วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 925 งานแต่งงานยิ่งใหญ่

บทที่ 925 งานแต่งงานยิ่งใหญ่

พูดไปๆ หัวก็เขยิบเข้ามา

ทั้งสองคนจูบกันตอนไหนแม้แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ตัว

รู้แต่เพียงว่าภายใต้แสงแดดยามบ่ายที่ส่องแสงบนใบหน้าของพวกเขา ดูเหมือนจะส่องแสงในใจพวกเขา มันช่างอบอุ่น

สุดท้ายกำหนดการงานแต่งงานของพวกเขาสองคนก็ถูกกำหนดขึ้นในวันที่สามเดือนหน้า

ได้ยินลุงโอบอกว่าวันนั้นเป็นวันฤกษ์ดี แม้แต่ในปฏิทินโหราศาสตร์ก็ยังบอกว่าเหมาะแก่การจัดงานแต่งงาน

ส่วนเรื่องสถานที่ เพราะเฉียวฉีนั้นชื่นชอบทะเลมาตลอด แต่เพราะไม่สะดวกที่จะการจัดการเรื่องการรักษาความปลอดภัยที่ริมหาด กู้ซือเฉียนเป็นกังวลว่าจะมีคนใช้โอกาสงานแต่งงานนี่มาก่อความวุ่นวาย ดังนั้นพวกเขาจึงจะจัดงานภายในเกาะส่วนตัว

เกาะส่วนตัวนี้เป็นเกาะที่เขาซื้อไว้นานแล้ว ในตอนที่เฉียวฉีถามเขาว่าเกาะนี้มีชื่อว่าอะไร เขาก็มองเธออย่างลึกซึ้งแล้วยิ้มและบอกชื่อของมันกับเธอ

หน้าเธอก็แดงขึ้นมา

เพราะเขาบอกว่า “เกาะนี้ชื่อเกาะเฉียวเฉียว”

เฉียวเฉียว…ต่อให้โง่กว่านี้เธอก็รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร

เธอเพิ่งจะได้รู้ว่า นานมาแล้วเขาได้มอบเกาะให้กับเธอ และอาจจะนานมาแล้ว ผู้ชายคนนี้ได้ตัดสินใจจะใช้ชีวิตที่เหลือไปจนแก่เฒ่าไปพร้อมกับเธอ

เพียงแต่ว่าเธอไม่เคยรับรู้มาก่อนเท่านั้น

หัวใจของเฉียวฉีอบอุ่น และด้วยเรื่องนี้ทำให้ความรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยนั้นได้มลายหายไปจนหมด

วันที่สาม ใกล้จะมาถึงแล้ว

และเพราะเฉียวฉีไม่มีผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าสาว ท่านผู้อำนวยการก็จากไปนานแล้ว ดังนั้นคนที่จะต้องส่งตัวเธอ จึงกลายเป็นลุงโอ

ลุงโออยู่ข้างกายกู้ซือเฉียนมานาน และถือได้ว่าเห็นทั้งคู่เติบโตมา สำหรับเธอแล้ว เขาเป็นทั้งครู เพื่อน และพ่อ

ถึงแม้ว่าเขาจะประมาณตนอยู่เสมอและไม่เคยทำอะไรนอกเหนือกฎเกณฑ์ แต่เฉียวฉียังคงรู้สึกถึงความรักอันอบอุ่นของพ่อจากเขา

ในวันนี้บนเกาะมีการจัดดอกไม้งานเฉลิมฉลอง ผ้าไหมสีขาวปลิวว่อนไปทั่วทุกหนทุกแห่ง มีเสียงหัวเราะทุกหนทุกแห่ง และบรรยากาศก็มีชีวิตชีวาและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ในฐานะเพื่อน จิ่งหนิงและลู่จิ่งเซิน รวมทั้งจี้หลินยวนและหัวเหยา หลินซงหรือแม้กระทั่งเฟิงยี่ก็มาด้วย

การเดินขบวนของงานแต่งงานดังขึ้น และพวกเขาดูเฉียวฉีจับแขนของลุงโลเดินเข้ามาทีละก้าว และหัวใจของพวกเขาทั้งหมดก็สั่นไหว

คู่นี้เรียกได้ว่าไม่ง่ายเลย จนถึงวันนี้พวกเขาก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว

และในตอนนี้ บนเวที กู้ซือเฉียนก็อยู่ในอารมณ์เดียวกัน

เมื่อผ่านวันนี้ไป เฉียวฉีก็จะเป็นภรรยาของเขาแล้ว

ห่างหายไปนานนับปี โชคดีที่ยังไม่เสียเธอไป และโชคดีที่พวกเขายังมีอนาคตที่ยืนยาวต่อไป

ลุงโอพาเธอเดินมาถึงตรงหน้าเขา

เขามองไปที่กู้ซือเฉียน ใบหน้าที่ใจดีและอ่อนโยนมาโดยตลอด รู้สึกสะเทือนใจมากในเวลานี้ด้วยความตื่นเต้นที่ไม่เป็นเขาเลย

“คุณชาย ผมยินดีขะมอบคุณหนูเฉียวให้คุณ ขอถามคุณว่าต่อจากนี้ไป จะยินดีที่จะรักเธอ ปกป้องเธอ และดูแลเธอหรือเปล่าครับ? อย่าให้เธอต้องเจ็บอีก?”

กู้ซือเฉียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม: “ผมทำได้”

ลุงโอจึงได้ส่งมือของเธอให้เขาอย่างมีความสุข

เขายื่นมือออกไปรับมือของเธอและจูงมือเธอขึ้นไปบนเวที

ตอนนี้ศิษยาภิบาลมาถึงแล้วเพราะลุงโอไม่ใช่บิดาผู้ให้กำเนิดของเฉียวฉี เขารับตำแหน่งนี้ในฐานะผู้อาวุโสเพียงชั่วคราวเท่านั้นดังนั้นกระบวนการพูดของบิดาของเขาจึงถูกละเว้น

เขามองไปที่คู่ชายหญิงที่ดูเหมาะสมกันและยิ้มแล้วพูด: “คุณกู้ซือเฉียน คุณอยากจะมอบความรักให้คุณเฉียวฉีตลอดไป ปกป้องเธอไปตลอดชีวิต หวงแหนเธอ และจะไม่มีวันทอดทิ้งเธอโดยไม่คำนึงถึงความยากจน ความมั่งคั่ง โรคภัยไข้เจ็บ หรือสุขภาพในอนาคตหรือไม่?”

กู้ซือเฉียนพูดอย่างหนักแน่น: “ผมยินดีครับ”

ศิษยาภิบาลถามเฉียวฉีในคำถามเดียวกันอีกครั้ง

เฉียวฉีตอบด้วยรอยยิ้ม “ฉันก็ยินดีค่ะ”

ศิษยาภิบาลกล่าว: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันมาที่นี่เพื่อประกาศว่าคุณกู้ซือเฉียนและคุณเฉียวฉีจะเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้!”

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนในสถานที่จัดงานต่างลุกขึ้นเฉลิมฉลอง

ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของทุกคน ศิษยาภิบาลก็ยิ้มแล้วพูด “เจ้าบ่าว คุณสามารถจุมพิตเจ้าสาวได้”

เฉียวฉีเม้มปากของเธออย่างเขินอาย และกู่ซีเฉียนมองดูเธออย่างลึกซึ้งและโน้มตัวลงมา

และในระหว่างที่พวกเขากำลังจะจูบกันนั้น——

“โธ่เอ๊ย ดูเหมือนฉันจะมาช้าไปหน่อยนะ!”

มีเสียงเสียงหนึ่งขัดบรรยากาศสุดโรแมนติกนี้

ทุกคนตกใจ และเมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้น พวกเขาเห็นหนานมู่หรงเดินมาที่นี่พร้อมกับกลุ่มคนที่หัวเราะและเดินเข้ามาในงาน

สีหน้าของกู้ซือเฉียนเย็นชาลง

เรื่องครั้งก่อนแทบจะฉีกหน้าระหว่างเขากับหนานมู่หรงได้เลย เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่ใช่เพื่อนกันแต่เป็นเหมือนศัตรูมากกว่า

เดิมที่คิดว่าเขาไม่ควรจะปรากฏตัวในวันนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะมา

ส่วนคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าแปลกมาก เนื่องจากการหายตัวไปของเฉียวฉี ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกู้ซือเฉียนและตระกูลหนานเกิดรอยร้าวซึ่งมันก็ไม่ใช่ความลับ

ถึงแม้ทุกคนจะไม่พูดแต่ก็รู้อยู่ในใจ

ตอนนี้ การมาถึงของหนานมู่หรง มีเพียงแต่ผีเท่านั้นที่จะเชื่อว่ามาร่วมยินดี คงจะมาป่วยเสียมากกว่า

ดังนั้นฉินเยว่และคนอื่น ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลที่กำลังแอบเตรียมการอยู่นั้น

กู้ซือเฉียนยืดตัวขึ้นและเผชิญหน้ากับเขา เพียงเห็นหนานมู่หรงที่กำลังเดินไปทางนี้เขายิ้มและพูด: “ซือเฉียน แต่งงานทั้งทีไม่บอกฉันบ้างเลย นายทำแบบนี้มันไม่ใจแคบไปหน่อยเหรอ ไม่ว่ายังไงเราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งสิบกว่าปี ไม่แม้แต่จะบอกกันสักคำเลยรึไง?”

ขณะพูดก็เดินเข้าไป

กู้ซือเฉียนยื่นมือออกไปจับมือกับเขา ดึงเขาเข้ามาโดยไม่คาดคิดและทั้งสองก็กอดกันอย่างเรียบง่าย

ชายผู้หัวเราะร่วนในนาทีที่แล้ว และเปลี่ยนสีหน้าเคร่งขรึมในทันที เขาลดเสียงลงแล้วพูด: “ซือเฉียน แต่งงานไม่เชิญฉัน เพราะร้อนตัวงั้นเหรอ?”

สีหน้าของกู้ซือเฉียนไม่เปลี่ยนไปแต่กลับกัดฟันแน่น

“ฉันยังไม่ได้เช็คบิลกับพวกนายกับอะฉีเลยนะ!”

“หึ! เธอก็ไม่ได้อยู่ข้างนายอย่างดีอย่างนั้นเหรอ? ยังจะมีอะไรให้เช็คบิลอีก?”

ทั้งสองพูดคุยกันสักพักแล้วผละออกจากกัน

พวกเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและมีรอยยิ้ม

หนานมู่หรงมองไปที่เฉียวฉีแล้วยิ้มและพูด: “พูดไปแล้ว ผมกับซือเฉียนรู้จักกันมาสิบกว่าปี อายุมากกว่าเขาก็หลายปี นับๆ ดูแล้วเขาควรจะเรียกผมว่าพี่ด้วยซ้ำ ผมเป็นคนใจกว้าง เรียกเธอว่าน้องสะใภ้แล้วกัน”

ขณะพูดก็ยื่นมือไปข้างหลังและหยิบของขวัญออกมา

“ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีค่าอะไร รบกวนน้องสะใภ้รับไว้ด้วยนะ”

เฉียวฉีเงยหน้าและมองไปที่กู้ซือเฉียน

เมื่อเห็นเขาไม่คัดค้านจึงรับเอาไว้

ตอนนั้นเอง หลินเยว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่หลังหนานมู่หรงอยู่ตลอดก็ก้าวมาข้างหน้า

เธอมองไปที่เฉียวฉี ใบหน้าที่สวยงามนั้นไม่ได้มีวี่แววความปีติยินดีอยู่เลย มีแต่ความเฉยเมยและความเกลียดชัง

“คุณนายกู้ ยินดีด้วย ของให้พวกคุณครองคู่กันเป็นร้อยปี มีลูกไวๆ”

เฉียวฉียิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณมากค่ะคุณนายหนาน”

ทั้งสองคนนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ในตอนนี้ พิธีกรที่อยู่ข้างๆ ขัดจังหวะและขอให้พวกเขานั่งในหอประชุมแล้วพวกเขาก็จากไป

พิธีต้องดำเนินต่อไป

เฉียวฉียื่นกล่องของขวัญในมือให้คนข้างๆ และสบตากับกู้ซือเฉียน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท