วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 972 เพื่อนเก่าพบเจอกัน

บทที่ 972 เพื่อนเก่าพบเจอกัน

จิ่งหนิงไม่ได้บอกความคิดของตัวเองออกมา

ถึงอย่างไรเธอกับเจ้านายหยูคนนี้ก็ไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่ ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไงด้วย

ลู่หลันจือไว้ใจไม่ได้ ขนาดคนที่เธอรู้จักดีหรือชั่วเธอเองยังบอกไม่ได้เลย ไม่สามารถได้ข้อมูลที่มีค่าเท่าไหร่จากเธอได้เลย

พอคิดแบบนี้แล้ว จิ่งหนิงพูดเสียงต่ำว่า: “ในเมื่อหยกแขวนตัวนี้เป็นของเธอ ก็ขอเจ้านายหยูช่วยเชิญเพื่อนคนนี้ออกมาเจอหน่อยเถอะ ฉันจะได้เอาของคืนให้เธอต่อหน้า”

เจ้านายหยูพยักหน้า

ถึงแม้รู้สึกว่าท่าทีของจิ่งหนิงดูแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

ไม่นานเขาก็โทรหาโม่ไฉ่เวยและอธิบายเรื่องนี้ให้ฟังแล้ว

โม่ไฉ่เวยเพิ่งกลับไปได้ไม่นาน ไม่คิดว่าต่อมาก็ได้รับสายจากเจ้านายหยูแล้ว

หลังจากที่รู้ว่าหาหยกแขวนตัวนั้นเจอแล้วก็ได้ดีใจอย่างยิ่ง

“จริงเหรอ หาเจอเร็วขนาดนี้เลยเหรอ”

“ก็ใช่นะสิ ตอนนี้คนเขากำลังอยู่ที่ห้องรับแขกในงานนี้อยู่ รอส่งของคืนให้คุณต่อหน้าอยู่เลยนะ พวกคุณรีบมาเถอะ”

โม่ไฉ่เวยตื่นเต้นจนพยักหน้าไม่หยุด “ได้ ฉันจะรีบมา”

หลังจากวางสายลง เชวซู่รู้สึกมีอะไรบางอย่างแปลกๆ

“ไฉ่เวย ทำไมหาเจอเร็วขนาดนี้ หรือว่าคุณลู่คนนั้นสามารถโทรจิตกับพวกเราได้ วินาทีที่แล้วรู้ว่าเราจับเธอได้บนกล้องวงจรปิดแล้ว วินาทีต่อมาก็รีบเอาของมาส่งคืนเราแล้ว?”

โม่ไฉ่เวยมองบนให้กับเขา

“อะซู่ คุณอย่าเอาใจคนต่ำต้อยวัดท้องสุภาพบุรุษสิ ไม่แน่อาจจะเป็นหลังจากที่คุณลู่คนนั้นเก็บของได้แล้วก็อยากจะเอาของมาคืนให้เรามาตลอด แต่เนื่องจากว่าตอนนั้นมีเรื่องด่วนต้องรีบไป แต่ไม่ไว้ใจเอาให้เจ้านาย วันนี้มีเวลาว่างแล้วจึงตั้งใจเอาก็ได้? เราเป็นคนก็ต้องมีจิตใจที่ดี อย่าเอะอะก็เดาว่าคนอื่นเป็นคนร้ายสิ”

ที่เชวซู่หมดหนทางที่สุดก็คือจุดนี้ของเธอ

ใจดีและมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว

ไม่ว่าเคยผ่านเรื่องไม่มีความเป็นธรรมมามากแค่ไหนแล้ว ใจดวงนั้นก็เป็นแบบนั้นมาตลอด ครั้งแรกมักจะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนดีตลอด ไม่เคยไปสงสัยคนอื่นในแง่ลบเลย

แบบนี้ถ้าพูดให้น่าฟังแล้วเรียกว่าใสซื่อ ถ้าพูดไม่น่าฟังหน่อยก็คือโง่

เฮ้อ แล้วทำอะไรได้อีกล่ะ

ข้อเสียของเธอคือจุดนี้ แต่ที่ตัวเองรักเธอ ก็เพราะรักจุดนี้ของเธอไม่ใช่เหรอ

นิสัยของเขาเรียบง่ายมาก หลายปีนี้ตั้งใจศึกษาวิจัยทางการแพทย์มาตลอด ไม่ชอบหลักครองตนในสังคมที่ยุ่งยากเกินไป หวังแค่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนข้างกายอย่างเรียบง่ายตลอดไป

ส่วนโม่ไฉ่เวย ก็คือคนที่มีจิตใจอันเรียบง่ายที่สุดบนโลกใบนี้เท่าที่เคยเจอมา

เชวซู่ได้แต่จำใจพาเธอออกบ้าน

ไม่นานสองคนก็มาถึงงานแล้ว

อยู่ข้างนอกห้องรับแขกก็ได้ยินเสียงหัวเราะดั่งกระดิ่งของผู้หญิงดังออกมาจากข้างในแล้ว

“อุ้ย เจ้านายหยู อดพูดไม่ได้เลยว่าพวกเราคือใจตรงกันเลยจริงๆ คิดถึงเรื่องเดียวกันเลย ฉันจะบอกคุณนะ คุณอยากทำการค้าขายในประเทศจีน ถ้าไม่มีตระกูลลู่เราสนับสนุน มันจะลำบากในหลายๆ ด้านเลยนะ แต่ถ้ามีพวกเราตระกูลลู่ มันก็จะเหมือนเสือติดปีก ประสบความสำเร็จได้อย่างพรวดพราดแล้ว”

โม่ไฉ่เวยยิ้มอย่างจำใจ เงยหัวขึ้นมาพูดกับเชวซู่ว่า: “เป็นคุณลู่จริงๆ”

เชวซู่พยักหน้า ผลักประตูออกมา สองคนเดินเข้าไปด้วยกัน

จิ่งหนิงกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น ดื่มชาไปด้วย ฟังลู่หลันจือขี้โม้ไปด้วย

ลู่หลันจือคนนี้นะ ความจริงแล้วก็ไม่เชิงว่าเลว จริงๆ แล้วใจของเธอก็เรียบง่ายมาก

ก็แค่มีความโลภเล็กน้อย ชอบคุยโม้โอ้อวดความดีความเก่งกล้าของตนเล็กน้อย บวกกับเห็นแก่ตัวเล็กน้อย

ส่วนอย่างอื่นก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมาก ถ้าจะให้เธอไปทำเรื่องใส่ร้ายคนอื่นด้วยตัวเองจริงๆ เธอไม่มีความกล้านั้นแน่นอนอยู่แล้ว

แต่ถ้าสมมติว่ามีคนใส่ร้ายคนที่เธอไม่ชอบอยู่ และเธอก็มีโอกาสไปเพิ่มเพลิงอีก

งั้นเธอต้องเป็นเพลิงที่ลุกวูบวาบที่สุดแน่นอน เผาคนอื่นให้ตายเลยดีที่สุด

เพราะฉะนั้นไม่สามารถใช้ดีหรือชั่วอย่างเดียวมาบรรยายเธอคนนี้ ไปมาหาสู่กันมาหลายปีนี้ เธอก็ถือว่าเข้าใจได้ดีแล้ว รู้ว่าจริงๆ แล้วเธอคนนี้ก็แค่นั่นแหละ

ภายนอกยิ่งแยกเขี้ยวยิงฟันแค่ไหน ความเป็นจริงข้างในยิ่งว่างเปล่าและหวาดกลัว

จิ่งหนิงกำลังดื่มชาอยู่ หางตาจู่ๆ เหลือบไปมองเห็นมีคนหนึ่งเข้ามาตรงประตู

เธอรีบเม้มปากทีหนึ่งและวางแก้วลงมา

แต่พอเลยหัวขึ้นมาก็ตะลึงอย่างหนัก

ลู่หลันจือลุกขึ้นมา

“คุณโม่กับคุณหมอเชวมาแล้ว รีบมานั่งสิ ฉันกำลังคุยกับเจ้านายหยูอย่างสนุกอยู่เลยนะ!”

โม่ไฉ่เวยกับเชวซู่เดินไป นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามพวกเธอ

โม่ไฉ่เวยหัวเราะเบาๆ ว่า: “เจอกันอีกแล้ว คุณลู่ ได้ข่าวว่าคุณเก็บหยกแขวนที่หายไปของฉันได้ใช่ไหม”

ลู่หลันจือยิ้มพยักหน้า “ใช่ๆๆ พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ทำไมคุณไม่ระมัดระวังอย่างนี้เนี่ย ยังดีที่ฉันเป็นคนเก็บได้ ถ้าเป็นคนอื่นที่เก็บไปได้ คุณลองดูสิว่าเขายังจะคืนให้คุณอีกไหม”

โม่ไฉ่เวยยิ้มพยักหน้า “คุณลู่พูดถูก ขอบพระคุณมากๆ เลย”

ลู่หลันจือถูกเธอประจบสอพลออย่างพอใจอย่างยิ่ง หันหน้ากลับไปดูที่จิ่งหนิง

“หนิงหนิง เอาของออกมาเลย”

แต่จิ่งหนิงกลับไม่ดิ้นเลย

เธอก็เหมือนกับกลายเป็นหินแล้วอย่างนั้น จ้องตาโตดูผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า ทั้งคนราวกับรูปปั้น

ลู่หลันจือตะลึงและขมวดคิ้ว

“หนิงหนิง?”

เธอยื่นมือออกไปผลักจิ่งหนิง “เธอดูอะไรอยู่เนี่ย รีบเอาหยกแขวนออกมาคืนให้เขาสิ!”

จิ่งหนิงเกิดหวนนึกขึ้นมาได้

สีหน้าของเธอขาวซีดเล็กน้อย ถ้าสังเกตดีๆ ยังสามารถเห็นแสงจากน้ำตาอันแพรวพราวที่อยู่ในดวงตาดั่งน้ำใสในฤดูใบไม้ร่วงนั้นได้อีกด้วย

“ป้า” เธอเรียกออกเสียงเบาๆ เสียงมีความแหบเล็กน้อย

ลู่หลันจือตกใจกับท่าทางอกสั่นขวัญหายอย่างนี้ของเธอมาก รีบลุกขึ้นมาเดินไปข้างเธอทันที พูดอย่างตื่นเต้นว่า: “หนิงหนิง นี่เธอเป็นอะไรเหรอ เธออย่าทำให้ฉันกลัวสิ!”

จิ่งหนิงทำตัวให้ตึง หันหน้าอย่างเครื่องจักร ดูโม่ไฉ่เวยที่อยู่อีกฝั่ง

โม่ไฉ่เวยถูกเธอมองจนรู้สึกงงมาก จึงหันหน้าไปใช้สายตาสงสัยมองเชวซู่ เห็นสีหน้าของเชวซู่ก็มึนงงเช่นกัน ทีนี้ถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมา

“คุณ…เป็นอะไรหรือเปล่า”

เธอหยั่งเชิงถามอย่างเป็นห่วง

จิ่งหนิงตัวสั่นอย่างแรง

จู่ๆ เธอลุกขึ้นมา เดินไปทางโม่ไฉ่เวยทีละก้าวๆ

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกใจกัน แม้แต่เจ้านายหยูก็ลุกขึ้นมายืนแล้ว

โม่ไฉ่เวยกับเชวซู่ก็ลุกขึ้นอัตโนมัติแล้วด้วย

อาจเป็นเพราะสัมผัสลมหายใจเศร้าโศกอันใหญ่หลวงที่ออกจากตัวเธอได้ สีหน้าของโม่ไฉ่เวยมีการเปลี่ยนแปลง และแอบมีความขาวซีดเล็กน้อยด้วย

เธอจับมือของเชวซู่ไว้ ไม่รู้ทำไม เมื่อมองตาของจิ่งหนิง ในใจเธอมีความรู้สึกเจ็บปวดแบบอึดอัดอย่างหนึ่งที่มิอาจอธิบายออกมาได้

เหมือนมีคนเอาหินก้อนใหญ่มาทับไว้ตรงหน้าอกของเธออย่างนั้น กดเธอจนไม่สามารถหายใจออกได้

“อะซู่” เธอเรียกเบาๆ

เชวซู่กอดเธอเข้ามาในอ้อมแขนอย่างระวังตัว มองจิ่งหนิงที่อยู่ตรงข้ามและปลอบโยนว่า: “ไม่ต้องกลัว ผมอยู่ตรงนี้”

เขาเม้มปาก เมื่อจิ่งหนิงเดินมาใกล้ถึงข้างหน้าโม่ไฉ่เวย จู่ๆ ก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ขวางไว้ข้างหน้าโม่ไฉ่เวย

“คุณอยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว”

จิ่งหนิงเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตะลึง

สีหน้าของเชวซู่มืดเย็น แต่ในตากลับเปล่งความสงสัยออกมา

“คุณครับ ภรรยาผมร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ไม่ชอบอยู่กับคนแปลกหน้าใกล้เกินไป ถ้ามีเรื่องอะไรก็เชิญคุยตรงนี้ก็พอแล้ว”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน