วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 945 ใช้อารมณ์

บทที่ 945 ใช้อารมณ์

“ดี! ฝีมือการใช้มีดดาบดีจริง!”

พวกจิ่งหนิงก็ปรบมือขึ้นมาตามด้วย แม้แต่กู้ซือเฉียนก็ปรบทีหนึ่งตามเนื่องจากเอาหน้า

ลู่จิ่งเซินเดินขึ้นไป “รู้มาตลอดแค่ว่าท่านปู่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโบราณ แต่ไม่รู้เลยว่าฝีมือการใช้มีดดาบก็เก่งเช่นนี้”

ท่านปู่ชิวสวมใส่ชุดฝึกกังฟูเต็มยศ ได้ยินคำพูดแล้วก็มองเขาแวบหนึ่งและถามว่า: “ลองฝึกไหม”

ทุกคนอึ้งมาก แต่ลู่จิ่งเซินกลับไม่แปลกใจ ยิ้มพูดว่า: “เอาสิ”

ท่านปู่ชิวจึงโยนดาบในมือให้เขา ตัวเองเอาอีกเล่มหนึ่งออกมา ยืนเป็นท่าเรียบร้อยแล้ว จากนั้นยิ้มเยาะว่า: “ไอ้หนุ่ม นี่คือดาบจริงนะ ดาบเคยขัดมาแล้ว ไม่มีตา เดี๋ยวถ้าเจ็บตรงไหน ฟันโดนตรงไหน แกห้ามเอาเรื่องฉันนะ”

ลู่จิ่งเซินยิ้มพูดว่า: “ถึงแม้ว่าฝีมือการใช้มีดดาบของท่านปู่ดีมาก แต่อายุเยอะแล้ว ผมไม่ฟันท่าน แต่ถ้าเอวของท่านขัดยอกโดยไม่ได้ระมัดระวัง ก็อย่าเอาเรื่องผมเช่นกันนะ!”

พอท่านปู่ชิวได้ยิน สีหน้าก็เข้มลงมาทันที

ยกดาบขึ้นมาก็ฟันมาที่เขาเลย

สองคนพัวพันอยู่ด้วยกันแล้วทันที

พวกจิ่งหนิงกับกู้ซือเฉียนยืนอยู่ข้างๆ ล้วนดูอย่างอกสั่นขวัญแขวน คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อกี้ยังดีอยู่เลย ทำไมเวลาแค่กะพริบตาครั้งเดียว สองคนก็แข่งขันกันแล้ว

ถึงแม้จะบอกว่าเป็นแค่ศึกษาแลกเปลี่ยนกันและกันเฉยๆ แต่ที่ใช้นั้นคือดาบจริงๆ เลยนะ ลู่จิ่งเซินนั่งอยู่ในออฟฟิศตั้งหลายปีแล้ว ห่วงแต่ปัญหาเรื่องธุรกิจ ยังไม่ต้องพูดถึงกู้ซือเฉียนกับเฉียวฉี ฝีมือการใช้มีดดาบนี้ขนาดจิ่งหนิงยังไม่เคยเจอเลย ถ้าเจ็บตัวจริงๆ จะทำยังไง

เธอรู้สึกแต่หัวใจหนึ่งดวงใกล้ขึ้นมาถึงลำคอแล้ว สองมือกุมไว้แน่นๆ ตื่นเต้นจนมือมีเหงื่อเต็มเลย

ส่วนอีกฝั่ง กู้ซือเฉียนกลับสงบและใจเย็นมาก

ฝีมือการใช้มีดดาบของท่านปู่ชิวเก่งมากก็จริง นี่ไม่ใช่เรื่องปลอม แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าความจริงฝีมือการใช้มีดดาบของเขาก็ไม่แย่เหมือนกัน

ส่วนนี้ก็คือโชคดีที่เมื่อหลายปีก่อนเขารู้สึกเบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ เห็นผู้เชี่ยวชาญที่ตัดขาดจากโลกภายนอกคนหนึ่งชำนาญด้านการใช้มีดดาบ อยู่ๆ ก็มีความสนใจขึ้นมาและได้เรียนรู้ตามแล้ว

ไม่คิดเลยว่าพอได้เรียนก็เคลิบเคลิ้มหลงใหลแล้ว ตอนนั้นก็ได้เรียนหลายปีติดต่อกัน

ถึงแม้จะไม่ได้ใช้มาหลายปีแล้ว แต่พื้นฐานกังฟูในตัวของเขาดีมาก บวกกับความจำโดดเด่นกว่าคนอื่นใด แค่ไม่กี่ท่วงท่าสั้นๆ ก็หาสภาพเจอแล้ว ทันใดนั้นกลับสามารถสู้กับท่านปู่ชิวสูสีกันมาก

สองคนไปๆ มาๆ แก้แล้วประมาณสามสิบกว่าท่วงท่า

ยังไงท่านปู่ชิวก็อายุมากแล้ว ร่างกายเริ่มไม่มีแรงแล้ว

เขาก็คงคิดไม่ถึงว่าลู่จิ่งเซินจะเก่งขนาดนี้ หน้าแก่ใบหนึ่งตึงแน่นๆ เหมือนต้องแข่งให้มีแพ้กับชนะออกมาให้ได้อย่างนั้น

จิ่งหนิงกลับเป็นห่วงสองคนจะบาดเจ็บ ยังไงพวกเขาก็ยังต้องขอท่านปู่ชิวบอกให้รู้ว่าแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์อยู่ตรงไหนอยู่ ดังนั้น สองคนนี้ไม่ว่าคนไหนบาดเจ็บก็ล้วนไม่ใช่เรื่องดี

เพราะฉะนั้นจึงตะโกนออกเมื่อใกล้จะสิ้นสุดลง: “พอได้แล้ว”

เธอเพิ่งพูดจบ กู้ซือเฉียนใช้ท่าสวยหนึ่งท่าก็ควบคุมดาบของท่านปู่ชิวไว้ได้ ต่อมาใบดาบก็จี้อยู่ตรงคอของเขาแล้ว

ท่านปู่ชิวแพ้แล้ว

สีหน้าของท่านปู่แย่มาก ลู่จิ่งเซินยิ้ม ถอยหลังหนึ่งก้าวและเก็บดาบกลับมา คำนับทำความเคารพว่า: “ท่านปู่ ขอบคุณที่ยอมอ่อนข้อให้”

ท่านปู้จ้องเขาทีหนึ่ง จากนั้นส่งเสียงไม่พอใจแรงๆ เก็บดาบขึ้นมาเดินเข้าไปข้างในเลย

คนกลุ่มหนึ่งรีบตามเข้าไป

ลู่จิ่งเซินออกกำลังกายแล้วครึ่งวัน เหงื่อออกในตัวเป็นชั้นบางๆ ตั้งนานแล้ว จิ่งหนิงเอาผ้าเช็ดหน้าให้เขาเช็ดเหงื่อผืนหนึ่ง ทั้งสี่คนก็ไม่ได้เกรงใจ นั่งรอบนเก้าอี้ในห้องรับแขก

ผ่านไปแล้วประมาณสิบกว่านาที ท่านปู่ชิวออกมาแล้ว

เห็นแต่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าออกทั้งชุดแล้ว ชุดถังสีขาวชุดหนึ่ง กลับทำให้คนแก่คนนี้ที่มีหุ่นผอมบางหน่อยอยู่แล้วดูมีรูปร่างดูดี มีความรู้สึกแบบผู้เชี่ยวชาญที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างนั้น

แต่นิสัยของผู้เชี่ยวชาญที่ตัดขาดจากโลกภายนอกคนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยจริงๆ

หลังจากออกมาแล้วก็ลงไปบนเก้าอี้เลย มองลู่จิ่งเซินอย่างโกรธเคือง

“พูดสิ ฝีมือการใช้มีดดาบของแกเรียนมาจากใคร”

ลู่จิ่งเซินดื่มชาคำหนึ่ง ยิ้มอ่อนๆ “ท่านบอกผมก่อน ตกลงแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์อยู่ที่ไหน”

ท่านปู่ชิวหายใจไม่ออกทีหนึ่ง

เนิ่นนาน ยิ้มแห้งเสียงหนึ่ง “ไอ้หนุ่มไม่รู้จักกาลเทศะเลย ฉันถามแกก็ตอบ พูดอะไรไร้สาระเยอะทำไม ”

ลู่จิ่งเซินส่ายหัว “จะพูดอย่างนี้ไม่ได้นะ ทุกเรื่องบนโลกนี้ล้วนพิถีพิถันเรื่องกันและกัน ถ้าท่านปู่เห็นว่าเราเป็นเพื่อน ก็ไม่ควรเห็นพวกเราลำบากแต่กลับไม่ช่วย ผมก็ควรพูดทุกอย่างที่รู้ให้กับท่านเช่นกัน แต่ถ้าไม่ใช่เพื่อนกัน ท่านจะนิ่งดูดายก็ไม่มีปัญหาจริงๆ ส่วนผมก็อยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็ไม่ตอบละเช่นกัน”

คำพูดนี้ของเขาฟังดูแล้วก็ไม่ผิดเหมือนกัน

แม้แต่ท่านปู่ชิวยังพูดไม่ออกเลยเหมือนกัน หาคำพูดคัดค้านออกมาไม่ได้เลยสักประโยคเนิ่นนาน

เขาส่งเสียงโกรธเคืองเสียงหนึ่งและพูดว่า: “ได้ ฉันรู้ตั้งนานแล้วว่าพวกแกมาเพื่อหยกปลอมก้อนนั้น ฉันก็ไม่กลัวพูดความจริงให้พวกแกรู้ หยกปลอมนั้น จริงๆ แล้วไม่อยู่ที่ฉันเลย”

พอคำพูดนี้ออกมา สีหน้าของเฉียวฉีกับกู้ซือเฉียนสองคนก็เปลี่ยนทันที

“ท่านบอกว่าอะไรนะ แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ไม่อยู่กับท่านเหรอ”

ท่านปู่ชิวเห็นพวกเขาตกใจเช่นนี้ กลับหัวเราะขึ้นมาอย่างสมใจ เหมือนกับเฒ่าทารกที่เล่นตลกสำเร็จคนหนึ่ง

“เป็นไง คิดไม่ถึงใช่ไหม คิดแผนร้ายจนเจนจบจริงๆ สุดท้ายแล้วยังคงตะกร้าหวายตักน้ำ กลับไม่ได้อะไรเลยเหมือนเดิม สมน้ำหน้า!”

“แก!”

กู้ซือเฉียนโมโหจนใจร้อน พุ่งเข้าไปจับเขาขึ้นมา

สายตาของท่านปู่เย็นชา “ทำไม ยังอยากต่อยฉันอีกเหรอ แกกล้าก็ลงมือดูดิ!”

ลู่จิ่งเซินรีบยกมือขึ้นมาห้ามเขาไว้ ขมวดคิ้วมองเขาแวบหนึ่งอย่างอารมณ์เสีย

“กู้ซือเฉียน แกไม่ใช่คนใจร้อนเลยนะ อย่าทำอะไรใช้อารมณ์”

ใช่สิ กู้ซือเฉียนไม่เคยเป็นคนใจร้อนเลย

เป็นถึงหัวหน้าของกลุ่มมังกร เป็นถึงผู้มีอำนาจของตระกูลกู้ เขาวางแผนให้ถูกต้องรอบคอบแล้วจึงลงมือทำมาตลอด ทุกอย่างจะอยู่ในการควบคุมมาตลอด แต่ว่าครั้งนี้กลับใจร้อนแล้วจริงๆ

เฉียวฉีเป็นชุดเกราะของเขา หารู้ไม่ก็เป็นจุดอ่อนของเขาเช่นกัน

ตอนนี้จุดอ่อนของเขาอยู่ใกล้ความตาย เขาพยายามให้ตัวเองใจเย็นลงมากแล้ว แต่นี่ก็เหมือนประกายไฟที่ถูกกดลง เธอเห็นว่ามันไม่มีไรก็จริง แต่ถ้าเกิดมีแหล่งกำเนิดไฟถูกจุดขึ้นมาเมื่อไหร่ ไฟนี้ก็จะสามารถลุกขึ้นมาได้ทันที ลุกลามทั่วทุ่งหญ้าในชั่วขณะ

แต่ยังไงกู้ซือเฉียนก็มีสติอยู่ เขานั่งกลับไปแรงๆ

ลู่จิ่งเซินปลอบโยนท่านปู่ได้ครู่หนึ่ง ถามอย่างจริงจังว่า: “ท่านปู่ เรื่องนี้ล้อเล่นไม่ได้เด็ดขาด ท่านแน่ใจจริงๆ นะ ว่าของไม่ได้อยู่ในมือของท่าน”

ท่านปู่ชิวมองเขาแวบหนึ่ง มีความรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นอยู่เล็กน้อย

“ฉันจะโกหกพวกแกทำไม ถ้าพวกแกไม่เชื่อก็ค้นเองสิ ถ้าพวกแกสามารถค้นออกมาจากที่ของฉันได้ พวกแกก็เอาของไปเลย”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วขึ้นแน่นๆ

ถ้าเขากล้าพูดแบบนี้ แสดงว่าของนั่นน่าจะแน่ใจได้แล้วว่าไม่ได้อยู่ที่เขา

“ทำไมไม่บอกพวกเราเช้าๆ หน่อย”

ทำให้พวกเขาล่าช้าเสียเวลาอยู่ที่นี่สองวัน

ท่านปู่ชิวหัวเราะเฮฮา “พวกแกโง่นะสิ ฉันจะบอกพวกแกทำไม คนที่จะตายก็ไม่ใช่ฉัน อีกอย่าง พวกแกเดาไม่ได้ก็ไม่ได้หมายถึงคนอื่นเขาเดาไม่ออกนิ น่ะ เด็กผู้หญิงคนนี้รู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าเธอไม่ยอมบอกพวกแก ฉันก็ทำอะไรไม่ได้นิ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท