วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 961 ผู้มีพระคุณ

บทที่ 961 ผู้มีพระคุณ

ลู่หลันจือฮึดฮัดด้วยท่าทางมั่นใจ “ก็ได้แล้วล่ะ”

บังเอิญในเวลานี้ เห้อหยวนมาหาพอดี เธอก็ปล่อยให้เห้อหยวนควงแขนเธอ แล้วเดินบิดตัวจากไป

เชวซู่ประคองโม่ไฉ่เวย แล้วไปที่ห้องรับรองด้านหลัง

เมื่อนั่งลง เชวซู่ก็ถามอย่างเป็นห่วงทันที “คุณเป็นยังไงบ้าง? ร่างกายไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ไม่มีตรงไหนรู้สึกไม่ดีนะ?”

โม่ไฉ่เวยส่ายหน้า เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขาเล็กน้อย “เชวซู่ วันนี้ขอโทษจริงๆ นะคะ ฉันก่อเรื่องให้คุณอีกแล้ว”

เชวซู่ขมวดคิ้ว สีหน้าไม่ค่อยพอใจ

“ฉันบอกคุณกี่รอบแล้ว? เราเป็นสามีภรรยากัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างสามีภรรยามันเป็นสิ่งที่ควรทำ อะไรคือคุณก่อเรื่องให้ฉัน?”

เขาชะงักไป ถอนหายใจอีกครั้งแล้วพูดขึ้น “อีกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นค้านหัวชนฝาชัดๆ คุณยังยอมเธออีก”

โม่ไฉ่เวยยิ้มเรียบๆ “ฉันเห็นชุดที่เธอสวมใส่ และมีความงามสง่า มันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดามีได้ เรามาในประเทศครั้งแรก พยายามไม่ก่อเรื่องได้ก็จะดี และวันนี้คือสถานที่จัดงานของพี่หยูด้วย เขาทำธุรกิจ ผู้ที่มาก็คือแขกทั้งหมด ทางที่ดีที่สุดเราห้ามก่อปัญหาทำให้แขกไม่พอใจ จะได้ไม่ทำลายโชคลาภของพี่หยู”

เชวซู่รู้ความคิดเธออย่างแน่นอน แค่เห็นท่าทางเธอกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อรักษาหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะสงสาร

เขาไม่พูดหัวข้อนี้ต่ออย่างชาญฉลาด ลูบมือโม่ไฉ่เวย “คุณนั่งก่อนสักพัก ฉันจะไปเทน้ำให้คุณ”

โม่ไฉ่เวยพยักหน้า มองตามหลังเขาออกไป

ไม่นานนัก เชวซู่ก็กลับมา ในขณะที่ในมือถือน้ำแก้วหนึ่งอยู่ ก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งตามหลังมาด้วย

ถึงแม้ผู้ชายจะผิวเหลือง แต่เบ้าตาลึก จมูกโด่งมาก หน้าตาค่อนข้างคล้ายคนตะวันตก แค่มองก็รู้แล้วว่าลูกครึ่ง

เขาเดินเข้ามาด้วยใบหน้ารอยยิ้มเต็มเปี่ยม พอเข้าประตูมายิ้มสดใสพูดขึ้น “ในเมื่อวันนี้พวกคุณมาแล้ว ก็ต้องเดินรอบๆ สถานที่ของฉันให้เต็มที่ พวกคุณไม่รู้สินะ ที่นี่ของฉันน่ะเมื่อไม่กี่ปีก่อนส่งคนกลับประเทศมาซ่อมแซมโดยเฉพาะเลย ด้านหน้าเป็นสถานที่จัดงานพนันหิน ด้านหลังคือคฤหาสน์ที่ฉันสร้างขึ้นเอง ช่วงเวลานี้พวกคุณอยู่ในคฤหาสน์ด้านหลัง สภาพแวดล้อมนั้น ฉันเหล่าหยูตบหน้าอกรับประกันกับพวกคุณได้เลยว่าพวกคุณต้องชอบแน่ๆ”

โม่ไฉ่เวยยืนขึ้น ยิ้มเล็กน้อย “พี่หยูบอกว่าดี มันก็ต้องดีแน่นอน นี่เรากลับมาครั้งนี้ ก็ต้องมารบกวนคุณอีก”

ชายแซ่หยูโบกมือยกใหญ่ ทำท่าทางไม่ใส่ใจสักนิด “เฮ้อ พูดอะไรน่ะ รบกวนไม่รบกวนอะไร แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่คุณหมอเชว ฉันตายที่ทะเลทรายไปนานแล้ว จะว่าไปแล้ว ฉันต่างหากที่ติดหนี้ชีวิตพวกคุณสามีภรรยา”

เชวซู่พูดขึ้นด้วยใบหน้าอ่อนโยน “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเองครับ”

“สำหรับคุณมันเรื่องเล็กน้อย สำหรับฉันคือผู้มีพระคุณนะ”

สามคนพูดไปหัวเราะไป แล้วนั่งลง

ห้าปีก่อน โม่ไฉ่เวยและเชวซู่ออกไปท่องเที่ยว บังเอิญไปช่วยชีวิตเจ้านายหยูในตอนนั้นที่ถูกงูพิษกัดกำลังจะตายที่ทะเลทราย พากลับมารักษาที่ปราสาท จนถึงตอนนี้มิตรภาพก็ก่อตัวขึ้น

เพราะคุณแม่ของเจ้านายหยูเป็นคนจีน ครั้งนี้โม่ไฉ่เวยและเชวซู่อยากกลับมาเที่ยวที่ประเทศจีน เพราะในประเทศไม่มีคนรู้จัก จึงติดต่อเขา โชคดีที่มีคนรู้จักแนะนำแนวทางได้

เจ้านายหยูนั่งสักพักหนึ่ง จู่ๆ ก็เปล่งเสียง “เฮ้อ” แล้วถามขึ้น “จริงสิ เมื่อกี้ด้านนอก ได้ยินมีคนโวยวายส่งเสียงดัง ฉันไปถามมาถึงรู้ว่าเป็นพวกคุณ มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

โม่ไฉ่เวยสีหน้าเปลี่ยนไป เชวซู่ก็ขมวดคิ้ว

โม่ไฉ่เวยยิ้มพูดขึ้น “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรค่ะ เมื่อกี้ฉันหลงทางกับอะซู่ รีบร้อนตามหาเขา เลยบังเอิญไปชนคุณผู้หญิงท่านหนึ่ง หวังว่าจะไม่กระทบต่อธุรกิจของคุณก็พอแล้วค่ะ”

เจ้านายหยูโบกมือปฏิเสธ “ไม่เกิดขึ้นหรอกครับ แต่คุณผู้หญิงท่านนั้นที่คุณพูดน่ะ ฉันรู้จัก”

โม่ไฉ่เวยตกตะลึง “คุณรู้จักเหรอคะ?”

“ครับ” พูดถึงเรื่องนี้ เจ้านายหยูก็เหมือนสนใจขึ้นมา พูดขึ้นอย่างลึกลับมาก “เธอน่ะ คือคนในตระกูลลู่ที่อยู่เมืองหลวง พวกคุณรู้จักตระกูลลู่ใช่ไหม?”

โม่ไฉ่เวยพยักหน้า “เคยได้ยินค่ะ เหมือนจะเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่?”

“ใช่ครับ ตระกูลลู่มีอำนาจแค่ไหนฉันไม่ต้องอธิบายเยอะ เท่าที่ฉันรู้ คุณผู้หญิงท่านนั้นเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลลู่ ชื่อลู่หลันจือ เป็นลูกสาวของท่านปู่ลู่ผู้บุกเบิกแผ่นดิน อยู่ในเมืองหลวงมักจะหยิ่งผยองเสมอ”

โม่ไฉ่เวยได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป กลายเป็นซีดเซียวอย่างคลุมเครือ

เธอลูบหน้าอกด้วยความกลัว “งั้นก็โชคดีที่ฉันไม่ได้ยั่วโมโหเธอ ไม่งั้นไม่แย่เอาเหรอ?”

เชวซู่พูดแทรกอย่างเย็นชา “ยั่วโมโหแล้วยังไง? หรือว่าเธอจะกล้ามาแก้แค้นแบบเอิกเกริกจริงๆ?”

เจ้านายหยูส่ายหน้า “ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ถึงเธอจะเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลลู่ แต่ตอนนี้ผู้นำตระกูลลู่ไม่ใช่ท่านปู่ลู่ และไม่ใช่เธอ แต่เป็นลู่จิ่งเซินหลานชายเธอ ลู่จิ่งเซินคนคนนั้นถึงแม้ฉันจะไม่เคยเจอมาก่อน แต่ได้ยินว่าเป็นคนมีเหตุผลและบุคลิกดีมาก ไม่เอาจริงเอาจังกับคนอื่นเพราะเรื่องแบบนี้หรอก”

โม่ไฉ่เวยถึงได้พยักหน้าอย่างวางใจ

สามคนกำลังคุยกัน จู่ๆ พนักงานคนหนึ่งก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“เจ้านาย มีคุณผู้หญิงแซ่ลู่บอกว่าอยากพบคุณ”

เจ้านายหยูตกตะลึง ประหลาดใจนิดหน่อย “คุณผู้หญิงแซ่ลู่? ใคร?”

พนักงานมองโม่ไฉ่เวย

เขาคือผู้ช่วยส่วนตัวของเจ้านายหยู แน่นอนว่ารู้จักโม่ไฉ่เวย จึงรีบพูดขึ้น “คือท่านที่ปะทะกับคุณโม่ในห้องโถงใหญ่ก่อนหน้านี้”

ในตอนนี้ โม่ไฉ่เวยและเชวซู่ก็สีหน้าเปลี่ยนไป

เชวซู่ยืนขึ้นมาทันที สีหน้าเย็นชา “เธออยากมาหาเรื่องใช่ไหม? ไฉ่เวย คุณนั่งอยู่ที่นี่ห้ามขยับ ฉันจะออกไปสั่งสอนเธอ!”

“อะซู่”

โม่ไฉ่เวยดึงเขาไว้ กลัวเขาจะทำอะไรบางอย่างด้วยความหุนหันพลันแล่น

เจ้านายหยูยกมือขึ้น แล้วพูดเสียงเข้ม “พวกคุณอย่าเพิ่งใจร้อน ฉันออกไปดูก่อน ไม่แน่อาจจะไม่ได้มาหาพวกคุณก็ได้นะ? อีกอย่าง ที่นี่คือสถานที่ของฉัน ถึงจะมีเรื่องอะไรก็ยังมีฉันอยู่นะ ไม่ต้องให้พวกคุณลงมือหรอก”

ขณะที่เขาพูด ก็รีบก้าวเท้าออกไปข้างนอก

โม่ไฉ่เวยดึงเชวซู่ให้นั่งลง ในใจกังวลไม่สบายใจ ในเวลานี้ได้ยินเสียงผู้หญิงมีเสน่ห์ดังมาจากด้านนอก

“ที่แท้คุณก็คือเจ้าของที่นี่ ฉันยังพูดอยู่เลย หาตั้งนานก็หาคุณไม่เจอ ฉันมีเรื่องสำคัญมากอยากปรึกษาคุณ”

เจ้านายหยูยิ้มพูดขึ้น “ยินดีต้อนรับคุณลู่ครับ ยินดีต้อนรับครับและขออภัยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับ ไม่ทราบว่าคุณมีเรื่องอะไรอยากปรึกษาฉัน?”

“คุยที่นี่ไม่สะดวก เราเข้าไปคุยกันเถอะค่ะ”

พูดจบ ก็ไม่สนการขัดขวางของเจ้านายหยู ยกเท้าเดินเข้าไปในห้องรับรองแล้ว

เมื่อเข้าประตูไป ก็เห็นชาหยญิงนั่งอยู่บนโซฟา

เจ้านายหยูรีบเดินตามหลังเข้าไป เห็นสถานการณ์ก็รีบอธิบาย “คุณลู่ แนะนำให้คุณรู้จักสักหน่อย สองท่านนี้คือเพื่อนของฉัน โม่ไฉ่เวย คุณโม่ เชวซู่คุณหมอเชว”

โม่ไฉ่เวยยิ้มกระอักกระอ่วนและสุภาพให้กับเธอ แต่เชวซู่ทำหน้าเย็นชาอยู่ตลอดเวลา ทำท่าทางเหมือนเธอเป็นศัตรู อยากจะลงมือทุกเมื่อ

ลู่หลันจือเลิกคิ้ว ประหลาดใจเล็กน้อย

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท