วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 944 พูดแทงความคิด

บทที่ 944 พูดแทงความคิด

ถึงแม้ไม่ได้เดาถูกทั้งหมด แต่ก็ถูกต้องเกินครึ่งแล้ว

หรือว่านี่ก็คือเจตจำนงของสวรรค์

พอนึกถึงตรงนี้ เขาถอนหายใจคำหนึ่ง ยิ่งเงียบกว่าเดิม สูบยาเส้นของเขาต่ออย่างกลัดกลุ้ม

จิ่งหนิงมองเขาอย่างลึกซึ้ง ท่านปู่ชิวที่เงียบอยู่ยิ่งดูแก่หง่อมกว่าเดิม ทั้งหลังค่อมไว้ ดูน่าสงสารมากจริงๆ

นั่งได้สักพัก เธอลุกขึ้นมา

“ดึกแล้ว หนูก็ไม่รบกวนท่านพักผ่อนแล้ว ท่านปู่คิดพิจารณาให้ดีๆ เถอะ หนูรู้ว่าท่านไม่ใช่คนใจร้าย เจอคนลำบากแต่ไม่ช่วย เรื่องแบบนี้ถึงแม้ไม่ได้เพื่อทำบุญอะไร แต่ถ้าอยู่ในสังคมมันก็ไม่มีศีลธรรมอยู่ดี ท่านทำไม่ลงหรอก ที่ยิ่งกว่านั้นพวกหนูยังเป็นคนรุ่นหลังที่ถูกแนะนำมาจากเพื่อนเก่าของท่าน หนูรู้ว่าท่านมีเรื่องในใจที่พูดยาก ดังนั้นหนูจะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ และไม่อยากบังคับท่านด้วย แค่หวังว่าท่านจะสามารถพิจารณาดูดีๆ คิดได้แล้วค่อยมาหาพวกหนู ถ้ามีเรื่องอะไรต้องการให้ช่วยท่านก็บอกมาเลย พวกหนูจะไม่ปฏิเสธแน่นอน”

เธอพูดไปด้วยค้อมตัวต่ำลงไปทางเขาเล็กน้อยด้วย คำนับครั้งหนึ่งจึงหันหลังจากไป

เงาของผู้หญิงค่อยๆ หายไปจากประตู

ท่านปู่ชิวสูบยาเส้นไปด้วย มองด้านที่จากไปของเธอไปด้วย ดวงตาขุ่นมัวคู่หนึ่งกลับค่อยๆ แดงขึ้นมา

ผ่านไปเนิ่นนานถึงหัวเราะเยาะใส่ตัวเอง

“อะยู่อ่า เธอดูสิ เหมือนเธอแค่ไหนเนี่ย ฉลาดเช่นนี้ เสียดายจริงๆ เลย!”

เขาถอนหายใจคำหนึ่งและส่ายหัว ในที่สุดก็ลุกขึ้นมาเดินไปห้องนอนที่อยู่ข้างหลัง

จิ่งหนิงและลู่จิ่งเซินคนกลุ่มหนึ่งเช่าลานบ้านครอบครัวเกษตรกรที่อยู่ในหมู่บ้านหนึ่งหลัง พออาศัยกล้อมแกล้มหนึ่งคืน

เวลานี้ดึกมากแล้ว และก็ไม่มีที่ไปดีๆ อย่างอื่น ตอนแรกที่พวกเขามาถึงยังนึกว่าเรื่องนี้จัดการได้ภายในวันเดียว จัดการเสร็จก็สามารถกลับไปในวันนั้นเลย เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้เตรียมตัวจะอาศัยอยู่ที่นี่เลย ยิ่งไม่มีสัมภาระใดๆ เลย

ขณะนี้กลับรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลย ในพื้นที่ชนบทก็ไม่มีโรงแรมหรือห้องพักอะไรอยู่แล้ว

ยังดีที่คนที่นี่รู้ว่าพวกเขาเป็นคนรวยที่มาจากในเมือง แค่ยอมให้เงินก็ไม่ขาดสถานที่สามารถอาศัย แต่สภาพก็จะค่อนข้างแย่หน่อย

แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรน่ารังเกียจหรอก

คนกลุ่มหนึ่งพออาบน้ำทำความสะอาดเสร็จก็นอนหลับอย่างอิดออดแล้ว

วันถัดมา เมื่อจิ่งหนิงตื่นขึ้นมาแค่เจ็ดโมงเช้าอยู่เลย

สถานที่ชนบทมีไก่เยอะ ตีสี่ตีห้าก็เริ่มขันเอ้ก อี เอ้ก เอ้กแล้ว เธอไม่ชิน ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาตอนกลางคันหลายครั้งแล้ว หลังๆ มาลู่จิ่งเซินช่วยปิดหูให้เธอ จึงหลับลึกได้หลายชั่วโมง

เมื่อตื่นมาทั้งคนยังมึนๆ อยู่เลย

เฉียวฉีกับกู้ซือเฉียนก็ไม่ได้ดีไปถึงไหน

เมื่อวานกู้ซือเฉียนถูกท่านปู่ชิวแกล้ง เมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยดี ตื่นมาเช้าตรู่ก็รู้สึกได้ว่าความกดอากาศในตัวผู้ชายคนนี้ยิ่งต่ำลงแล้ว เหมือนอยู่ใกล้ภายในสิบก้าวก็จะกลายเป็นน้ำแข็งอย่างนั้น

จิ่งหนิงยิ้มและยกอาหารเช้าเดินไปนั่งฝั่งตรงของเขากับเฉียวฉีหยอกล้อว่า: “อุ๊ย ถ้าไม่ใช่เห็นอากาศข้างนอก ฉันยังนึกว่าฤดูหนาวมาถึงแล้วนะเนี่ย ทำไมข้างตัวหนาวยะเยือกอย่างนี้”

เฉียวฉีรู้อยู่แล้วว่าเธอพูดอะไรอยู่ เม้มปากยิ้มและแอบส่งสายตาให้เธอ

จิ่งหนิงเข้าใจแต่ไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่ กลับเป็นยิ่งอยากแกล้งกู้ซือเฉียนเล่น

“นี่ ฉันถามคุณหน่อย ถ้าวันนี้ท่านปู่ชิวยังไม่ยอมเอาของมาออกมาให้ คุณจะทำยังไง”

กู้ซือเฉียนกินข้าวต้มในปากอย่างไร้ความรู้สึกพร้อมพูดอย่างเย็นชาว่า: “มัดไว้ค้นเองเลย!”

จิ่งหนิงยกคิ้ว

ปรบมือ “ช่างเป็นความคิดที่ดีเลยเนาะ ใช่สิ ทำไมฉันคิดไม่ถึงเลยเนี่ย ท่านคนแก่คนหนึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น สถานที่กว้างขนาดนั้น ของไม่อยู่กับตัวก็ต้องอยู่ในบ้าน แค่พวกเราค้นด้วยความอดทน ยังไงก็ต้องค้นออกมาแน่นอน กู้ซือเฉียน ดูไม่ออกเลยจริงๆ เก่งก็คือเก่ง วิธีโจรแบบนี้ก็มีแค่คุณที่คิดออกมาได้ นักธุรกิจจริงๆ จังๆ อย่างพวกเราแบบนี้คิดวิธีแบบนี้ออกมาไม่ได้หรอก…”

ยังไม่ทันพูดจบ ก็ได้รับสายตาแหลมคมอย่างเย็นชา

กู้ซือเฉียนมองเธออย่างสะพรึง “น้องเซเว่น กวนตีนอีกแล้วใช่ไหม”

สีหน้าของจิ่งหนิงเกร็งขึ้นมา

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเมื่อก่อนตอนที่เธอได้ยินกู้ซือเฉียนเรียกตัวเองว่าน้องเซเว่นยังไม่รู้สึกอะไร

ทีตอนนี้ฟังเข้าหูแล้วกลับฟังยังไงก็รู้สึกไม่สบาย ราวกับมีเหาติดตัว คันทั้งตัวอย่างนั้น

เธอยิ้มแห้งๆ ขอโทษขอโพยว่า: “ได้ ฉันผิดไปแล้ว บอสกู้ ท่านชายกู้ ท่านค่อยๆ กินนะ กินเสร็จแล้วพวกเราไปช่วยกันคิดวิธี แค่ของยังอยู่ ยังไงเขาก็ต้องเอาออกมาอยู่ดี”

กู้ซือเฉียนจึงฮื้อเสียงหนึ่งหนักๆ จากนั้นกินข้าวต่อ

ทุกคนกินข้าวเช้าเสร็จได้พอประมาณ จากนั้นก็ออกบ้านไปวิลล่าของท่านปู่ชิว

ยังไงท่านปู่ชิวก็อายุมากแล้ว นอนน้อย ตื่นเช้า

เมื่อพวกเขามาถึง ท่านปู่กำลังซ้อมกังฟูในลานบ้านอยู่เลย

ถึงแม้แปดสิบกว่าปีแล้ว อายุที่คนทั่วไปมักจะแม้แต่เดินยังไม่ค่อยแข็งแรง แต่ท่านปู่ชิวกลับสามารถกวัดแกว่งมีดาบอย่างผึ่งผาย กระเหี้ยนกระหือรือ ดูสนุกสุดยอดมากเลย

ทุกคนก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเขาจะมีอุบายนี้ด้วย จิ่งหนิงนึกถึงตอนเช้าที่กู้ซือเฉียนบอกว่าจะมัดคนไว้แล้วค้นเองเลย ก็อดหันไปดูเขาและหัวเราะไม่ไหว

กู้ซือเฉียนรู้อยู่แล้วว่าเธอหัวเราะอะไรอยู่เลยจ้องเธอ

ลู่จิ่งเซินกลับขมวดคิ้ว ดึงจิ่งหนิงมาข้างตัวเอง

จิ่งหนิงพูดเบาๆ ว่า: “ทำไมเหรอ”

สีหน้าของลู่จิ่งเซินดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รอท่านปู่ชิวยังกวัดแกว่งมีดาบอยู่ ถามเธอเบาๆ ว่า “คุณยิ้มมองเขาทำไม”

จิ่งหนิงตะลึง มีความงงเล็กน้อย “ฉันยิ้มแล้วทำไมเหรอ สมัยนี้ยิ้มยังผิดกฎหมายหรือไง”

“ฮ่า ใช่ผิดกฎหมาย ผิดกฎหมายของผม”

จิ่งหนิงอึ้ง เพิ่งเข้าใจได้ว่าเขาหมายความว่าอะไร

สงสัยผู้ชายคนนี้จะหึงแล้ว

อยู่ๆ ก็รู้สึกจะร้องไห้ก็ไม่ใช่จะหัวเราะก็ไม่ถูก ในเวลาเดียวกันในใจก็หวานราวกับใส่น้ำผึ้งอย่างนั้น

เธอจ้องเขาอย่างโมโห “อย่าพูดมั่ว นี่ฉันก็แค่แกล้งๆ เขาหน่อยนิ กว่าจะหาโอกาสจนได้ ให้ฉันแกล้งหน่อยไม่ได้เหรอ”

ลู่จิ่งเซินทำเสียงไม่พอใจเบาๆ สำหรับคำอธิบายนี้ของเธอ จะบอกว่าเห็นด้วยก็ไม่ใช่ แต่ก็รู้สึกว่าดีกว่าไม่ได้อธิบายอะไรเลย

จิ่งหนิงรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนขี้หึง และยังเป็นขั้นเทพอีกด้วย ถ้าทำให้โมโหจริงจะง้อยากมาก ทันใดนั้นจึงไม่ล้อเล่นอีกแล้ว ตั้งใจชมดูท่านปู่ชิวซ้อมกวัดแกว่งมีดาบ

อดพูดไม่ได้เลยว่าถึงแม้อายุของท่านปู่ชิวจะเยอะมากแล้วก็ตาม แต่ฝีมือการใช้มีดดาบคือดีจริงๆ

แม้แต่จิ่งหนิงกลุ่มนี้ โดยหลักแล้ว นอกจากคนอ่อนแออย่างจิ่งหนิงคนนี้แล้ว ที่เหลืออีกสามคนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้หมด

โดยเรื่องกังฟูนี้ ดังคำกล่าวที่ว่าทำเป็นหนึ่งอย่างก็ทำเป็นได้ทุกอย่างแล้ว ถึงแม้ตัวเองจะไม่เป็น แต่แค่ดูก็ดูเทคนิคออกแล้ว

พวกเขาจำใจต้องยอมรับ ก่อนที่จะมาคือพวกเขาดูถูกท่านปู่ชิวแล้ว

พูดถึงแค่ฝีมือการใช้มีดดาบนี้ ถ้ามีอายุน้อยกว่านี้อีกสิบกว่าปีจริงๆ ไม่แน่พวกเขาอาจจะไม่ใช่คู่แข่งของเขาเลยด้วยซ้ำก็เป็นไปได้

พอนึกถึงตรงนี้ ในดวงตาของลู่จิ่งเซินก็อดเผยความชื่นชมออกมาไม่ได้

หลังจากรอท่านปู่ชิวฝึกซ้อมฝีมือการใช้มีดดาบเสร็จ ปรบมือขึ้นมาอย่างชื่นชมเป็นคนแรก

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน