วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 960 เจอกันที่บ่อนกาสิโน

บทที่ 960 เจอกันที่บ่อนกาสิโน

ถึงแม้ลู่หลันจือจะไม่น่าเชื่อถืออยู่ตลอด แต่ก็มีชื่อเสียงเรื่องความใจกว้างกับคนรอบข้าง

รวมถึงสถานะอันโดดเด่นของเธอ พ่อแม่ก็เป็นผู้บุกเบิกแผ่นดิน หลานชายก็เป็นผู้บริหารบริษัทลู่ซื่อกรุ๊ปแห่งแรกในประเทศจีน

ด้วยเหตุนี้หลายปีที่ผ่านมานี้ ถึงเธอจะหย่าร้างไปแล้ว แต่ชีวิตส่วนตัวก็ยังมั่งคั่งอยู่ตลอด เหล่าหนุ่มน้อยตามมาติดๆ ไม่รู้ตั้งเท่าไร

ลู่หลันจือมีความสุขอย่างสง่าผ่าเผย เนื่องจากในปีนั้นนายหญิงพูดออกมาแล้วว่าไม่อนุญาตให้เธอเข้ามามีส่วนร่วมในบริษัท ในใจเธอก็รู้ดี นายหญิงไม่ตั้งใจจะแบ่งบริษัทให้เธอส่วนหนึ่ง ดังนั้นเลยล้มเลิกความคิดที่จะมีลูก

อย่างไรแล้วถ้าลูกคนนี้เกิดมา ก็มีศักดิ์เทียบเท่าลู่จิ่งเซิน แต่ระหว่างพี่น้องต่างกันราวฟ้าและดิน เรื่องนี้อย่างไรแล้วเธอก็ไม่สามารถยอมรับได้

ดังนั้นถ้าเกิดมาแล้วโดนปฏิบัติอย่างเย็นชา สู้ไม่เกิดดีกว่า

ลู่หลันจือคิดในแง่ดีมาก เธอรู้ถึงแม้ตอนนี้ลู่จิ่งเซินจะดูถูกข่มเหงตน แต่ในใจเขาก็ยังเห็นตัวเองเป็นน้าอยู่

ถ้าแก่เฒ่าแล้วจริงๆ ตัวเองไม่มีความสามารถแล้ว ลู่จิ่งเซินก็ไม่ทอดทิ้งเธอไม่สนใจหรอก

ดังนั้น เธอไม่มีอะไรต้องกังวลเลย วันนี้มีเหล้าก็เมาก่อน มันเป็นเรื่องที่ดี

สภาพจิตใจเช่นนี้ยิ่งทำให้เธอใจกว้างไม่ตระหนี่ขึ้นเรื่อยๆ และเหล่าหนุ่มน้อยที่ถูกสถานะและความสวยของเธอดึงดูด ก็ยิ่งแย่งชิงเธอมากขึ้นเรื่อยๆ

ลู่หลันจือพาเห้อหยวนไปเดินเล่นสักรอบ และได้ยินข้อมูลที่ตัวเองสนใจไม่น้อยเลยอย่างที่คิดไว้

เธอถึงได้รู้ ที่แท้สมาคมพนันหินในครั้งนี้ ก็คือพ่อค้าอัญมณีผู้ยิ่งใหญ่ต่างชาติเป็นผู้จัดขึ้น เหมืองแร่พวกเขาไม่ได้อยู่ในประเทศ แต่อยู่ประเทศT

เธอต้องการลงทุนเหมืองแร่ ก่อนหน้านี้ก็เคยส่งคนไปสอบถามสถานที่เหมืองแร่ที่มีชื่อเสียงไม่กี่แห่งในเมืองTมาก่อน แต่ไม่ได้ยินเลยว่าช่วงนี้มีขุดหยกชั้นดีอะไรออกมาได้

ไม่รู้คนกลุ่มนี้ ครั้งนี้ขุดมาจากที่ไหน?

ขณะที่กำลังคิดในใจ ก็ได้ยินเสียงอุทานดังมาจากด้านหน้า

เธอพาเห้อหยวนเดินไป แค่เห็นคนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบ พอไปสอบถาม ถึงได้รู้ว่าที่แท้ก็มีคนซื้อหิน ตัดหินตรงนั้น แล้วพบว่ามันคือหยกชั้นดี

เธออยากรู้อยากเห็น ให้เห้อหยวนรออยู่ด้านนอก ตัวเองเบียดเข้าไปดูสักหน่อย

เมื่อเห็นมัน ดวงตาก็เป็นประกายอย่างช่วยไม่ได้

หยกชั้นดีอย่างที่คิดไว้เลย!

แค่เห็นคนคนหนึ่งโอบหินขนาดใหญ่ ตัดจนเป็นมุมยื่นออกมา ความมันเงาเขียวมรกตเหมือนน้ำเปล่งปลั่งออกมา แค่เห็นก็รู้แล้วว่าอย่างน้อยก็เป็นหยกชั้นดีระดับสีเขียวจักรพรรดิ

ผู้คนรอบๆ ตื่นเต้นมาก แต่ละคนเดากันว่าหยกชิ้นดีใหญ่แค่ไหน

ปากหลายๆ คนย่อมสามารถละลายทองได้ พูดออกมาทุกอย่างโดยธรรชาติ ลู่หลันจือมองจากประสบการณ์ตัวเอง หยกชิ้นนั้นไม่มีทางเล็ก อย่างน้อยก็น่าจะใหญ่สี่กำปั้น

หยกชิ้นใหญ่ขนาดนี้ จะมีมูลค่าเท่าไรกันนะ!

ต่อมา เมื่อรู้ว่าคนคนนั้นซื้อหยกชิ้นนี้ ใช้เงินไปมากกว่าสองล้านกว่าหยวน ดวงตาก็แดงอย่างช่วยไม่ได้

เธอรีบถอยออกมาจากฝูงชน กำลังจะหาคนไปสอบถามเจ้าของของที่นี่ จู่ๆ ก็มีร่างมาชน

ลู่หลันจือไม่ได้สังเกต ก็โดนชนจนเซ จึงตะคอกโดยไม่รู้ตัว “ใครอ่ะ? เดินไม่เอาตามาด้วยเหรอ?”

“ขอโทษค่ะ ขอโทษ……”

เสียงผู้หญิงอ่อนโยนดังขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นมามอง ก็ตกตะลึงทันที

แค่เห็นผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งยืนตรงหน้า อายุไม่ต่างจากเธอมาก บุคลิกอ่อนโยน และใบหน้าสวยงาม

ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดเดรสสีอ่อน ผมยาวม้วนขึ้นไป เผยคอระหงยาวสวย ทั้งๆ ที่เข้าสู่วัยกลางคนแล้ว แต่ทั้งร่างกลับมีความรู้สึกสวยมีเสน่ห์ของหญิงสาวอย่างบอกไม่ถูก

สีหน้าเธอมืดลงทันที

ผู้หญิงสวย มักจะไม่ชอบผู้หญิงสวยอีกคนโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายสวยกว่าตน

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเกลียดเพศเดียวกัน

เธอทำหน้าเย็นชา “ไม่เห็นเหรอว่าตรงนี้มีคน? ชนโดยประมาท บาดเจ็บแล้วเธอจะรับผิดชอบไหม?”

ผู้หญิงคนนั้นยิ้มประจบสอพลออย่างรู้สึกผิด “ขอโทษจริงๆ ค่ะ เมื่อกี้ฉันรีบตามหาคน เลยไม่ได้ระวัง เอาแบบนี้ไหมคะ คุณดูสิว่าคุณบาดเจ็บตรงไหน ถ้าจำเป็นฉันจะชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้คุณได้นะคะ หรือไม่ก็พาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาล?”

เมื่อลู่หลันจือได้ยิน ก็ยิ่งโกรธทันที

“ใครอยากได้ค่ารักษาพยาบาลจากเธอ? นี่เธอดูถูกฉันเหรอ? คิดว่าฉันรีดไถเงินเธอเหรอ? เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใครถึงได้กล้าพูดกับฉันแบบนี้!”

เสียงแหลม ดึงดูดคนที่เดิมทีชมการตัดหินอยู่ข้างๆ ให้หันศีรษะมาทีละคน

สีหน้าผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างกระอักกระอ่วน ดูเหมือนตกใจกลับกับสถานการณ์แบบนี้ มือไม้อ่อนไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

ในเวลานี้ ชายผู้ใส่สูทลำลองคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามา

“ไฉ่เวย!”

ผู้หญิงที่เดิมทีกระวนกระวายทำอะไรไม่ถูก ทันใดนั้นก็เหมือนหาที่พึ่งได้ รีบเดินเข้าไป

“เชวซู่”

“เกิดอะไรขึ้น?”

ชายที่ถูกเรียกว่าเชวซู่จับมือเธอไว้ ขมวดคิ้วแน่น แล้วมองลู่หลันจือ

โม่ไฉ่เวยส่ายหน้า แววตารู้สึกผิด “ขอโทษนะเชวซู่ ฉันเหมือนก่อเรื่องให้คุณอีกแล้ว ฉัน……”

ลู่หลันจือขัดคำพูดเธอ

“เฮ้! นี่ผู้ชายของเธอใช่ไหม? ชนคนแล้วไม่ขอโทษแถมยังทำท่ามั่นใจอีก ทำไม? อยากลากผู้ชายของเธอมาช่วยเธอสนับสนุนเหรอ?”

คำพูดของเธอ ยิ่งทำให้โม่ไฉ่เวยกระอักกระอ่วน

อยากอธิบาย แต่เพราะความกดดันของอำนาจเธอ สุดท้ายประโยคเดียวก็ไม่สามารถพูดออกมาได้

จากคำพูดของทั้งสองคน เชวซู่วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว

เขาดึงโม่ไฉ่เวยไว้ด้านหลัง มองลู่หลันจือด้วยใบหน้าบึ้งตึง

“ขอโทษครับ คุณผู้หญิงท่านนี้ ที่ภรรยาผมชนคุณโดยไม่ได้ระวัง ผมขอโทษคุณแทนเธอด้วย แต่นี่ไม่ใช่ข้ออ้างที่คุณจะดูหมิ่นคนอื่นตามใจชอบไหม?”

สิ่งที่ลู่หลันจือเกลียดมากที่สุดในที่ชีวิตคือมีคนขัดแย้งตน

ปกติอยู่ตระกูลลู่ นั่นเพราะรู้ว่าตนไม่มีสิทธิ์พูด ก็เลยถ่อมตัวต่ำต้อย

แต่อยู่ข้างนอก ใครเจอเธอแล้วไม่เรียกเธอว่าคุณลู่ด้วยความเคารพ?

ตอนนี้ผู้ชายคนนี้กลับใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับเธอ ความโกรธของลู่หลันจือเพิ่มขึ้นทันที

“ฉันดูหมิ่นเหรอ? ฉันดูหมิ่นหล่อนแล้วมันทำไม? ถ้าหล่อนไม่ชนฉัน ฉันจะว่าหล่อนได้เหรอ? ทำไม? พวกเธอชนคนแล้วยังดูมีเหตุผลอีกใช่ไหม?”

ท่าทางไม่มีเหตุผลของเธอ ทำให้เชวซู่ขมวดคิ้วแน่นขึ้น ความเกลียดชังเคลื่อนผ่านดวงตาอย่างรวดเร็ว

ผู้คนโดยรอบถูกดึงดูดมากขึ้นเรื่อยๆ โม่ไฉ่เวยสีหน้าอับอาย ดึงแขนเสื้อเขา

“เชวซู่ ช่างเถอะ”

เชวซู่รู้ว่าเธอกลัวการถูกล้อมรอบ จึงปกป้องเธอไว้ในอ้อมแขน พูดขึ้นเสียงเข้ม “คุณผู้หญิง ภรรยาผมใจดีและอ่อนโยน ไม่อยากโต้เถียงกับคุณ ในเมื่อคุณบอกว่าเธอชนคุณ ได้ คุณต้องการอะไรก็พูดมาตรงๆ ไม่จำเป็นต้องโวยวายเสียงดังที่นี่”

ลู่หลันจือเห็นอีกฝ่ายอ่อนลง จึงทำเสียงฮึดฮัดเย็นชาอย่างภูมิใจ

“ฉันก็ไม่ต้องการอะไรหรอก คุณแค่ให้เธอพูดคำว่าขอโทษค่ะสามคำกับฉันต่อหน้าทุกคนก็พอแล้ว”

โม่ไฉ่เวยได้ยินดังนั้น ก็รีบพูดคำว่าขอโทษค่ะสามคำด้วยเสียงทุ้มต่ำ

สีหน้าเชวซู่ย่ำแย่มาก ไม่ได้โกรธที่โม่ไฉ่เวยขอโทษเธอ แต่โกรธที่ผู้หญิงตรงหน้าค้านหัวชนฝา และหยิ่งผยองเกินไป

เขามองลู่หลันจืออย่างเย็นชาดุดัน “โอเค ตอนนี้ขอโทษจบแล้ว เราไปได้แล้วใช่ไหม?”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท