วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 989 บังเอิญเจอเพื่อนเก่า

บทที่ 989 บังเอิญเจอเพื่อนเก่า

ไม่นานโจวจื่อหมิง ก็ชงชาเสร็จ เขายิ้มพร้อมกับเทชาให้ทุกคนคนละแก้ว

“ฉันน่ะ ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ก็เลยออกจากกลุ่มวิจัย พอดีมีเพื่อนอยู่ทางนี้ ก็เลยมาเที่ยวเล่น และเพราะว่าชอบวัฒนธรรมของคนที่นี่ด้วย ก็เลยเปิดบาร์แล้วก็อาศัยอยู่ที่นี่เสียเลย”

โจวจื่อหมิงเทชาไป พร้อมกับพูดไปด้วย

ส่วนเรื่องที่พูดมาจะจริงเท็จแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้

ลู่จิ่งเซินเองก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ

เพราะถึงยังไงด้วยฐานะของเขาตอนนี้ บางครั้ง การสื่อสารระหว่างกันมันก็คงไม่ง่ายเหมือนคนธรรมดาทั่วไปอีกต่อไปแล้ว

มัวแต่ซักไซ้ไล่เลียง นอกจากจะทำให้บรรยากาศอึดอัดยิ่งกว่าเดิม ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก

จิ่งหนิงดื่มชาไปหนึ่งอึก ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คิดไม่ถึงว่าจะมีโชคต่อกันขนาดนี้ พวกคุณเป็นเพื่อนกันมาก่อนเหรอนี่ คุณป้าก็มาก่อเรื่องในร้านของคุณพอดี เจ้านายโจว เรื่องบังเอิญแบบนี้พูดไปใครจะเชื่อ”

โจวจื่อหมิงชะงักไปชั่วครู่

เขาเหลือบตามองเธอเล็กน้อย

“ท่านนี้คือ…..”

ลู่จิ่งเซินจึงเริ่มแนะนำว่า “นี่คือภรรยาของฉันเองจิ่งหนิง ส่วนนี่ก็คุณป้าลู่หลันจือ แล้วก็เจ้านายหยู”

เจ้านายหยูหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะรีบจับมือกับชายหนุ่ม

โจวจื่อหมิงยิ้มพร้อมกับตอบว่า “แบบนี้นี่เอง คิดไม่ถึงเลยว่านายจะแต่งงานแล้ว”

ในเมื่อเป็นภรรยาของลู่จิ่งเซินโจวจื่อหมิง ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง

เขายิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วน “ต้องขอโทษจริง ๆ เรื่องวันนี้ผมต้องขอโทษพวกคุณทุกคนจากใจ คนที่เสียชีวิตนั่นเป็นลูกน้องในบาร์ของผมเอง เมื่อครู่นี้ผมตรวจสอบดูแล้ว การตายของเขาคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณลู่ แต่เพื่อเป็นการโน้มน้าวใจพวกลูกน้องข้างล่างด้วย ผมก็เลยต้องให้นิติเวชตรวจสอบอีกที พวกคุณอย่าถือสาเลยนะ”

จิ่งหนิงยิ้มพร้อมกับตอบเสียงเรียบว่า “คุณกับลู่จิ่งเซินเป็นเพื่อนกันมาก่อน พวกเราไม่ถือสาอะไรอยู่แล้ว มีแค่พวกลูกน้องข้างล่างนั่นล่ะ ไม่จำเป็นต้องให้นิติเวชมาตรวจก็น่าจะรู้สถานการณ์ของคนคนนั้นแล้วรึเปล่า”

พอประโยคนี้ถูกพูดออกมา บรรยากาศรอบตัวก็หยุดชะงักไปทันที

ลู่หลันจือมองพวกเขาไปมา ในหัวมึนงงไปหมด รู้สึกราวกับว่าฟังสิ่งที่พวกเขาพูดไม่รู้เรื่องสักอย่าง

โจวจื่อหมิงจ้องมองจิ่งหนิงอย่างลึกล้ำอยู่ครู่หนึ่ง

“คุณนายลู่นี่ฉลาดเป็นกรดจริง ๆ ไม่น่าล่ะจิ่งเซินเป็นโสดมาตั้งหลายปี สุดท้ายก็ตกไปอยู่ในกำมือของคุณ”

บรรยากาศที่ตึงเครียดดำเนินไปไม่ถึงสองวินาที ก็ถูกรอยยิ้มของเขาขจัดไปจนหมด

ชายหนุ่มถอนหายใจ พร้อมกับพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “คุณนายลู่พูดถูก จริง ๆ แล้วลูกน้องของผมน่ะเก่งไปหมดทุกอย่างนั่นล่ะ แต่ก็มีเรื่องแย่ ๆ บางเรื่องที่แก้ไม่หายสักที คาดว่าพวกเขาคงจะเห็นว่าคุณลู่เป็นคนต่างถิ่น แถมยังเป็นคนใจกว้างอีกต่างหาก เพราะงั้นพวกเขาก็เลยคิดไม่ซื่อ จงใจให้ อะฟู๋คนที่มีสุขภาพร่างกายไม่ค่อยดีเข้าไปหาเรื่องคุณลู่ จนสุดท้ายเรื่องก็กลายเป็นอย่างที่เห็น”

ลู่หลันจือฟังมาจนถึงตรงนี้ก็เพิ่งจะเข้าใจ เธอจึงผุดลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น

“พูดแบบนี้แสดงว่าฉันไม่ได้ฆ่าคน แต่เป็นพวกคุณที่จงใจหลอกลวงฉัน!”

โจวจื่อหมิงมีสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย

จิ่งหนิงจึงพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเขาล้วนเป็นคนมีฝีมือบนสังเวียนกันทั้งนั้น น่าจะคุ้นเคยกับอาการบาดเจ็บเหล่านี้เป็นอย่างดี แถมคนคนนี้ยังเป็นเพื่อนร่วมงานของพวกเขาอีก ปกติก็คงต้องใช้เวลาอยู่ร่วมกันอยู่แล้ว ที่ท้ายทอยของเขามีเลือดคั่งอยู่เยอะมาก เมื่อครู่นี้ฉันเห็นอาการบวมจากภายนอกได้อย่างชัดเจน ก็แสดงให้เห็นว่าเขาต้องมีพฤติกรรมผิดปกติหลายอย่างที่เกิดขึ้นทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน เช่นอาการเวียนหัว ท่าเดินแปลก ๆ หน้าซีดบ้าง ซึ่งคนเหล่านั้นทั้ง ๆ ที่สังเกตเห็นว่ามีเขามีอาการผิดปกติ ยังจงใจให้เขาเข้ามาหาเรื่องคุณป้า ที่ว่าคิดไม่ซื่อนี่ เรียกว่าโหดเหี้ยมยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ ใช่ไหมคะ?”

คำพูดของจิ่งหนิงทำให้สีหน้าของ โจวจื่อหมิงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

จริง ๆ แล้วสิ่งที่จิ่งหนิงพูดออกมาไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้

เพียงแค่คนพวกนั้นยังไงก็เป็นคนของเขา ในใจก็ยังมีความลำเอียงอยู่บ้าง คิดแค่ว่าอะไรที่ปิดไว้ได้ ก็ปิดไว้ก่อน

กลับไปค่อยคิดบัญชีทีหลังก็ได้ เพราะนั่นก็ถือเป็นเรื่องของคนในครอบครัวตัวเอง

แต่คาดไม่ถึงว่า อยู่ ๆ จิ่งหนิงจะพูดจี้จุดขึ้นมา

ลู่หลันจือพอได้ยินดังนั้นมีเหรอจะทนไหว?

เพียงพริบตาเดียวเธอก็นั่งไม่ติดเก้าอี้ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความโกรธเคืองว่า “ได้เลย ฉันอุตส่านึกว่าพวกคุณไม่พอใจเพราะผู้เสียชีวิตคนนั้นเลยมาเรียกเงินจากฉัน ตอนนี้ดูท่าแล้วคงเป็นการวางแผนแบล็กเมล์กันตั้งแต่ต้นจนจบสินะ! ได้ ในเมื่อทำกันแบบนี้ งั้นฉันก็จะไม่เกรงใจแล้ว ฉันจะแจ้งตำรวจ! ถึงตอนนั้นฉันจะเอาให้บาร์เฮงซวยของคุณล้มละลายไปเลย!”

ขณะที่พูด เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วย

ลู่จิ่งเซินปวดหัวขึ้นมาทันที

“คุณป้า”

เขาตะคอกออกมาหนึ่งที

ลู่หลันจือตอบกลับไปว่า “อะไร?”

จิ่งหนิงรั้งเธอลงมาอย่างจนปัญญา “คุณป้าคะ อย่าเพิ่งรีบแจ้งตำรวจเลย ไหน ๆ คนนี้ก็เป็นเพื่อนเก่าจิ่งเซิน ยังไงเขาก็ต้องมีวิธีจัดการของเขาอยู่แล้ว คุณป้าอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่ามดีกว่าค่ะ”

ลู่หลันจือพอได้ฟังจิ่งหนิงพูด ก็เพิ่งจะได้สติ หญิงสาวจึงรีบวางโทรศัพท์ลงทันที

เธอมองไปทางโจวจื่อหมิง “พูดมาสิ คุณจะจัดการเรื่องนี้ยังไง?”

ผ่านไปสักพัก เธอก็เสริมอีกว่า “ฉันขอบอกไว้ก่อนเลยนะ เรื่องนี้มันเกี่ยวกับฉันโดยตรง อย่าคิดว่าเป็นเพื่อนเก่าของจิ่งเซินแล้วฉันจะไว้หน้า ถ้าวิธีแก้ปัญหาของคุณไม่เป็นที่น่าพอใจ ฉันก็ไม่ปล่อยไปแน่”

พอเธอเป็นฝ่ายถูก ทัศนคติและท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไปทันที

โจวจื่อหมิงเองก็รู้ดี เรื่องในวันนี้หากไม่จัดการให้เรียบร้อย เกรงว่าจะไม่มีทางจบดี ๆ แน่

ชายหนุ่มนวดขมับเบา ๆ พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างหมดหนทาง

“ได้ครับ คุณลู่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยที่สุด จนกว่าคุณจะพอใจ แบบนี้ตกลงไหมครับ?”

ลู่หลันจือพ่นลมหายใจออกมาหนึ่งที

ผ่านไปไม่นาน ผลการตรวจของนิติเวชก็ออกมา

ผลลัพธ์เป็นไปตามคาด อีกฝ่ายเสียชีวิตเฉียบพลัน ไม่ใช่เพราะแผลบนหน้าผากที่ลู่หลันจือผลักเขาจนหัวกระแทก

แต่เป็นเพราะว่า เมื่อคืนวาน ตอนที่อีกฝ่ายมีเรื่องและเกิดการต่อสู้กัน ชายหนุ่มถูกคนเอาศอกกระแทกเข้าที่ท้ายทอย ตอนนั้นเขารู้สึกไม่สบายเล็กน้อย แต่เนื่องจากไม่มีบาดแผลภายนอก เขาจึงไม่ได้ให้ความสำคัญอะไร

หลังจากที่เขากลับมา ก็มีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อยากอาเจียนจริง ๆ

เพื่อนร่วมงานเองก็เห็นความผิดปกติของเขา ประกอบกับ คนที่เขาสู้ด้วยเมื่อวานมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่ากับเพื่อนร่วมงาน

ส่วนคนคนนี้ เป็นเพราะรูปร่างของเขา แม้ว่าเขาฝีมือดีมาโดยตลอด แต่ในที่ทำงานก็ถูกมักจะถูกกีดกันหรือเลือกปฏิบัติอยู่เสมอ

ดังนั้น คนกลุ่มนั้นจึงคิดแผนนี้ขึ้นมา เพื่อฉวยโอกาสจากการเสียชีวิตของเขาแล้วก็สร้างรายได้มหาศาลให้กับตัวเอง

สุดท้าย พวกเขาก็เลือกหนึ่งในลูกค้าที่มาใช้บริการ ซึ่งก็เป็ลูกค้าที่มาจากต่างถิ่น แถมยังดูโง่แต่เงินหนาอย่างลู่หลันจือ

ลู่หลันจือเองก็ดวงซวย

เดิมทีเธอมาที่นี่ก็เพราะอยากเห็นอะไรที่แปลกใหม่ เรื่องค่าใช้จ่ายก็ช่างปะไร แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกคนหมายตาไว้ แถมยังเกือบถูกแบล็กเมล์เอาเงินก้อนไปอีก

คนกลุ่มนี้ไม่กล้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะงั้น เขาถึงต้องการให้เธอแค่จ่ายเงินมาสักก้อนแล้วก็จบไป

ส่วนที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าเดิมก็คือ ครั้งนี้พวกเขาจุดไต้ตำตอเข้าเสียแล้ว

โจวจื่อหมิงนั่งอยู่ตรงนั้น หลังจากฟังนิติเวชเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจบ สีหน้าของเขาก็มืดครึ้มลงทันที

ทว่าลูกน้องของเขาพวกนั้น พอรู้ว่าเรื่องทั้งหมดถูกเปิดเผยแล้ว แต่ละคนก็อยู่ไม่สุขขึ้นมายิ่งกว่า แต่ตอนนี้ต่อให้คิดจะหนีก็คงหนีไม่ได้แล้ว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท