วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 952 จุดมุ่งหมายอื่น

บทที่ 952 จุดมุ่งหมายอื่น

เสี่ยวฮัวไม่กล้ารอช้าอีกต่อไป ยืนขึ้นแล้ววิ่งลงจากภูเขา

หลี่เก๋อเห็นเธอวิ่งไปแล้ว ก็รีบไล่ตามไป

แต่อย่างไรแล้วดวงตาเขายังได้รับบาดเจ็บอยู่ และเจ็บตรงส่วนนั้นอีก พอวิ่งขึ้นมา แน่นอนว่าก็ไม่ได้วิ่งเร็วแบบตอนปกติ

รวมถึงถนนบนภูเขามันสูงชัน เสี่ยวฮัวเติบโตที่นี่มาตั้งแต่เด็ก คุ้นเคยกับถนนแถวนี้จนสามารถหลับตาเดินได้เลย

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงรีบวิ่งออกไป หลี่เก๋อจะตามทันได้อย่างไร?

หลังจากตระหนักถึงปัญหานี้ หลี่เก๋อก็หยุดฝีเท้า จ้องแผ่นหลังเสี่ยวฮัวด้วยความโกรธ ทันใดนั้นก็ควักปืนออกมา

“ปัง!”

ปลายเท้าเสี่ยวฮัวเตะดินหินกระเด็นทันที

เธอตกใจกลัวจนหยุดกะทันหัน เมื่อหยุดลง ก็หันศีรษะไปมองหลี่เก๋อด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

แค่เห็นหลี่เก๋อในขณะนี้ ท่าทางแตกต่างกับเมื่อก่อนราวกับเป็นคนละคน ทั้งร่างปล่อยกลิ่นอายความมืดมนเย็นชาออกมา

เขายกปืนขึ้น เล็งมาที่เสี่ยวฮัว แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “วิ่งไปสิ วิ่งอีกทีฉันจะฆ่าแกนัดเดียว!”

เสี่ยวฮัวสีหน้าซีดเซียว ไม่กล้าขยับอีก

หลี่เก๋อก้าวเท้ายาวเดินไป คว้าเธอไว้ทันที

ในเวลาเดียวกัน ภายในคฤหาสน์

ผู้คนไม่กี่คนกำลังปรึกษาหารือกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงปืนดัง “ปัง” ดังขึ้นกะทันหันด้านนอก

พวกเขาล้วนเป็นคนมีประสบการณ์โชกโชน แน่นอนว่าคุ้นเคยกับเสียงนี้ ผู้คนไม่กี่คนสีหน้าเปลี่ยนไป วินาทีต่อมา พวกเขาก็วิ่งออกไป

ตามด้านหลังพวกเขามาติดๆ คือท่านปู่ชิว ก็วิ่งออกมาเช่นกัน มองท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดสนิท พูดด้วยเสียงโกรธ “ไอ้หมอนั่นมาแล้ว!”

จิ่งหนิงตกใจ ถามขึ้น “คุณรู้ได้ยังไงคะ?”

“ไม่ผิดหรอก ต้องเป็นมันแน่ๆ”

ขณะที่เขาพูด ก็เริ่มวิ่งไปทิศทางของเสียงปืน

ผู้คนไม่กี่คนไม่กล้ารอช้า รีบตามไป ตลอดทางเดินไปที่สุสาน พบว่ารอบๆ ไม่มีใครสักคน แต่หลุมฝังศพของท่านย่าชิวถูกขุดออกมา

สีหน้าท่านปู่เปลี่ยนไปทันที กลายเป็นไม่พอใจอย่างยิ่ง

คนตายไปแล้วยังจะมาขุดหลุมฝังศพอีก นี่มันไร้มโนธรรมแท้ๆ เลย

จิ่งหนิงและคนไม่กี่คนก็มองต่อไปไม่ไหวแล้ว ลู่จิ่งเซินย่อตัวลงไปสังเกตพื้น จากนั้นก็ชี้ไปที่ทางหนึ่ง แล้วพูดเสียงเข้ม “วิ่งไปทางนั้น”

กู้ซือเฉียนรีบพูดขึ้น “ฉันจะตามไป!”

“เราไปด้วยกัน”

เฉียวฉีก็รีบตามไป

อย่างไรก็ตาม ก็ถูกกู้ซือเฉียนหยุดเอาไว้

เขามองจิ่งหนิง แล้วพูดขึ้น “คุณอยู่กับจิ่งหนิงที่นี่ ดูแลท่านปู่ให้ดี ลู่จิ่งเซิน เราไปด้วยกัน”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า จิ่งหนิงก็ไม่ได้พูดอะไร ดึงเฉียวฉีมาแล้วพูดโน้มน้าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “หลี่เก๋อคนเดียวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา เรารออย่างวางใจเถอะ”

เฉียวฉีถึงได้พยักหน้า

หลังจากมองตามหลังลู่จิ่งเซินและกู้ซือเฉียนไปไกลแล้ว จิ่งหนิงและเฉียวฉีก็ช่วยท่านปู่ชิวอีกครั้ง ทำให้หลุมฝังศพนายหญิงเป็นเหมือนเดิม ถึงได้กลับไปที่คฤหาสน์

ในเวลานี้ เป็นเวลาตีสี่แล้ว

ผู้คนไม่กี่คนไม่ได้นอนทั้งคืน อาการง่วงสักนิดก็ไม่มี

ท่านปู่ชิวยังคงนั่งอยู่เบาะหลัก สูบยาเส้นอย่างเงียบๆ

จิ่งหนิงลังเลสักพัก ก่อนถามขึ้น “คุณว่าถ้าหลี่เก๋อเป็นคนขุดหลุมฝังศพจริงๆ จริงๆ แล้วเขาจะรู้ไหมว่าแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ถูกฝังไว้ที่นั่น?”

ท่านปู่ชิวตอบ “เป็นไปได้”

เขาชะงักไป แล้วถอนหายใจ

“เรื่องนี้เสี่ยวฮัวไม่รู้ แต่บางทีในคืนนั้น เธอออกมาเห็นฉันฝังอะไรบางอย่างที่นั่งโดยบังเอิญ แต่ไม่รู้ตำแหน่งละเอียด ก็เลยให้หลี่เก๋อซี้ซั้วขุด”

จิ่งหนิงพยักหน้า คำอธิบายนี้มีเหตุผล

เธอเห็นระหว่างคิ้วท่านปู่มีความหดหู่ อดไม่ได้ที่จะพูดปลอบ “ท่านปู่ คุณก็ไม่ต้องกังวลเกินไปนะคะ ตอนนี้เสี่ยวฮัวสามารถพาหลี่เก๋อไปได้ แสดงว่าเธอน่าจะไม่เป็นอะไร เมื่อครู่นี้เสียงปืนของหลี่เก๋อ เป็นไปได้อย่างสูงว่าเสี่ยวฮัวต้องการหลบหนี มีความสามารถในการหลบหนีได้ อย่างน้อยก็บาดเจ็บไม่มาก ตอนนี้กู้ซือเฉียนและลู่จิ่งเซินตามไปแล้ว เชื่อว่าจะพาเธอกลับมาอย่างรวดเร็ว คุณไม่ต้องกังวลนะคะ”

ท่านปู่ชิวพยักหน้าอีกครั้ง

จากนั้นก็ไม่รู้นึกถึงอะไรบางอย่าง หัวเราะเยาะตัวเองขึ้นมา

“ฉันรู้สึกผิดต่อครอบครัวหลี่เก๋อมาตลอด ตอนนั้นถ้าฉันไม่ได้พลั้งมือฆ่าพ่อแม่ของหลี่จง ก็คงไม่ทำให้ครอบครัวพวกเขากลายเป็นแบบตอนนี้ แต่ถ้าเขาเกลียดฉันจริงๆ ก็เข้ามาหาฉันสิ ถึงแม้เขาต้องการเอาชีวิตฉัน ฉันก็จะไม่ขัดขืน แต่เสี่ยวฮัวเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาจะจับจ้องไปที่เสี่ยวฮัวทำไม?”

จิ่งหนิงเงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้น “จริงๆ แล้วมีประโยคหนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าควรพูดหรือเปล่า”

ท่านปู่โบกมือ “เธอว่ามา”

จิ่งหนิงพูดเสียงเข้ม “จริงๆ แล้วเรื่องราวมันคืบหน้ามาถึงจุดนี้ ฉันไม่คิดว่าที่หลี่เก๋อมาในครั้งนี้มันเกี่ยวกับการแก้แค้นมากขนาดนั้น ไม่งั้นเขาสามารถฆ่าเสี่ยวฮัวได้เลยทันที จะเอาเธอมาขู่คุณ ให้คูณมอบแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ให้ทำไม?”

ท่านปู่ชิวขมวดคิ้ว “หมายความว่าไง?”

จิ่งหนิงยิ้มเรียบๆ “ฉันแค่รู้สึกว่า เขาน่าจะแกล้งทำเป็นแก้แค้น ให้คุณรู้สึกผิดกับเขา ทำให้ฆ่าเขาไม่ลง จากนั้นก็ฉวยโอกาสอีกครั้งได้ของที่ตัวเองต้องการ สำหรับสุดท้ายจะแก้แค้นได้หรือไม่ จริงๆ แล้วเขาไม่สนใจเลย ที่เขาสงสัยว่าการตายของหลี่จงมันเกี่ยวข้องกับพวกคุณ ก็แค่เป็นข้ออ้างเท่านั้น”

เมื่อพูดคำนี้ออกมา ท่านปู่ก็ตกใจอย่างรุนแรง

รู้สึกเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว

เขาขมวดคิ้วแน่น เงียบไปสักพักหนึ่ง แล้วพูดขึ้น “เธอก็พูดมีเหตุผล ก่อนหน้านี้ฉันถูกเส้นผมบังภูเขา ดูเหมือนไอ้หมอนั่นน่าจะได้รับการกระตุ้นจากใครบางคน เรื่องนี้ถึงแม้เสี่ยวฮัวจะกลับมาแล้ว ก็ต้องสืบให้รู้เรื่อง”

ขณะที่เขาพูด ในเสียงก็มีความโกรธเกรี้ยว

อย่างไรแล้ว การหาทางแก้แค้นก็เรื่องหนึ่ง ถูกใครกระตุ้นแฝงจุดประสงค์อื่นให้มาลักพาตัวเสี่ยวฮัวไปมันก็อีกเรื่องหนึ่ง

จิ่งหนิงเห็นว่าเป็นแบบนี้ ก็เงียบไปสักพัก และไม่มีอะไรจะพูดอีก

เธอมองเวลา เห็นว่าเดี๋ยวฟ้าจะสว่างแล้ว กู้ซือเฉียนและลู่จิ่งเซินยังไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร จึงพูดขึ้น “ท่านปู่ ไม่งั้นคุณไปพักผ่อนก่อนดีกว่า พวกเขากลับมาแล้วฉันจะไปเรียกคุณอีกครั้ง”

อย่างไรก็ตาม ท่านปู่มีความง่วงที่ไหนกัน?

ตอนนี้เขาทั้งโกรธทั้งโมโห แค่รอพวกเขาจับมันกลับมา แล้วถามให้เต็มที่

ด้วยเหตุนี้จึงโบกมือปฏิเสธ “ฉันไม่นอน ถ้าพวกเธอเหนื่อย พวกเธอก็ไปนอน ชั้นหนึ่งมีห้องสำหรับแขกหลายห้อง พวกเธอเป็นผู้หญิง ฉันจะไม่ช่วยพวกเธอเก็บของ พวกเธอไปเก็บของเองแล้วไปนอนเถอะ”

จิ่งหนิงยิ้มพูดขึ้น “แน่นอนว่าเราไม่เหนื่อยค่ะ แค่เป็นห่วงสุขภาพคุณ”

ท่านปู่มองเธอ แล้วหัวเราะฮ่าๆ “เป็นห่วงฉัน? ไม่ต้องเป็นห่วง! ปู่อย่างฉันตอนที่ยากลำบาก พวกเธอยังไม่เกิดเลย นี่ก็แค่นอนดึก ฉันทนไหว”

ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ จิ่งหนิงก็ไม่โน้มน้าวอีกต่อไป

พยักหน้า ทั้งสามคนก็นั่งรอในห้องรับแขกต่อไป

รอจนกระทั่งฟ้าสว่าง จะหกโมงแล้ว กู้ซือเฉียนและลู่จิ่งเซินถึงจะกลับมาอย่างเหน็ดเหนื่อย

ด้านหลังพวกเขามีคนสองคนตามมา คนหนึ่งถูกมัดเชือกอยู่ โดยถูกจูงอยู่ในมือกู้ซือเฉียน และอีกคนหนึ่งก็คือเสี่ยวฮัวที่ทำหน้าตกใจกลัว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท