วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 964 มาหาเธอเพื่อลงทุน

บทที่ 964 มาหาเธอเพื่อลงทุน

ที่ตระกูลลู่ ถ้าถามว่าที่นั่นใครมีเงิน ก็แน่นอนว่าต้องเป็นลู่จิ่งเซิน

แต่ลู่หลันจือไม่กล้าไปหาลู่จิ่งเซินตรงๆ อย่างไรแล้วหลานชายตัวเองคนนี้ มีชื่อเสียงเรื่องมีเหตุผลกับคนภายนอก แต่สำหรับน้าของตัวเองนั้นไม่มีเหตุผลเลย

บางครั้งเธอก็สงสัยอย่างรุนแรง ว่าเขาคือหลานชายคนนั้นที่ตัวเองเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโตหรือเปล่า

แต่ผู้ชายน่ะ แต่งานแล้วก็เป็นแบบนี้กันหมด มีภรรยาแล้วก็ลืมแม่ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ดังนั้นเรื่องนี้ เธอไม่สามารถไปพูดกับลู่จิ่งเซินโดยตรง แต่ต้องไปคุยกับจิ่งหนิงก่อน ลองไปรับฟังความคิดเห็นก่อน

ดังนั้น ลู่หลันจือตัดสินใจแล้ว ก็ขับตรงไปที่ชั้นล่างตึกอานหนิงกั๋วจี้

ในเวลานี้ จิ่งหนิงยังทำงานอยู่

เธอโทรหาจิ่งหนิง เมื่อเชื่อมต่อได้ก็รีบยิ้มอย่างรักใคร่แล้วพูดขึ้น “คือหนิงหนิงอ่า เธอทำงานอยู่ไหม?”

ฝั่งตรงข้าม จิ่งหนิงค่อนข้างประหลาดใจ “ใช่ค่ะ คุณน้ามีเรื่องอะไรเหรอคะ?”

“ไม่มีอะไรๆ นี่ฉันเห็นว่าจะกลางวันแล้ว อยากชวนเธอไปกินอาหารกลางวันด้วยกัน ที่ร้านอาหารกวางตุ้งร้านนั้นแถวบริษัทพวกเธอโอเคไหม? ฉันรู้เธอชอบกินอาหารรสจืด อาหารที่นั่นรสจืดเป็นพิเศษ”

จิ่งหนิงหัวเราะเบาๆ “คุณน้ามีเรื่องอะไรพูดได้เลยค่ะ ตอนกลางวันฉันมีประชุม กลัวว่าจะหาเวลาออกไปไม่ได้”

“อุ๊ยตาย กองทัพต้องเดินด้วยท้อง กินข้าวไม่เสร็จจะไปประชุมได้ไง? แถมตอนนี้เธอท้องอยู่ด้วยนะ ทำงานหนักขนาดนั้นไม่ได้นะ ฉันไม่สน ฉันอยากให้เธอออกมากินข้าวเป็นเพื่อนฉัน ฉันรอที่ร้านกวางตุ้งที่บอกไปก่อนหน้านี้นะ เธอต้องมา”

พูดจบ ก็วางสายไปทันที

จิ่งหนิงไม่คิดว่าเธอจะทำแบบนี้โดยตรง มองสายที่วางไปแล้ว ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง

เสี่ยวเหอเข้ามาจากด้านนอก วางรายงานกองหนึ่งบนโต๊ะทำงานของเธอ แล้วพูดขึ้น “เจ้านายคะ นี่คือรายงานไตรมาสที่แล้วของซิงฮุย คุณดูหน่อยนะคะ”

จิ่งหนิงพยักหน้า แล้วดูเวลาอีกครั้ง

“ตอนบ่ายฉันค่อยมาดูแล้วกัน ตอนนี้ฉันต้องออกไปข้างนอกสักหน่อย ฉันอ่านจบแล้วจะส่งอีเมลกลับไปให้เธอทันที”

เสี่ยวเหอพยักหน้า จิ่งหนิงหยิบเสื้อโค้ต หยิบกระเป๋าแล้วออกจากบริษัทไป

เมื่อเธอมาถึงร้านอาหารกวางตุ้ง พบว่าลู่หลันจือนั่งอยู่ด้านในแล้ว อาหารก็สั่งเรียบร้อยแล้วด้วย

ในห้องอาหารจุดธูปหอมอ่อนๆ ลู่หลันจือยิ้มพูดขึ้น “หนิงหนิงมาแล้ว รีบนั่งสิ เธอดูนี่สิอาหารสองสามอย่างนี้ที่ฉันสั่งเป็นของโปรดเธอทั้งนั้นเลย แล้วก็ธูปหอมอันนี้ มันคือธูปหอมสำหรับหญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะ ไม่ทำลายสุขภาพ เธอวางใจได้”

จิ่งหนิงยิ้ม นั่งลงฝั่งตรงข้ามเธอ “ทำไมวันนี้คุณน้าดูดีใจขนาดนี้ นึกอยากนัดฉันกินข้าวขนาดนี้ล่ะคะ?”

ลู่หลันจือยิ้มกระอักกระอ่วน นิ้ววางไว้ใต้โต๊ะ ประสานกันอย่างไม่สบายใจและประหม่า

“คือ……ฉันรู้ว่าไม่กี่ปีมานี้ฉันปฏิบัติไม่ค่อยดีกับเธอ น้าอายุมากแล้วไง อารมณ์ไม่ค่อยดี เธอต้องเข้าใจหน่อยนะ คราวก่อนคำพูดพวกนั้นที่ฉันพูดที่บ้านเธอก็เป็นคำพูดเพราะโมโห เอาจริงเอาจังไม่ได้ เธออย่าโกรธฉันเพราะคำพูดพวกนั้นเด็ดขาดเลยนะ”

จิ่งหนิงชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้ม

“คุณน้าไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ได้โกรธค่ะ”

“งั้นก็ดีแล้ว งั้นก็ดีแล้ว” ลู่หลันจือยิ้ม เหลือบมองเธอ แล้วรีบพูดขึ้นอีกครั้ง “กินข้าว กินข้าวก่อน เรากินข้าวเสร็จค่อยคุยกัน”

จิ่งหนิงเห็นว่าเป็นแบบนี้ ก็ไม่ฝืนใจ

เธอยุ่งมาทั้งเช้า เดิมทีก็หิวแล้ว ถ้าลู่หลันจือไม่เรียกเธอออกมา คาดว่าเธอก็คงทานอาหารในบริษัทโดยตรง

เดิมทีแล้วลู่จิ่งเซินไม่อยากให้เธอเหนื่อยขนาดนี้หรอก แต่เธอชอบทำงาน ดังนั้นลู่จิ่งเซินจึงห้ามเธอไม่ได้

โชคดีตอนนี้เธอท้อง ไม่ทานอาหารห่อกลับบ้าน ลู่จิ่งเซินเตรียมครัวขนาดเล็กให้เธอที่บริษัท ได้เวลาก็จะบังคับให้เธอหยุดแล้วมาทานอาหาร ถือว่าเป็นการรักษาโภชนาการ

ทั้งสองทานอาหารกันอย่างเงียบๆ ถึงแม้ลู่หลันจือจะมีข้อบกพร่องมาก แต่อย่างไรแล้วก็โตมากับตระกูลลู่ตั้งแต่เด็ก การเลี้ยงดูในชีวิตก็ไม่ต้องพูดถึง ยามรับประทานอาหารไม่สนทนา ยามนอนไม่พูดคุย

ด้วยเหตุนี้ นอกจากเสียงเคี้ยวทานอาหารบนโต๊ะอาหารแล้ว ก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลยในชั่วขณะหนึ่ง

จนกระทั่งทานอาหารเสร็จ จิ่งหนิงวางชามตะเกียบลง ก็หยิบทิชชูมาเช็ดปากอีกครั้ง ก่อนจะมองไปทางลู่หลันจือที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“ตอนนี้กินเสร็จแล้ว คุณน้ามีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะค่ะ ฉันต้องรีบกลับบริษัท จะอยู่ที่นี่นานเกินไปไม่ได้”

ลู่หลันจือเห็นว่าเป็นเช่นนี้ ก็รีบวางชามตะเกียบลง และไม่อ้อมค้อม พูดขึ้นตรงๆ “วันนี้ฉันไปที่สมาคมพนันหินมา รู้จักเจ้าของคนหนึ่งที่ใช้ประโยชน์เหมืองแร่ด้วยตัวเอง เขาบอกว่าเขาเจอเหมืองอัญมณีที่ไม่มีใครเคยขุดที่ประเทศT อยากร่วมมือกับฉันซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ด้วยกัน”

จิ่งหนิงเลิกคิ้ว

ลู่หลันจือพูดต่อ “หนิงหนิง เธอก็รู้ หลายปีที่ผ่านมานี้น้าทำธุรกิจมาเยอะมาก แต่ก็มีไม่กี่อย่างที่สำเร็จ ถึงปกติฉันจะมีกินมีใช้ ดูแล้วก็อยู่ดีกินดี แต่ในใจฉันก็มักรู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่าง ไม่ค่อยสบายใจ ครั้งนี้ฉันคิดว่าเป็นโอกาสที่ดี อยากจะลองดูมากเลย แต่ด้านเงินทุนลำบากนิดหน่อย”

จิ่งหนิงยิ้มพูดขึ้น “เหมืองแร่ที่อีกฝ่ายบอกอยู่ส่วนไหนของประเทศT คุณเข้าใจมันแล้วหรือยัง?”

ลู่หลันจือส่ายหน้า “ฉันถามแล้ว เขาไม่ยอมพูดอ่า บอกว่าต้องรู้ก่อนว่าฉันมีความสามารถในการถือหุ้น ถึงจะยอมบอกฉัน นี่ฉันมีเงินไม่พอ ก็เลยต้องกลับมารวบรวมไม่ใช่เหรอ?”

จิ่งหนิงพยักหน้า

ธุรกิจอัญมณี เพราะตระกูลของจี้หลินยวนเมื่อก่อนเคยเริ่มทำ ดังนั้นเธอจึงเข้าใจไม่น้อย

รู้ว่าเหมืองแร่ที่ไม่มีใครพบแบบนี้ มันเป็นทรัพยากรที่มีค่ามาก ปกติแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ จะเก็บข้อมูลเป็นความลับมากจริงๆ ไม่บอกคนนอกง่ายๆ

เธอคิดแล้วถามขึ้น “คุณยังขาดเงินเท่าไร?”

ลู่หลันจือค่อนข้างกังวล “อีกฝ่ายอยากให้ฉันออกพันห้าร้อยล้าน ตอนนี้ในมือฉันมี……สี่ร้อยล้าน”

จิ่งหนิงตกตะลึง ค่อนข้างประหลาดใจ

“พันห้าร้อยล้าน? เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”

ลู่หลันจือมีรอยยิ้มกระอักกระอ่วน “มันเยอะหน่อยน่ะ แต่ถ้าเราลองคิดอีกมุม การลงทุนขนาดใหญ่ แสดงว่าเหมืองแร่มันใหญ่มากเลย ไม่งั้นเหมืองแร่ขนาดเล็กปกติมันต้องการเงินเยอะขนาดนี้ที่ไหนกัน?”

จิ่งหนิงคิด นี่มันก็จริง

แต่เธอยังรู้สึกค่อนข้างสงสัย ด้วยเหตุนี้จึงพูดขึ้นเสียงเรียบ “เรื่องนี้มันใหญ่เกินไป ฉันคนเดียวไม่มีทางตัดสินใจได้ ถ้าคุณต้องการลงทุนจริงๆ เกรงว่าต้องลองคุยกับจิ่งเซินค่ะ”

ลู่หลันจือพยักหน้าซ้ำๆ “ฉันรู้ๆ มันเกี่ยวข้องกับเงินทุนมหาศาลขนาดนี้ ฉันยอมให้เธอแบกรับไม่ได้หรอก ต่อไปฉันจะไปคุยกับจิ่งเซิน เธอก็รู้ จิ่งเซินน่ะไม่ค่อยเชื่อใจฉัน เขาเชื่อใจแค่เธอ ถ้าฉันไปเอ่ยปาก เขาต้องไม่ตกลงแน่ๆ ตอนนี้พ่อแม่ก็เข้าข้างเขา ในใจในสายตาก็มีแค่หลานรักอย่างเขาเท่านั้น ลูกสาวอย่างฉันคนนี้ไม่มีสถานะ ฉันไม่มีทางเลือกน่ะ ทำได้แค่มาหาเธอ หนิงหนิง ฉันไม่ขออะไรอย่างอื่น แค่หวังว่าถึงตอนนั้นที่ฉันไปคุยกับจิ่งเซิน เธอมาอยู่ข้างๆ ช่วยฉันพูดหน่อยได้ไหม?”

จิ่งหนิงมองเธอ แค่เห็นใบหน้าลู่หลันจือ แฝงไปด้วยคำวิงวอนอย่างระมัดระวัง ซึ่งนี่มันหาได้ยากมากสำหรับเธอที่คุ้นเคยกับความมั่นใจสูง

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท