วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 947 เรื่องเก่าสมัยก่อน

บทที่ 947 เรื่องเก่าสมัยก่อน

ทุกคนกลับมาถึงวิลล่าของท่านปู่ชิวอีกครั้ง

แต่กลับมาครั้งนี้ ความรู้สึกของแต่ละคนต่างไม่เหมือนกัน

ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว พวกจิ่งหนิงมาถึงสนามบิน ตอนแรกก็เตรียมตัวจะขึ้นเครื่องบินแล้ว แต่จู่ๆ ลู่จิ่งเซินกลับได้รับสาย จากนั้นก็รีบแจ้งให้พวกเขาลงจากเครื่องบินและมาที่นี่ทันที

ความเป็นจริงแล้ว ตอนที่อยู่ในวิลล่า ลู่จิ่งเซินก็ดูออกตั้งนานแล้วว่าท่านปู่ชิวผิดปกติ ถึงแม้ดูเหมือนจิตใจเที่ยงตรง แต่ความเป็นจริงกลับมีบางอย่างปิดบังไว้

แต่เขาไม่ได้ไปหาท่านปู่ชิวแฉไพ่เหมือนจิ่งหนิง กลับเป็นตีหน้าตายแอบวางสองคนเฝ้าไว้รอบๆ วิลล่าของท่านปู่ชิว ดูว่าเขามีท่าทีอะไรบ้าง

นึกไม่ถึงเลย พวกเขาเพิ่งออกมาจากที่นั่น ข่าวก็มาถึงตามหลังแล้ว

บอกว่าท่านปู่ชิวออกไปจากวิลล่าด้วยตัวคนเดียวในกลางดึก ไปทางท้ายสุดของหมู่บ้านแล้ว

ลู่จิ่งเซินรู้สึกได้ว่าผิดปกติ จึงพาพวกเขารีบตามมา ก็ได้เจอฉากที่ท่านปู่ชิวกับคนใส่เสื้อดำคนนั้นกำลังคุมเชิงกันอยู่พอดี

จนถึงตอนนี้แล้ว พวกเขายังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีกเหรอ

แต่จิ่งหนิงคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าผลของเรื่องนี้มิอาจคาดเดาได้มากกว่าที่เธอคิดอีก

ขณะนี้ทุกคนนั่งอยู่ในห้องรับแขกของวิลล่า บรรยากาศพะอืดพะอมไปหมด

เสียงฝีเท้าอันเร่งรีบดังมาจากข้างนอก

ไม่นาน กู้ซือเฉียนก็ผลักประตูเข้ามาแล้ว

เฉียวฉีรีบเดินขึ้นไปถามว่า: “เป็นไงบ้าง จับคนได้ยัง”

สีหน้าของกู้ซือเฉียนดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำหน้ามืดครึ้มและส่ายหัว

ลู่จิ่งเซินกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับผลนี้

ดูก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่บุคคลธรรมดา ฟ้ามืดขนาดนี้แล้ว กู้ซือเฉียนก็ไม่คุ้นเคยธรณีสัณฐานของที่นี่ด้วย จับคนไม่ได้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

เขาหันหน้ากลับไปดูท่านปู่ชิว

“ท่านปู่ ท่านควรอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเราฟังหน่อยไหม”

สีหน้าของท่านปู่ชิวก็ดูแย่มากเหมือนกัน

ขณะนี้ เขาไม่มีสีหน้าแบบดื้อรั้น เยาะเย้ยและสมน้ำหน้าเมื่อเผชิญหน้ากับพวกเขาก่อนหน้านี้แบบนั้นแล้ว ทั้งคนดูซึมกะทือ นั่งอยู่ตรงนั้น เงียบอย่างกับประติมากรรมชิ้นหนึ่ง

จิ่งหนิงพูดเสียงเบาว่า: “ท่านปู่ พวกหนูรู้เรื่องนี้แล้ว ก็ไม่มีทางปล่อยไปไม่สนใจหรอก ท่านบอกหรือไม่บอก ความจริงแล้วสุดท้ายพวกหนูก็สืบได้อยู่ดี แค่ต้องเดินทางเปล่าๆ และเสียเวลาเยอะหน่อยแค่นั้นเอง พวกหนูยังมีเวลาอีกหลายเดือนสามารถรอได้ แต่ท่านลองถามใจตัวเองดู ท่านรอได้เหรอ เหลนสาวของท่านรอได้เหรอ”

เสียงของเธอเพิ่งหยุดลง ท่านปู่ก็ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด

เนิ่นนาน เขาจึงถอนกายใจอย่างลึกซึ้ง

“ฉันรู้แล้ว เรื่องนี้ปิดปังพวกแกไม่ได้หรอก ฉันก็ไม่ได้อยากจงใจปิดบังพวกแกต่อแล้ว ฉันก็แค่กำลังคิดอยู่ว่าต้องบอกเรื่องนี้กับพวกแกยังไง”

คนทุกคนต่างขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมายกัน

ท่านปู่เงียบไปอีกสักพักจึงค่อยๆ เปิดปาก

“เรื่องนี้ต้องพูดย้อนกลับไปถึงหกสิบปีที่แล้ว…”

จริงๆ แล้ว เมื่อหกสิบปีที่แล้วสถานการณ์ยังคงวุ่นวายมาก ท่านปู่ชิวเป็นเด็กกำพร้า ใช้ชีวิตอยู่ในสังคง เพิ่งความสามารถทั้งตัวหาข้าวกินในกลียุคล้วนๆ

หลังๆ มาก็ได้รู้จักนายหญิงหชินและผู้ชายอีกคนโดยโอกาสบังเอิญ กี่คนนี้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในกลียุค ความสัมพันธ์ดีกันอย่างยิ่ง

หลังๆ มานายหญิงหชินแต่งงานกับท่านปู่ลู่ก็ไปจากพวกเขาแล้ว พวกเขาอวยพรให้เพื่อนคนนี้ ในเวลาเดียวกันก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนเธอ เนื่องจากฐานะและทางที่จะเดินมันต่างกัน

ผู้ชายสองคนกลายเป็นพี่น้องต่างนามสกุล มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน ก็ถือว่าผ่านสมัยที่วุ่นวายที่สุดมาโดยไม่ง่ายแล้ว

พวกเขาเพิ่งการค้าขายวัตถุโบราณทำเงินมาไม่น้อย ตอนแรกคิดว่าถ้ามีเงินแล้วก็จะหาที่ตั้งถิ่นฐาน ทำการค้าขายด้วยกัน แต่สุดท้ายกลับเกิดความขัดแย้งกันขึ้นมา

สองคนเป็นคนร่วมจัดการของเหล่านั้นด้วยกัน ระหว่างนั้นก็มักจะมีเรื่องผิดกฎหมายอยู่ไม่น้อย มีบางเรื่องที่ใหญ่โตจนจะพูดว่าตัดหัวก็ไม่ถือว่าแรง

ถึงแม้เงินนี้จะทำมาเยอะมาก แต่มันล้วนสู้กลับมาด้วยชีวิต

สองคนต่างแต่งงานมีลูกกันแล้ว อีกฝ่ายอยากมีชีวิตที่สงบสุข ท่านปู่ชิวก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ

แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือทำไมอีกฝ่ายถึงเอาเรื่องที่เขาสองคนทำในหลายปีนี้เล่าให้อีกคนฟังอย่างละเอียด

ซึ่งเขาเห็นว่านี่คือช่องโหว่ที่ใหญ่มาก

เพราะเขาเชื่อกฎเกณฑ์อย่างหนึ่งอย่างแน่วแน่มาตลอด นั่นก็คือในโลกนี้ไม่มีกำแพงด่านไหนที่ไม่มีรอยแตก และไม่มีคนไหนที่ไม่หักหลังอีกฝ่าย แม้จะสนิทสนมอย่างสามีภรรยาก็ตาม

มีแต่คนสองแบบที่จะไม่หักหลัง ถ้าไม่ใช่คนที่ทำเรื่องนี้ด้วยกัน ก็คือคนตาย

ดังนั้น ตอนนั้นเขาจึงมีความคิดจะฆ่าคนขึ้นมา สองคนทะเลาะกันใหญ่เพราะเรื่องนี้ สุดท้ายแยกทางกันอย่างอารมณ์เสีย

หลังๆ มาเขาก็ได้รู้โดยบังเอิญว่าพี่ชายของภรรยาอีกฝ่ายกลับเป็นคนของตำรวจ

ตอนนั้นเขาว้าวุ่นไปหมด บวกกับตัวเองยังขี้สงสัยอีกด้วย มีครั้งหนึ่งเขาดื่มเหล้าเยอะเกินไป ตอนแรกแค่อยากไปหาพี่น้องคนนั้นที่บ้านคุยกับเขาดีๆ ให้เขาจัดการเรื่องนี้ให้สะอาด อย่าเหลือปัญหาที่จะตามมาทีหลังให้กับตัวเองได้

แต่วันนั้นโชคไม่ดี พี่น้องไม่อยู่บ้าน มีแค่ภรรยาของเขาอุ้มลูกที่เพิ่งคลอดออกมาไม่นานอยู่ในบ้าน

เขากับภรรยาของอีกฝ่ายมีปากเสียงขึ้นมาเพราะบางประโยค เขาโมโหขึ้นมา นึกถึงภัยอันตรายที่ผู้หญิงคนนี้นำมา จึงฆ่าเธอตายโดยความผิดพลาดแล้ว

ตอนนั้นเขาก็ตกใจจนมึนแล้วเช่นกัน หายเมาเกือบครึ่งเลย ทันใดนั้นพี่น้องกลับมาพอดี เห็นภรรยานอนอยู่ในกองเลือด จึงสู้ตายกับเขาอยู่แล้ว

ท่านปู่ชิวฝึกซ้อมกังฟูอย่างหนักตั้งแต่ตอนเด็ก สามารถบอกได้ว่ากังฟูในมือนั้นมีน้อยคนที่สามารถสู้ได้ ดังนั้น เขาก็ได้ฆ่าพี่น้องคนนั้นจนเสียชีวิตแล้วเช่นกัน สุดท้ายเหลือแค่ลูกที่ยังไม่ครบหนึ่งเดือน

ตอนแรกเขาก็เคยคิดที่ฆ่าเด็กคนนั้นทิ้งด้วยคน แต่อาจเป็นเพราะตอนนั้นเขาใจอ่อนแล้ว หรืออาจเป็นเพราะเขาคิดว่าแค่เด็กยังไม่ครบเดือนคนหนึ่งไม่เกิดความอันตรายต่อตัวเองหรอก ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจ จากไปอย่างเตาะแตะ

ในคืนนั้นก็เก็บของไปจากเมืองนั้นแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเปลี่ยนหน้าตาใหม่ ไม่เคยพูดเรื่องอดีตนี้ขึ้นมาอีกเลย

จนกระทั่งหลังๆ มา ทั้งลูกสะใภ้และลูกชายสองคนของเขาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตไป

ในตอนนั้นเขายังไม่ได้เอะใจอะไร เพราะว่าเขากับลูกชายไม่ได้อยู่ในเมืองเดียวกัน เขาดูศพแล้วก็ไม่พบปัญหาอะไร

และหลังจากนั้นต่อมา ก็คือการตายของหลานชายและภรรยาแล้ว

ครั้งนี้ เขากลับเจอปัญหาแล้ว

ถึงแม้พวกเขาตายจากอุบัติเหตุรถยนต์ แต่เขาพบว่าอุบัติเหตุรถยนต์นั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่คือฝีมือของคน

มีคนแอบทำอะไรบางอย่างกับรถของพวกเขา เพราะฉะนั้นเบรกของพวกเขาจึงล้มเหลว ชนราวออกไปด้วยความเร็วสูงบนทางด่วน กลิ้งลงไปใต้เนินเขา รถพังคนตาย

ตอนนั้นเขาก็ได้สงสัยขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้นำเรื่องนี้ไปโยงกับเรื่องหกสิบปีที่แล้วเรื่องนั้น

เพราะเขาคิดว่าเรื่องนั้นผ่านไปตั้งหลายปีมากแล้ว นอกจากฟ้าดินกับเขาที่รู้ ไม่มีใครคนไหนรู้อีกแล้ว

เด็กที่ไม่ครบเดือนคนนั้น ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขามีชีวิตอยู่รอดต่อหรือไม่ ถึงเขาอยู่รอดแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะจำได้ว่าเขาเป็นคนฆ่าคน

เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่เคยนำเรื่องอุบัติเหตุรถยนต์ไปโยงกับเรื่องนั้นด้วยกัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท