วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 988 ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต

บทที่ 988 ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต

จิ่งหนิงนึกออกขึ้นมาทันที

สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ทันใดนั้นหญิงสาวก็ย่อตัวลง สัมผัสกับท้ายทอยของผู้ตายอีกครั้ง ในใจมีแผนการบางอย่างปรากฏขึ้น

ลู่จิ่งเซินกระซิบถามเสียงเบาว่า “มีอะไรเหรอ?”

จิ่งหนิงส่ายหน้าไปมาเบา ๆ “แจ้งตำรวจ แล้วให้ทางโรงพยาบาลตรวจสอบเถอะ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณป้า ต่อให้แจ้งตำรวจไปก็ไม่เป็นไร”

ลู่หลันจือได้ยินดังนั้น ก็ใจหายขึ้นมาทันที

“หนิงหนิง แจ้งตำรวจไม่ได้นะ ฆ่าคนน่ะมันผิดกฎหมาย ถ้าแจ้งตำรวจไปชีวิตของคุณป้าเธอต้องจบแล้วแน่ ๆ”

ถึงแม้ลู่จิ่งเซินจะมีอำนาจล้นฟ้า แต่ถ้าเธอฆ่าคนจริง ๆ เธอก็ไม่อยากให้ลู่จิ่งเซินหรือท่านปู่ท่านย่าทั้งสองคนต้องมาขึ้นศาล แล้วก็รับกรรมแทนเธอ

จิ่งหนิงเอื้อมมือออกไปตบหลังมือเธอเบา ๆ “ไม่ต้องห่วง คนคนนี้คุณไม่ได้ฆ่า”

“หา?”

ลู่หลันจือตกใจมาก แต่ลู่จิ่งเซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหมือนจะเข้าใจความหมายที่จิ่งหนิงพูด

ชายหนุ่มมองไปทางชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่อีกฟาก “ถ้าแจ้งตำรวจพวกคุณคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”

อีกฝ่ายมองหน้ากันไปมา สองคนในนั้นสบตากัน ก่อนจะเห็นแววตาที่ชั่วร้ายของอีกคน

พวกเขาจึงตอบกลับอย่างโกรธ ๆ ว่า “ไม่ได้ เรื่องเกิดขึ้นตรงไหนก็จัดการตรงนั้น จะแจ้งตำรวจทำไม? วันนี้ถ้าพวกคุณไม่จ่ายเงิน พวกคุณก็ต้องทิ้งผู้หญิงคนนั้นไว้ ชีวิตแลกด้วยชีวิต ไม่งั้นใครหน้าไหนก็อย่าคิดว่าจะหนีออกไปได้!”

หลังจากที่เขาพูดจบ นัยน์ตาของลู่จิ่งเซินก็เย็นยะเยือกขึ้นมาทันที

เจ้านายหยูก็กลัวว่าทั้งสองจะสู้กันขึ้นมาจริง ๆ จึงรีบก้าวเข้าไปแทรกกลางวงทันที

“เฮ้ ทุกท่าน ฟังผมพูดสักประโยคก่อน เรื่องนี้ต้องไม่ใช่ความผิดของคุณลู่แน่นอน พวกคุณคงยังไม่รู้ใช่ไหม? เมื่อคืนวานเพื่อนของพวกคุณคนนี้เขาไปสู้กับคนอื่นอยู่ที่หัวถนนนู่น สู้ได้โหดมากทีเดียว เมื่อครู่นี้ผมก็เพิ่งสังเกตเห็น ตรงท้ายทอยของเขามีรอยบวมใหญ่เชียว ผมสงสัยว่าอาจจะมีเลือดคลั่งแล้วก็เข้าไปอุดตันในหลอดเลือดรึเปล่า เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลย พอวันนี้เกิดเรื่องก็เสียชีวิตทันที เรื่องนี้ไม่มีทางเกี่ยวกับคุณลู่แน่ ๆ อีกอย่างคุณลู่ก็เป็นเพียงหญิงสาวบอบบางคนหนึ่ง แค่ผลักครั้งเดียวจะแรงสักแค่ไหนกัน เพื่อนของพวกคุณเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญหมัดมวยของประเทศ T เลยนะ คงไม่โดนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งผลักล้มหรอกใช่ไหม?”

พอพูดจบ สีหน้าอีกฝ่ายยิ่งไม่น่าดูมากกว่าเดิม

“ทำไม? แบบนี้คือหมายความว่าไม่อยากจ่ายเงินใช่ไหม?”

แม้เจ้านายหยูจะขึ้นเหนือล่องใต้อยู่บ่อย ๆ มีความใจกล้าอยู่ไม่น้อย แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นแค่นักธุรกิจอ่อนแอคนหนึ่ง

พออีกฝ่ายเพิ่มความรุนแรงขึ้น เขาก็เริ่มปอดแหก ถอยหลังกลับไปทันที

ขาก็ถอยไปพลาง สีหน้าก็ยิ้มไปพลาง “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่ว่า…..”

“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว! ยังไงถ้าไม่จ่ายด้วยเงิน ก็ต้องจ่ายด้วยชีวิต งั้นพวกคุณเลือกเลย!”

ในที่สุดตอนนี้ลู่จิ่งเซินก็เข้าใจ

จริง ๆ แล้วอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการหาเหตุผลหรือทวงความยุติธรรมให้เพื่อนเลยสักนิด พวกเขาเพียงแค่อยากได้เงินสักก้อนก็เท่านั้น

ในเมื่อต้องการเงิน งั้นเขาไม่รีบร้อนก็แล้วกัน

ลู่จิ่งเซินประคองจิ่งหนิง เข้าไปนั่งบนโซฟาที่ลู่หลันจือเคยนั่ง จากนั้นชายหนุ่มก็เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความสงบนิ่ง

“จะเอาเงินก็ได้ เรียกเถ้าแก่ของพวกคุณออกมา ผมจะคุยกับเถ้าแก่ของพวกคุณเอง”

อีกฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ

คาดไม่ถึงเลยว่า เรื่องเลยมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ลู่จิ่งเซินจะยังคุยอะไรได้อีก

พวกเขาสบตากัน มีสีหน้าประหลาดใจและสับสนเล็กน้อย

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงอันนุ่มนวลลอยเข้ามา

“ใครอยากเจอผมเหรอ?”

ฝูงคนที่มุงอยู่ค่อย ๆ แหวกทางออก ปรากฏเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาจากด้านนอก

กลุ่มชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำก่อนหน้านี้ทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม ก่อนจะก้าวเข้าไปแล้วเรียก “เจ้านาย”

ชายหนุ่มโบกมือไปมา ก่อนจะเหลือบมองไปทางชายหญิงที่นั่งอยู่บนโซฟา จากนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาทันที

“ลู่ ทำไมถึงเป็นนายล่ะ?”

ลู่จิ่งเซินเผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมาเล็กน้อย

“ฮ่าฮ่าฮ่า หายหน้าไปตั้งหลายปี ไม่คิดเลยนะว่าจะได้เจอนายที่นี่ ฉันล่ะดีใจจริง ๆ”

ขณะพูด อีกฝ่ายก็เดินเข้าไปสวมกอดลู่จิ่งเซินด้วย

คนทั้งหมดพากันตกตะลึง ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น

ลู่จิ่งเซินผลักชายหนุ่มออกด้วยความรังเกียจเล็กน้อย ก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “เอาล่ะ ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้เจอนายที่นี่เหมือนกัน จะว่าไปไม่ใช่ว่านายหนีไปทำงานวิจัยวิทยาศาสตร์หรอกเหรอ ทำไมถึงได้มาเปิดบาร์อยู่ที่นี่แทน?”

ลู่จิ่งเซินดูมีความคุ้นเคยกับอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มพร้อมกับตอบว่า “เฮ้อ พูดยากนะ”

ขณะที่พูด เขาก็หันกลับไปมองลูกน้องของตัวเอง แล้วก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น

แม้ว่าในหัวของลูกน้องเขาตอนนี้จะสับสนไปหมด แต่พวกเขาก็ยังเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชายหนุ่มฟังจนจบ

เขาขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเหลือบมองไปทางลู่จิ่งเซิน แล้วก็เบนสายตาไปทางลู่หลันจือ สุดท้ายจึงก้มลงไปมองร่างของผู้ตาย

“ให้นิติเวชมาตรวจดูก่อน ดูสิว่าจริง ๆ แล้วเขาเสียชีวิตได้ยังไง”

สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดี ราวกับคิดอะไรบางอย่างออก

พวกลูกน้องพากันตกใจ จึงรีบปรามเขาไว้ทันที “เถ้าแก่ นี่…….”

“ยังไม่รีบไปอีก!”

ชายหนุ่มตะคอก อีกฝ่ายจึงรีบทำตามคำสั่งทันที “ครับ”

พูดจบ ก็สั่งให้คนยกร่างของชายคนนั้นออกไป

พอคนอื่น ๆ เห็นแบบนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องของวันนี้ไม่มีอะไรน่าดูแล้ว พวกเขาจึงพูดคุยและแยกย้ายกันออกไปสนุกสนานต่อ

บาร์ที่มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นเมื่อครู่ รอยเลือดสดใหม่ก็ยังคงอยู่ ตอนนี้กลับมีเสียงเต้นและเสียงเพลงกลับคืนขึ้นมาดังเดิม ราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

ชายหนุ่มก้าวเข้ามา พร้อมกับส่งยิ้มให้ลู่จิ่งเซิน “ตรงนี้สกปรกแล้ว เราเปลี่ยนที่ใหม่กันไหม?”

ขณะพูด ชายหนุ่มก็พาทุกคนเดินขึ้นไปชั้นสองบนห้องรับรองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบสงบ

คาดไม่ถึงเลยว่า ในสถานที่สกปรกที่เต็มไปด้วยมลพิษอย่างบาร์ใต้ดิน พอขึ้นมาชั้นบนจะมีห้องรับรองแบบ VIPขนาดใหญ่ตั้งอยู่

ภายในห้องมีประตูกับกำแพง ส่วนอีกด้านเป็นสวนลอยฟ้าที่ทำจากกระจกทั้งหมด ให้ความรู้สึกราวกับเป็นสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน

ชายหนุ่มพาทุกคนเดินเข้าไป พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าเพิ่งหัวเราะกันนะ นี่เป็นที่ที่ผมสร้างเอาไว้สำหรับให้ตัวเองพักผ่อนน่ะ ข้างล่างนั่นหนวกหูเกินไป อย่าว่าแต่พวกคุณเลย ผมเองก็ไม่ชอบ ”

หลังจากปิดประตู เสียงทั้งหมดจากด้านนอกก็หายไปทันที ไม่มีเล็ดลอดให้ได้ยินเลยสักนิด

เขายิ้มพร้อมกับแนะนำว่า “เพื่อสร้างที่นี่ ผมต้องเพิ่มผนังกันเสียงกว่าสิบชั้นเลยนะ ตอนนี้รู้สึกเงียบขึ้นรึยัง?”

ทุกคนพากันพยักหน้า

ลู่จิ่งเซินกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันมาทางชายหนุ่ม

“บอกมาสิ! ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่? ฉันจำได้ว่าตอนนั้นนายตามพวกอาจารย์ไปเพื่อทำกลุ่มวิจัยนี่ ทำไมถึงหนีมาอยู่ในที่แบบนี้ได้?”

อีกฝ่ายตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องรีบร้อน พวกนายนั่งกันก่อน เดี๋ยวฉันชงชาให้”

ขณะที่พูด เขาก็พาลู่จิ่งเซินและคนอื่น ๆ เข้าไปนั่งบนโซฟาในสวน ก่อนจะชงชาให้ทุกคนด้วยตัวเอง

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังชงชาอยู่ ลู่หลันจือก็แอบกระซิบถามด้วยความสงสัยว่า “จิ่งเซิน เขาเป็นใครน่ะ? คุณรู้จักเขามาก่อนเหรอ?”

ลู่จิ่งเซินตอบกลับเสียงเรียบ “เขาชื่อ โจวจื่อหมิงเรียนโรงเรียนเดียวกับผม พวกเราเป็นเพื่อนกัน ผมบัญชีส่วนเขาเรียนวิทยาศาสตร์วิจัย ซึ่งเกี่ยวกับการวิจัยการเกิดของสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะ แต่เราก็ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว”

สีหน้าของลู่หลันจือเปลี่ยนไปทันที “วิทยาศาสตร์วิจัย? งั้นก็เป็นอัจฉริยะน่ะสิ ทำไม…..”

ขนาดลู่หลันจือยังรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอัจฉริยะ ส่วนลู่จิ่งเซินยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

พอคิดมาถึงจุดนี้ นัยน์ตาของลู่จิ่งเซินก็ค่อย ๆ ลึกล้ำขึ้นมาทันที

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน