วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 965 ความต้องการทางจิตใจ

บทที่ 965 ความต้องการทางจิตใจ

เธอเม้มปาก พูดขึ้นเสียงเรียบ “ได้ค่ะ ฉันสัญญากับคุณ แต่คุณก็ต้องสัญญากับฉันหนึ่งเรื่อง”

ลู่หลันจือดีใจ รีบถามขึ้น “เรื่องอะไร?”

“ต่อไปห้ามพูดเรื่องพวกนั้นกับอานอานอีกนะคะ คุณน้า คุณก็รู้ว่าฉันรักและห่วงใหญ่อานอานเหมือนลูกตัวเองมาตลอด เธอก็คือลูกสาวแท้ๆ ของฉัน ฉันไม่อยากให้มีใครมายุความสัมพันธ์พวกเราให้แตกแยก โดยเฉพาะคนที่เป็นญาติของเรา”

ลู่หลันจือสีหน้าเปลี่ยนไป

จากความหวาดกลัว กลายเป็นความโกรธ สุดท้ายก็ละอายใจอย่างลึกซึ้ง

เธอก้มศีรษะเล็กน้อย น้ำเสียงค่อนข้างขาดความมั่นใจ “ฉัน……ฉันไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นฉันโกรธเกินไป เป็นผีหลงสติปัญญาไปชั่วขณะหนึ่ง……”

“ฉันไม่สนว่าคุณทำไปเพราะอะไร” เสียงจิ่งหนิงเย็นชา แฝงไปด้วยความเข้มงวดที่ไม่เคยมีมาก่อน “สรุปแล้ว ต่อไปเรื่องแบบนี้ ฉันไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก”

“โอเค ฉันรับประกัน ต่อไปฉันจะไม่พูดมั่วๆ อีกแล้ว”

ลู่หลันจือรีบตกลง

จิ่งหนิงถึงได้พยักหน้า ยืนขึ้นมา

“คุณไม่ต้องเป็นห่วง ตอนที่คุณคุยกับจิ่งเซิน ฉันจะช่วยคุณพูด”

พูดจบ ก็หันตัวเดินออกไป

ลู่หลันจือมองแผ่นหลังเธอจากไป ถึงได้โล่งอกอย่างแรง

หลังจากจิ่งหนิงออกมาจากร้านอาหาร ก็ได้รับสายจากอานอาน

วันนี้วันอาทิตย์ อานอานใช้โทรศัพท์บ้านโทรมา

เมื่อเชื่อมติด ก็ได้ยินเสียงหวานของเด็กน้อย “แม่คะ แม่เลิกงานหรือยัง กินข้าวหรือยังคะ?”

จิ่งหนิงนั่งอยู่ในรถ อดยิ้มไม่ได้ “เลิกงานแล้ว กินข้าวแล้วด้วย อานอานกินข้าวหรือยังลูก?”

“อานอานก็กินข้าวแล้วค่ะ แต่อานอานคิดถึงคุณแม่ ก็เลยโทรมาหาคุณแม่”

“อย่างงี้นี่เอง” จิ่งหนิงคิดแล้วถามเธอ “วันนี้เป็นวันเกิดอานอาน เดี๋ยวรอแม่เลิกงานกลับไป ไปรับอานอานมาฉลองวันเกิดที่บ้านคุณย่าทวดด้วยกันดีไหม?”

อานอานร้องไชโยด้วยความตื่นเต้น “ดีค่ะ หนูอยากกินมูสเค้ก หนูอยากใส่ชุดเดรสที่สวยที่สุดด้วย”

“ได้ ให้ป้าหลิวหาชุดเดรสตัวเล็กสวยๆ ให้หนูนะ ใส่เสร็จแล้ว รอแม่กลับไปรับหนู”

“ได้ค่ะ แม่คะ หนูรักแม่นะ”

“แม่ก็รักหนูเหมือนกัน บ๊ายบายจ้ะ”

“บ๊ายบายค่ะแม่”

วางสายไปแล้ว เธอนั่งในรถ มุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

จากนั้น ก็ลงรถเดินไปที่ตึกใหญ่บริษัท

จิ่งหนิงทำงานตลอดเวลาจนถึงห้าโมงครึ่งถึงได้เลิกงาน

ลู่จิ่งเซินก็เลิกงานนานแล้วเช่นกัน ทุกคนรู้ว่าวันนี้คือวันเกิดเจ้าหญิงน้อย จึงเลิกงานล่วงหน้าโดยเฉพาะ กลับบ้านไปรับเธอมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน

จริงๆ แล้วเดิมทีพวกจิ่งหนิงชินกับการไปทานอาหารที่บ้านหลังเก่าในวันสุดสัปดาห์ อย่างไรแล้วปกติไม่จำเป็นต้องมา ทุกสัปดาห์ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนสองผู้อาวุโสให้ครึกครื้นอยู่แล้ว

วันนี้บังเอิญเป็นวันเกิดอานอานพอดี ได้มาฉลองร่วมกันพอดี

กลับถึงบ้าน ก็ไปรับเด็กน้อยคนโตและคนเล็กทั้งสองคน จากนั้นก็ขับออกไปที่บ้านหลังเก่า

ระหว่างทาง จิ่งหนิงก็คุยเรื่องลู่หลันจือกับลู่จิ่งเซิน

ลู่จิ่งเซินฟังจบ การตอบสนองแรกก็คือปฏิเสธอย่างที่คิดไว้

หลายปีที่ผ่านมานี้ ลู่หลันจือทำธุรกิจมามากมาย มีอุตสาหกรรมทุกประเภท แต่ไม่สำเร็จสักอย่าง ล้มเหลวหมดเลย

ลู่จิ่งเซินและท่านปู่ลู่ รวมถึงนายหญิงหชิน แทบจะเชื่อแล้วว่าเธอไม่เหมาะกับทำธุรกิจ

เห็นท่าทางคึกคักร้องตะโกน จริงๆ แล้วก็เป็นแค่เสือกระดาษ มีความคิดเห็นยิ่งใหญ่แต่สมองเรียบง่าย บ่อยครั้งที่ใครพูดไม่กี่คำล่อเหยื่อเธอก็ติดกับดักทั้งหมด

ผ่านไปตั้งหลายปี ก็ไม่รู้ว่าถูกหลอกเอาเงินไปเท่าไรแล้ว

ถูกหลอกเอาเงินก็ยังเป็นเรื่องเล็ก หลักๆ คือพูดออกไปแล้วมันน่าอาย

อย่างไรแล้วตอนที่ท่านปู่ลู่เป็นหนุ่ม เป็นรุ่นมีพรสวรรค์ นายหญิงหชินก็ถือว่าเป็นวีรสตรี ลู่จิ่งเซินยิ่งไม่ต้องพูด แม้แต่พ่อแม่ของลู่จิ่งเซินที่เสียไปตั้งแต่ยังวัยรุ่น ก็เป็นชายหญิงที่มีชื่อเสียงเรื่องพรสวรรค์

แต่พอมาถึงลู่หลันจือ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง นอกจากใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเก่ง ก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็น

ด้วยเหตุนี้ เรื่องการลงทุนพันห้าร้อยล้านนี้ ลู่จิ่งเซินไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน

แต่จิ่งหนิงมีความคิดไม่เหมือนเขา

เธอพูดขึ้นเสียงเรียบ “ปีนี้คุณน้าอายุสี่สิบปีแล้ว ไม่หุนหันพลันแล่นทำตามอำเภอใจเหมือนตอนเป็นสาวๆ หรอก ทำอะไรก็ละเอียดรอบคอบกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย และฉันมักรู้สึกว่าบางเรื่องเราไม่สามารถมองแค่ผลลัพธ์สุดท้ายและผลประโยชน์ที่จะได้รับเท่านั้น ยังมีความต้องการทางจิตใจของอีกฝ่ายด้วย”

ลู่จิ่งเซินหันไปมองเธอ “ความต้องการทางจิตใจ?”

“ใช่” จิ่งหนิงยิ้มเล็กน้อย “คุณเคยคิดไหม ทำไมคุณน้าลงทุนธุรกิจไปเยอะขนาดนั้นแล้วยังล้มเหลว แต่ครั้งนี้ถึงแม้ต้องลงทุนมหาศาลมาก เดิมทีแล้วเธอก็มีชีวิตที่สุขสบาย ถึงจะไม่ทำอะไรเลย แค่โบนัสทุกปีของลู่ซื่อก็พอที่จะทำให้เธอใช้ชีวิตที่ไร้กังวลแล้ว แต่ทำไมเธอยังยืนกรานจะต้องทำธุรกิจของตัวเองขนาดนี้ล่ะ?”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วขึ้นมา “ทำไมล่ะ?”

“เพราะรู้สึกถึงความสำเร็จไงล่ะ”

จิ่งหนิงมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “ตระกูลลู่ของเรา ทุกคนล้วนมีพรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานให้ เฉลียวฉลาดมาก ทำอะไรก็สำเร็จไปหมด มีแค่เธอคนเดียวที่ดูเหมือนทำอะไรก็ไม่สำเร็จ มักรู้สึกว่าเป็นตัวถ่วงของทุกคน เธอเป็นคน ทุกคนมีความนับถือตัวเอง ไม่มีใครอยากเป็นภาระคนอื่นไปตลอดหรอก เธอก็อยากให้ตัวเองทำผลงาน หรืออาชีพของตัวเองบ้าง” จริงๆ แล้วนี่เป็นเรื่องที่ดี แค่เมื่อก่อนเธอใช้วิธีที่ผิดทุกครั้งเท่านั้นเอง แต่ครั้งนี้ เท่าที่ฉันรู้ น่าจะค่อนข้างน่าเชื่อถือ เราสนับสนุนดูก็ไม่เสียหาย ถ้าสำเร็จล่ะ? ก็ถือเป็นการแก้ปัญหาความปรารถนาของเธอ ใช่ไหมล่ะคะ?”

คำพูดของเธอ ทำให้ลู่จิ่งเซินจมอยู่ในความคิด

ผ่านไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงเข้ม “ในเมื่อคุณพูดแบบนี้แล้ว งั้นก็ให้เธอลองอีกสักครั้ง”

จิ่งหนิงยิ้มเล็กน้อย “เราไม่ต้องให้เธอยืมทั้งหมด อย่าว่าแต่ทั้งหมดตระกูลลู่ แค่ให้ยืมเงินมหาศาลขนาดนี้ เกรงว่าจะกดดันเธอหนักมากแล้ว เธอเริ่มต้นก็ทำธุรกิจใหญ่ขนาดนี้ กลัวว่าจะรับความกดดันไม่ไหว แล้วกระวนกระวาย”

ลู่จิ่งเซินเลิกคิ้ว “แล้วความหมายคุณ……”

“เหมืองอัญมณีน่ะ ถ้าเป็นของจริง ไม่สนว่าจะลงทุนเท่าไร ก็ต้องได้กำไรแน่ๆ ไม่งั้นเราก็ถือว่าเอาเงินพวกนี้ไปลงทุนสิ เราก็ถือว่าเป็นพันธมิตรสักครั้ง”

ลู่จิ่งเซินได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มทันที

“คุณนี่คิดทุกอย่างรอบคอบเพื่อเธอจริงๆ ถ้าคุณน้ารู้ จะต้องประทับใจตายแน่”

จิ่งหนิงก็เม้มปากยิ้ม “ฉันไม่ขอให้เธอประทับใจหรอก แค่อยากให้เธอราบรื่นดั่งใจหวัง ในอนาคตใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ ไม่ก่อปัญหาอีก”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ทำตามที่คุณพูดทั้งหมด เราจะลงทุน”

หลังจากทั้งสองเจรจากันแล้ว ก็หยุดหัวข้อนี้

ไม่นานนัก รถก็มาถึงบ้านหลังเก่า

ลู่หลันจือมาถึงก่อนพวกเขา เห็นพวกเขาเข้ามา ก็รีบลุกขึ้น รอยยิ้มสุภาพจริงใจมากกว่าครั้งไหนๆ

“จิ่งเซิน หนิงหนิง อานอาน จิ้งเจ๋อ พวกเธอมาแล้วเหรอ รีบมานั่งเร็ว”

ขณะที่เธอพูด ก็เดินไปอุ้มจิ้งเจ๋อน้อยขึ้นมา

“โอ๊ยเจ้าตัวแสบ ทำไมหนักขึ้นอีกแล้ว? คุณย่ากูว จะอุ้มหนูไม่ไหวแล้วนะ”

จิ้งเจ๋อน้อยหัวเราะคิกคัก “คุณย่ากูว หนูไม่ใช่เจ้าตัวแสบ หนูเป็นเด็กดี”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท