบคุณก็รู้สึกอย่างนั้นมาตลอด”

เพราะคำพูดนี้ของเขา ทำให้จิตใจของจิ่งหนิงจู่ ๆ สั่นไหวอย่างรุนแรง

ราวกับจะจมลงไปในเบ้าตาลึกของเขา

ในขณะนี้จู่ ๆ มีเสียงตะโกนละกรีดร้องอยู่รอบ ๆ

เธอเงยหน้าขึ้นมองจึงพบว่าที่จริงกู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีกำลังจูบกัน

หลินซงและพวกกำลังผิวปากอยู่ข้างๆ และดูเหมือนเฉียวฉีจะเขินอายจึงทำได้เพียงปล่อยให้กู้ซือเฉียนจูบสักพักแล้วค่อยผละออกจากตัวเขา

กู้ซือเฉียนอุ้มเธอขึ้นมาจากด้านข้าง

ทุกคนร้องเชียร์ “แต่งงานๆ ๆ ๆ!”

เฉียวฉีที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาใช้มือกุมหน้าอย่างทนไม่ได้และตะโกน: “พวกคุณเลิกพูดได้แล้ว!”

กู้ซือเฉียนเองก็ยิ้มและพูดกลับ “ได้ ไม่พูดแล้ว เดือนหน้าเราแต่งงานกันเถอะ!”

“จริงเหรอ?”

ข่าวดีมาอย่างกะทันหันจนทุกคนไม่ทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ

กู้ซือเฉียนพยักหน้า “อือ ถึงเวลาพวกนายอย่าลืมมาด้วยล่ะ”

หัวเหยาพูดพร้อมกับหัวเราะนำ: “ไปแน่นอน!”

พวกเขาพูดคุยเสียงดังพักใหญ่ก่อนจะออกไปกินมื้อดึก สุดท้ายงานฉลองที่ที่มีชีวิตชีวานี้ก็ดำเนินไปจนสองทุ่ม

ตอนที่จิ่งหนิงกลับไปที่ห้องตาก็แทบจะลืมไม่ไหวแล้ว

เธอมึนงงและรู้สึกอยากจะนอนหลับลงบนเตียง

แต่พอหัวถึงหมอนก็ถูกลู่จิ่งเซินลากขึ้นมา

“ที่รัก ไปอาบน้ำ”

จิ่งหนิงโบกมือไปมา “วันนี้ฉันไม่อาบ ฉันอยากนอน”

พูดจบก็หันไปและคลานไปหัวเตียง

เวลานี้จู่ ๆ เงาก็ตกลงมาเหนือศีรษะของเธอ

ลู่จิ่งเซินวางมือทั้งสองข้างที่ไหล่ของเธอ มองดูเธอจากมุมบนแล้วถาม: “เหนื่อยเหรอ?”

จิ่งหนิงกะพริบตามองที่เขาและพยักหน้า

“งั้นฉันช่วยอาบให้เธอ?”

คำพูดของเขาทำให้เธอตกใจ

เธอดึงผ้าห่มและห่อตัวเองโดยไม่รู้ตัว “ไม่เอา”

“ทำไมไม่เอา?”

เขาเปิดผ้าห่มและแกะเธอออกจากผ้าห่มเหมือนแกะออกจากเปลือกและถามไปด้วย: “สามีช่วยอาบน้ำให้ไม่ดีเหรอ?”

“ไม่ดี ฉันไม่อยากให้คุณอาบ”

“ทำไมไม่ดี?”

จิ่งหนิง: “…”

คนคนนี้ยังจะมีหน้ามาถาม?

เมื่อก่อนหลายต่อหลายครั้งเวลาเขาบอกจะช่วยเธออาบน้ำ แล้วสุดท้ายมันเป็นการอาบน้ำที่ไหนกัน?

เมื่อคิดถึงภาพเหล่านั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงไปถึงหูและไม่สนว่าเขาจะยังยืนกราน เธอคลานเข้าไปข้างในขณะดึงผ้าห่ม

“คุณฮย่ารบกวนฉันสิ ฉันจะนอน ถ้าคุณอยากอาบก็ไปอาบเองสิ”

พูดจบก็ม้วนตัวเป็นหนอนอยู่ในผ้าห่ม

ลู่จิ่งเซินเห็นเธอปฏิเสธแบบนี้ก็จนใจ ทำได้เพียงปล่อยมือและลุกขึ้นยืน

แต่ก็ถามขึ้นอีกครั้งอย่างไม่ถอดใจ “ไม่อาบจริงนะ?”

“ไม่อาบ”

เสียงงึมงำของหญิงสาวลอดออกมาจากผ้าห่ม

เขาอดยิ้มไม่ได้และดึงผ้าห่มเบาๆ และสั่ง “อย่าคลุมแน่นเกินไป เดี๋ยวเป็นลมหรอก”

และพูดขึ้นอีก: “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ลากคุณไปอาบน้ำหรอก เด็กดี คุณนอนก่อนเถอะ”

จิ่งหนิงโผล่หัวออกมาและรู้สึกโล่งใจที่เขายอมแพ้แล้วจึงถอนหายใจโล่งอก

ลู่จิ่งเซินหันและเดินไปที่ห้องอาบน้ำ

จิ่งหนิงง่วงจริงๆ ซึ่งปกติแล้วต่อให้งานยุ่งแค่ไหนเธอก็ไม่นอนดึกเกินเที่ยงคืน วันนี้กลับเที่ยวเล่นจนถึงตีสอง และนาฬิกาชีวภาพได้กระตุ้นให้เธอพักผ่อนมานานแล้ว

ดังนั้น พอเธอล้มตัวลงนอนครู่หนึ่งก็หลับไป

และไม่รู้ว่านานแค่ไหน ในระหว่างที่งัวเงียอยู่นั้นก็รู้สึกว่ามีอะไรนุ่มนิ่มคร่อมเธออยู่

เธอกระแอมเบาๆ และยื่นมือออกไปผลักโดยไม่รู้ตัวและร้องออกมาด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ “อย่ายุ่ง ฉันจะนอน”

มีน้ำเสียงแหบพร่าของชายหนุ่ม “เธอหลับไปสิ ไม่เป็นไร”

จิ่งหนิงขมวดคิ้วและลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก

ก็เห็นชายหนุ่มกำลังคร่อมตัวเธอและทำเรื่องบางอย่างที่เหมาะสมกับเด็ก

เธอหน้าแดงด้วยความละอายและผลักเขาออกไป

“คุณทำอะไรน่ะ?”

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่วางมือบนหน้าอกของชายคนนั้น เขาก็จับมันและยกขึ้นไปที่ศีรษะของเขา

ลู่จิ่งเซินมองเธอด้วยรอยยิ้มลึกซึ้งเพราะเขาเพิ่งอาบน้ำ ยังคงมีความชื้นจางๆ อยู่บนร่างกายของเขาผสมกับกลิ่นหอมของเจลอาบน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งล่อใจที่ต่างออกไป

เขายิ้มเล็กน้อยและพูด: “คู่สามีภรรยาอยู่ด้วยกันกลางดึก เธอว่าควรจะทำอะไรล่ะ?”

จิ่งหนิงโกรธมาก “ลู่จิ่งเซิน ฉันไม่ทำ! ฉันง่วง ฉันอยากนอน!”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า “เธอก็นอนไปสิ ผมทำเอง ผมบอกแล้ว ไม่เป็นไร”

“คุณ!”

แต่ไม่ว่าเธอจะต่อต้านอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

เธอไม่สามารถขยับหรือปฏิเสธชายคนนี้ได้เมื่อเขากลายร่างเป็นสัตว์ร้าย

ดังนั้นในท้ายที่สุดจิ่งหนิงจึงต้องตอบโต้ มันเป็นความจริงที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานและเขารู้จุดอ่อนไหวเกือบทั้งหมดในร่างกายของเธอดีกว่าเธอด้วยซ้ำ

จนกระทั่งสองชั่วโมงต่อมาเธอจึงได้ผลักเขาออกไปอย่างเหนื่อยหอบ

“ลู่จิ่งเซิน คุณเป็นสัตว์ร้าย!”

ชายคนนั้นกระซิบขณะจูบคิ้วและตาของเธอ “อือ ผมเป็นสัตว์ร้ายแค่กับคุณเท่านั้น”

ค่ำคืนที่ยุ่งเหยิง

เช้าวันต่อมา

แน่นอนว่าจิ่งหนิงตื่นสาย

กว่าเธอจะตื่นก็เป็นเวลาสายมากแล้ว

เธอดูเวลาและตกใจและรีบพลิกตัวออกจากเตียง

หลังจากออกมา เดิมทีเธอคิดว่าตัวเองจะออกมาช้าสุดแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เห็นชัดๆ ว่าเมื่อคืนทุกคนแยกย้ายกันไม่ได้ดึกมากนัก แต่วันนี้กลับยังไม่มีใครตื่นเลย

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท