วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 938 สอนวิธีจับปลา

บทที่ 938 สอนวิธีจับปลา

สีหน้าลู่จิ่งเซินเคร่งขรึม และถามว่า “เงื่อนไขอะไร?”

“ช่วยเขาหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์”

เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ลู่จิ่งเซินก็ผงะ ราวกับว่าเขารู้สึกประหลาดใจ

จิ่งหนิงเย้ยหยัน “คุณก็ประหลาดใจด้วยอีกคนเหรอ?”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า

“ฟังจากคำอธิบายของคุณ คนคนนี้ไม่ได้อายุมากนัก แต่มีสถานะสูงมาก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนเรื่องทางโลกสักเท่าไหร่ ซึ่งถ้าอิงจากเหตุผล เขาก็ไม่น่าจะสนใจสิ่งของที่ทำให้เป็นเป็นอมตะได้ ใครก็ตามที่มีสมอง น่าจะเข้าใจได้ว่า ข่าวลือนี้เป็นเพียงเรื่องโกหกคำโตเท่านั้น

เหยื่อล่อผู้ใฝ่ฝันถึงความเป็นอมตะ แท้จริงแล้ว โลกนี้ไม่มีสิ่งใดนิรันดร์ ใครเล่าจะเป็นอมตะได้จริงๆ? ดังนั้น เหตุผลที่เขากำลังมองหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์นั้น อาจเป็นเพียงเรื่องตลก หรือไม่ก็แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ไม่ได้เป็นอย่างที่โลกภายนอกกล่าวไว้ ที่ว่าสามารถทำให้เป็นอมตะได้ แต่มีผลอย่างอื่นแทน ”

จิ่งหนิงพยักหน้าเห็นด้วย

“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ไม่เพียงแค่นั้น แต่เขาอาจจะเป็นคนเดียวที่รู้ผลที่ว่านี้ แต่ฉันก็ยังมีการคาดเดาที่กล้าหาญอีกด้วย”

ลู่จิ่งเซินมองไปที่เธอ “คุณเดาว่าอะไร?”

“ฉันรู้สึกว่า เป็นไปได้ไหมว่าเหตุการณ์นี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ความจริงแล้วจะเป็นฉากที่เขาวางแผน ทั้งยังกำกับและทำการแสดงด้วยตัวเอง? ตั้งแต่ตอนที่แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ปรากฏออกมาครั้งแรก จนถึงตอนนี้ที่เขาได้ขอให้ กู้ซือเฉียนและเฉียวฉีช่วยเขาค้นหา รวมไปถึงข่าวลือลึกลับที่เล่าลือในโลกภายนอกนั้น แท้จริงแล้วเป็นตัวเขาเองที่แพร่ข่าวออกไป”

เมื่อลู่จิ่งเซินได้ยินคำเหล่านี้ เขาก็เริ่มสนใจขึ้นมา

“ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ไหนลองเล่าให้ฉันฟังหน่อย”

จิ่งหนิงยิ้มและพูดว่า “มันง่ายมาก เขาไม่ได้พูดเองเหรอ? ว่าแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์มีทั้งหมดสิบสองชิ้น และเมื่อรวบรวมทั้งสิบสองชิ้นเข้าด้วยกัน ถึงจะเกิดพลังงานมหาศาล และปาฏิหาริย์ก็จะปรากฏ เพราะงั้นเขาจึงขอให้กู้ซือเฉียนช่วยเขาหาที่เหลืออีกหกชิ้น กล่าวคือ เขามีของอยู่ในมือเพียงห้าชิ้น แม้ว่าจะรวมกับหนึ่งชิ้นของกู้ซือเฉียนแล้วก็ยังได้เพียงแค่หกชิ้นเท่านั้น

หลายปีที่ผ่านมา เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่พบของอีกหกชิ้นที่เหลือเลย แต่เป็นเพราะเขาล้มเหลว เขาหามันไม่พบ และหมดความอดทนไปในที่สุด

เขารีบเร่งหาหกชิ้นที่เหลือ จึงกระจายข่าวเรื่องนี้ออกมา เพื่อให้ทุกคนรู้ ว่าโลกนี้มีเครื่องรางชิ้นนี้อยู่ และมันสามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนชีพ และเป็นอมตะได้ ด้วยวิธีนี้ ก็จะมีผู้คนจำนวนมากจับจ้องเครื่องรางชิ้นนี้ และหลายๆ คนก็จะช่วยเขาตามหา

พอถึงเวลานั้น จะมีข่าวคราวเกี่ยวกับเครื่องรางนี้มากขึ้น เขาก็จะคัดกรองอย่างเข้มงวด และค้นหาจากข่าวที่เชื่อถือได้ ยังไงของสิ่งนั้นก็อยู่ในโลกนี้อยู่แล้ว ตราบใดที่มีข่าวแพร่งพรายออกมา ไม่ช้าก็เร็วก็จะมีคนเผยความลับออกมาเอง ถึงตอนนั้นการที่จะหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์พบนั้นยังใช้เวลานานอยู่ไหม? ”

หลังจากฟังจบ ลู่จิ่งเซินก็ยิ้มอย่างเห็นด้วย

“วิเคราะห์ได้ดีมาก ตามที่คุณพูด บางทีของไม่กี่ชิ้นในมือเขานั้น อาจจะเป็นทั้งหมดที่เขาหาได้แล้วก็ได้ ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีนี้เพื่อหาต่อไป และทำไมเขาถึงยังต้องมาหากู้ซือเฉียนอยู่อีก?”

จิ่งหนิงส่ายหน้า

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันแน่ใจว่า การที่เขาให้เวลากู้ซือเฉียนแค่สี่เดือน หมายความว่าเขารอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว วันใดวันหนึ่งหลังจากสี่เดือนนั้น เขาจะต้องรวบรวมแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ทั้งสิบสองชิ้นนี้เข้าด้วยกัน และทำสิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญมากสำหรับเขา และด้วยความแข็งแกร่งและวิธีการที่เขาใช้อยู่ในปัจจุบัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะค้นพบทั้งหมดภายในระยะเวลาเพียงสี่เดือน ดังนั้นเขาจึงมาหากู้ซือเฉียน”

หลังจากที่ลู่จิ่งเซินฟังจบ เขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ฉันคิดว่าที่คุณพูดมีเหตุผลมาก”

จิ่งหนิงยิ้มและพูดว่า “ใช่ไหมล่ะ?”

“อืม หนิงหนิง ของเรานี่ฉลาดจริงๆ”

ความสนิทสนมอย่างกะทันหันของชายผู้นี้ ทำให้จิ่งหนิงตกตะลึง

ทันทีหลังจากนั้น ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ

เธอจ้องเขาอย่างโกรธเคือง “คุยเรื่องจริงจังกันอยู่ อย่าพูดเรื่องไร้สาระสิ”

ลู่จิ่งเซินยิ้ม “ทำไม? ฉันไม่ได้พูดเรื่องจริงจังอยู่เหรอ? ไม่ใช่แค่เรื่องจริงจังเท่านั้นนะ แต่ยังเป็นข้อเท็จจริงด้วย”

ขณะที่พูด มือข้างหนึ่งดึงไหล่เธอเข้ามา แล้วโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา

จิ่งหนิงพิงไหล่เขา และมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเหนือศีรษะ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา

“ฉันคิดว่าเฉียวฉีเป็นเด็กดีมาก ฉันไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอเลย ฉันหวังว่าคราวนี้ที่พวกเขาจะมาที่นี่ พวกเขาจะได้บางอย่างกลับไปจริงๆ”

ลู่จิ่งเซินไม่ได้มองโลกในแง่ดีมากนัก

“เคยคิดบ้างไหมว่า ต่อให้พวกเขาจะผ่านภารกิจนี้ไปได้ และได้รับยาชั่วคราว แต่มันก็ถูกระงับเพียงชั่วคราว อีกฝ่ายไม่สามารถให้ยาที่เธอจะกินตลอดชีวิตแก่เธอได้ และเธอก็กินยาไปตลอดชีวิตไม่ได้ หากวันไหนที่อีกฝ่ายไม่ให้ยาแก่เธอแล้ว เมื่อขาดยา เธอก็ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ อารมณ์ของ จิ่งเซิน ก็หนักขึ้นในทันใด

เธอเงยหน้าขึ้นมองที่คางของเขาแล้วถามว่า “ถ้างั้นควรทำยังไงดี? อีกฝ่ายก็บอกแล้วว่า โรคนี้ไม่มีทางรักษาได้ในขณะนี้”

ลู่จิ่งเซินหลับตาลงและหัวเราะ

“ไม่มีทางรักษาก็จริง แต่ก็มียาที่สามารถระงับอาการของโรคได้ไม่ใช่เหรอ? คุณดูคนอื่นๆ ในตระกูลหนานสิ เป็นโรคนี้มาตลอดชีวิต แต่ตราบใดที่กินยาให้ตรงเวลา ก็ไม่เป็นอะไรนี่จริงไหม? หนานกงยวู่ก็ใช้ชีวิตอยู่มาถึงหกสิบปี และในอนาคตก็จะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกนาน ก็ไม่เห็นว่านี่จะกระทบกับเขาตรงไหนเลย”

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว “คุณหมายถึง…”

ลู่จิ่งเซินถอนหายใจเบา ๆ “หาปลามาให้กินหรือจะสู้สอนวิธีจับปลาให้”

เพียงประโยคนี้ประโยคเดียว จิ่งหนิงก็ตระหนักได้

เธอตอบสนองทันที และยืดตัวขึ้นนั่ง “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว ความจริงแล้วนี่เป็นวิธีการที่เหมาะสมในการเอาใบสั่งยามานี่เอง”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า

“งั้นฉันจะโทรไปบอกเขาเดี๋ยวนี้เลย”

ขณะที่เธอพูด เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาเพื่อโทรออก เมื่อลู่จิ่งเซินที่อยู่ข้างๆ เห็นอย่างนั้นก็ทำตัวไม่ถูก

ทันใดนั้นก็ดึงโทรศัพท์ออกจากมือของเธอ จิ่งหนิงหันไปมองเขา “คุณทำอะไรน่ะ?”

ลู่จิ่งเซินถอนหายใจ “อย่าโง่ไปเลย โทรไปตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร? พวกเขายังไม่พบอะไรเลย รอให้พวกเขาหาพบก่อนแล้วค่อยเอาของนั้นไปเจรจาเงื่อนไข มันจะไม่ง่ายกว่าเหรอ?”

ดวงตาของจิ่งหนิงสว่างขึ้นทันที

“จริงด้วย เอาอย่างนั้นก็ได้ ถึงตอนนั้นค่อยเล่าให้พวกเขาฟังแล้วกัน”

ทั้งสองพูดคุยกันสักพัก ก็เห็นว่าเวลาล่วงเลยไปจนดึกแล้ว จึงพากันกลับไปพักผ่อนที่ห้อง

ตอนเที่ยงของวันถัดไป เที่ยวบินที่กู้ซือเฉียนและเฉียวฉีนั่งมา ก็ลงจอดที่สนามบินของเมืองหลวงแล้ว

จิ่งหนิงและลู่จิ่งเซินไม่ได้ไปต้อนรับพวกเขาที่สนามบิน แต่ส่งซูมู่และโม่หนานไปแทน

คนสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นคนสนิทของลู่จิ่งเซิน และอีกคนเป็นคนสนิทของจิ่งหนิงซึ่ง โดยพื้นฐานแล้วก็เปรียบเสมือนว่าทั้งสองคนมารับด้วยตนเอง

ในรถที่มุ่งหน้าไปยังวิลล่าเฟิงเฉียว ซูมู่กังวลว่าพวกเขาจะไม่คุ้นเคยกับการมาจีน ดังนั้นเขาจึงแนะนำพวกเขาให้รู้จักกับทัศนียภาพไปตลอดทาง

โม่หนานรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี เมื่อจิ่งหนิงและลู่จิ่งเซินไปที่เมืองหลินครั้งล่าสุด เธอเองก็ไปด้วยเช่นกัน

ในรถเธอก็ได้พูดแทรกไปเป็นบางครั้ง ทำให้บรรยากาศก็กลมกลืนกันตลอดทาง

ไม่นาน รถก็จอดที่ด้านนอกของวิลล่าเฟิงเฉียว

ทั้งสี่คนลงจากรถ จากที่ไกลๆ นั้น จิ่งหนิงที่อยู่ในบ้านได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถ จึงรีบออกมาจากบ้าน และเธอก็เห็นคนสามสี่คนนั้น

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท