วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 991 ตั้งครรภ์ครั้งเดียวได้คู่แฝด

บทที่ 991 ตั้งครรภ์ครั้งเดียวได้คู่แฝด

พอถึง ณ เวลานี้ โจวจื่อหมิงคนนี้ก็ได้ทำเรื่องให้มันบานปลายได้ถึงขั้นนี้แล้ว แน่นอนว่าลู่หลันจือก็จะโทษอะไรเขาไม่ได้อีก

ฉะนั้นก็เลยทำได้เพียงยิ้มแห้งแล้วโบกมือ

“ช่างมันเถอะๆ ไหนๆคุณก็พูดขนาดนี้แล้ว งั้นฉันก็ใจกว้างพอที่จะให้อภัย ตอนนี้ก็จะไม่ต่อรอง โต้เถียงกับพวกคุณแล้ว ”

“แต่ว่า คุณก็จำเป็นต้องจำไว้นะ ว่าฉันไม่อนุญาตให้คนพวกนั้นออกมาทำเรื่องทุลักทุเลอีก ไม่อย่างงั้นสุดท้ายแล้วฉันจะไม่ยอมปล่อยไว้ง่ายๆแน่”

โจวจื่อหมิงพยักหน้า

“คุณลู่ ได้โปรดไว้ใจได้เลย เรื่องนี้ผมจะควบคุมดูแลให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน จะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอนเด็ดขาด”

ผู้คนที่เห็นเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ลุกขึ้นเตรียมตัวจะจากไป

โจวจื่อหมิงก็ได้หยุดพวกเขาไว้อีกครั้ง

เขาหัวเราะแล้วพูดว่า:“เขาว่ากันว่าเชิญมาเจอกันไม่เท่ากับการเจอโดยความบังเอิญ ผมนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าครั้งนี้จะมาเจอพวกคุณที่เมืองTโดยบังเอิญ ไหนๆ ก็มาแล้ว แล้วผมก็ล่วงล้ำไปก่อน หลังจากนี้ถ้าหากว่าพวกคุณยังจะอยู่เมืองTต่อล่ะก็ เอาเป็นว่าติดต่อผมแล้วกัน ผมสามารถพาพวกคุณไปเที่ยวรอบๆ ได้ อีกอย่างหนึ่งคืออยากขอยกโทษให้ผม สองคือถือว่าทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าถิ่นหน่อย”

ขณะที่พูดอยู่ ก็ได้เอานามบัตรออกมา แจกให้กับพวกเขาคนละใบ

ลู่หลันจือมองดูรอบๆอย่างผ่านๆ พร้อมพูดขึ้นมาว่า:“พวกเรายังต้องอยู่อีกเป็นเวลาสองวัน ถ้ามีอะไรที่จะขอให้ช่วยจะติดต่อกลับไปหาคุณ”

โจวจื่อหมิงพยักหน้ารับเก้อๆ ลู่จิ่งเซินผู้คนเหล่านี้ถึงจะจากไป

พอเดินออกจากบาร์ ลู่จิ่งเซินไม่ได้นั่งรถคันเดียวกันกับลู่หลันจือ

เพราะว่าก่อนหน้านี้ลู่หลันจือได้ขับรถมาเอง แต่ลู่จิ่งเซินพวกเขาคือขับรถอีกคันมา ฉะนั้น หลังจากที่เดินออกมาแล้ว ทุกคนก็ต่างขึ้นไปนั่งของตัวเอง

แต่เจ้านายหยู เพราะไม่ได้กลับทางเดียวกันกับพวกเขา เพราะฉะนั้น หลังจากที่ได้ทักทายพวกเขาแล้ว ก็ได้นั่งรถตัวเองแล้วจากไป

พอหลังจากที่ทุกคนได้กลับกันหมดนั้น ลู่จิ่งเซินกับจิ่งหนิงนั่งอยู่ในรถ

จิ่งหนิงถึงกับอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วพูดว่า:“นึกไม่ถึงจริงๆ ทีแรกนึกว่าการออกมาครั้งนี้ จะผ่านไปอย่างราบรื่นด้วยดี แต่กลับมาพบเจอกับเรื่องอย่างนี้”

ลู่จิ่งเซินก็พยักหน้ารับเนิบๆ “มันค่อนข้างบังเอิญเหมือนกัน”

จิ่งหนิงถามด้วยความสงสัย:“จะว่าไป ความรู้สึกที่โจวจื่อหมิงคนนี้ให้กับผู้คนมันรู้สึกแปลกๆ ทั้งๆที่ฉันรู้สึกได้ถึงมีความชอบธรรมในตัวเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่ทำไมถึงมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้ล่ะ เปิดร้านที่บรรยากาศเลวทรามป่าเถื่อนอย่างนี้ ดูไปก็ดูออกว่าเป็นบาร์ใต้ดินที่ไม่ค่อยเคร่งครัดเท่าไหร่นัก?”ลู่จิ่งเซินมองดูเธออย่างลึกซึ้ง “เขาอาจจะมีความยากลำบากที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หรือเปล่า ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ ตอนที่พวกผมเรียนมหาลัยตอนนั้น ความสัมพันธ์ค่อนข้างดี แต่พอหลังจากที่จบออกมาก็ต่างคนต่างไปทางของตัวเอง ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ฉะนั้นผมก็ไม่ค่อยรู้ว่าหลายปีมานี้เขาเจอกับเรื่องอะไรมาบ้าง”

จิ่งหนิงทำเสียงตอบรับและพยักหน้า

“นั่นมันก็จริงอยู่ แต่ฉันมองว่าเขานั้นมีพรสวรรค์ มาอยู่ในที่แบบนี้ ช่างเสียดายจริงๆ”

ลู่จิ่งเซินจับมือเธอไว้

“เอาน่ะ อย่าไปสะเทือนใจมากกับเรื่องของคนอื่นหน่อยเลย คุณเป็นยังไงบ้าง?เมื่อกี้ทำให้คุณตกใจไหม น้องไม่เป็นไรใช่ไหม?”

จิ่งหนิงพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า:“ฉันไม่เป็นอะไร ยังดีอยู่ ลูกชายคุณเป็นเด็กดีมาก ไม่ได้กวนฉัน ฉะนั้นคุณไว้ใจได้เลย”

ลู่จิ่งเซินพอเห็นเช่นนี้ ถึงจะยิ้มแล้วดึงเธอมากอดไว้ที่อก

พอกลับมาถึงที่พัก ถึงแม้ว่าจิ่งหนิงจะพูดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมาก แต่ลู่จิ่งเซินก็กันไว้ดีกว่าแก้ ก็ได้วิ่งไปหาเชวซู่ขอร้องให้เขามาตรวจดูจิ่งหนิงสักหน่อย

เชวซู่และโม่ไฉ่เวย เพราะเป็นห่วงพวกเขา จึงไม่ได้นอนกันเลย พอรู้ว่าพวกเขากลับมาแล้ว ก็รีบมากันหมด

ณ ตอนนี้ลู่หลันจือได้กลับห้องพักแล้ว ยังไม่ได้ออกมา จิ่งหนิงจึงได้เล่าเรื่องที่เกิดในบาร์ให้พวกเขาฟัง

พอหลังจากที่ทั้งสองคนฟังจบ ก็รู้สึกตกตะลึงกันหมด ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องราวอย่างงี้ขึ้น

โม่ไฉ่เวยถอนหายใจแล้วพูดว่า:“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ก็เกรงว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับพวกคุณ เราไม่คุ้นเคยกับที่นี่ พอถึงตอนนั้นจะทำยังไงกันดี ”

จิ่งหนิงยิ้มหวาน จับมือเธอแล้วปลอบเธอ

“แม่คะ พวกเราไม่เป็นอะไรกันแล้ว คุณแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิดกันแค่นั้นเอง”

ลู่จิ่งเซินก็พยักหน้าตอบกลับ “ใช่ครับ คุณแม่สุขภาพไม่ค่อยดี กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ ทางเราสบายดี ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”

โม่ไฉ่เวยพอเห็นเช่นนี้ ถึงจะพยักหน้าตอบรับ

ในเวลานี้ เชวซู่ก็ได้ตรวจดูร่างกายจิ่งหนิงเสร็จเรียบร้อย

ลู่จิ่งเซินถามด้วยความกังวล:“เป็นยังไงบ้าง?ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

เชวซู่มองดูเขา

สีหน้าค่อนข้างแปลกประหลาด

เขาไม่มองค่อยยังดี พอเขามองไป ลู่จิ่งเซินก็ยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่

“หนิงหนิงเธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

เขาก็ได้ถามอีกรอบ

เชวซู่พยักหน้า “ไม่เป็นอะไร”

พอสักพัก ก็พูดขึ้นมากะทันหันว่า :“พวกคุณโชคดีมาก”

“หืม?”

ทั้งสองคนนิ่งไปสักพัก ไม่เข้าใจที่เขาพูดอย่างนี้มันหมายความว่ายังไง

เชวซู่หัวเราะเบาๆและพูดว่า:“ยินดีกับคุณด้วย ครั้งนี้คุณอาจจะเป็นพ่อของคนสองคนทีเดียวเลย”

ลู่จิ่งเซินตกตะลึงอยู่พักใหญ่ แต่พอไม่นาน ก็ได้ตั้งสติขึ้นมาได้

“นี่คุณ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ?พ่อของคนสองคนคือหมายถึงอะไร?”

ถึงแม้ว่าในใจนั้นมีคำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ไม่กล้าเชื่อสักเท่าไหร่

เชวซู่ได้พูดว่า:“ความหมายก็คือภรรยาของคุณได้ตั้งครรภ์เป็นลูกแฝด ไม่ชัดเจนว่าเป็นลูกชายหรือลูกสาว แต่รับรองได้ว่าเป็นลูกแฝดแน่ๆ”

ลู่จิ่งเซินมีความสุขมากเมื่อพูดเช่นนี้

กอดจิ่งหนิงอย่างแน่นหนาแล้วได้หอมเธออย่างแรง

โม่ไฉ่เวยและเชวซู่รู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งนี้ หลังจากพูดคุยกับพวกเขา พวกเขาหันหลังเดินจากไปและกลับไปที่ห้องของพวกเขา

จิ่งหนิงกลับยังไม่โต้ตอบอะไร

จนกระทั่งพวกเขาได้เดินจากไป สมองของเธอก็ยังมึนงงอยู่ และคำพูดเชวซู่เมื่อตะกี้ก็ยังดังก้องอยู่ในหัวสมองของเธอ

ลู่จิ่งเซินเห็นท่าทางของเธอที่งุนงงอยู่ ยิ้มและหยิกแก้มของเธอ

“หนิงหนิง คุณกำลังคิดอะไรอยู่?ดีใจมากเหมือนกันใช่ไหม?”

จิ่งหนิงเงยหน้าขึ้นและจ้องมองเขา

ณ ตอนนี้ เธอค่อยตั้งสติขึ้นมาได้ และใบหน้าของเธอก็ดูเคร่งขรึม

“ฉันดีใจอะไร?สองคนเลยนะ!ที่บ้านก็มีแล้วสองคน,แล้วยังจะมาอีกสองคน……”

ไม่จำเป็นต้องพูดถึง เธอก็สามารถนึกได้เลยว่าชีวิตในอนาคตข้างหน้าของเธอนั้นจะต้องทรมารแค่ไหน

ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบเด็ก แต่คุณลองนึกสภาพที่มีลูกสี่คนที่บ้านออกได้ไหม?

ไม่ว่าจะมีคนรับใช้สักกี่คน พอเวลาที่เด็กๆ ต้องการแม่ขึ้นมา เธอก็จะไม่มีเวลาและวุ่นวายมากเกินไป

ลู่จิ่งเซินรับรู้ถึงความกังวลของเธอ ยิ้มพร้อมกับโอบกอดเธอและดึงเข้ามาตรงหน้าอก

“ไม่ต้องกังวล หลังจากนี้ผมจะช่วยคุณเอง ไม่ให้พวกเขามากวนคุณ หนิงหนิง นี่เป็นลูกของเรา และเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักของเรา ผมดีใจมากจริงๆ”

ที่จริงในใจของจิ่งหนิงก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจเลย

ท้ายที่สุด ก็ไม่มีแม่คนใดที่ไม่มีความสุขเพราะเธอตั้งครรภ์เป็นลูกแฝด

ครั้งเดียวได้รางวัลใหญ่ตั้งสองรางวัล เป็นใครจะไม่รู้สึกโชคดีล่ะ?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอก็อดยิ้มไม่ได้

ได้เอาศีรษะพิงไว้ที่อกของลู่จิ่งเซิน พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า:“คุณว่า พวกเขาจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงหรือ?”

ลู่จิ่งเซินกระซิบเบาๆ:“ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ผมก็ชอบหมด”

จิ่งหนิงขมวดคิ้วและเหลือบมองเขา

“ฉันหวังว่าเป็นเด็กผู้หญิง”

เธอยิ้มและพูดว่า:“เด็กผู้หญิงมันช่างแสนดีเหลือเกิน หวานแหววเหมือนอานอานเลย”

ลู่จิ่งเซินหัวเราะเบาๆ “ชายหญิงก็ดีหมด ถ้าหากเป็นเด็กผู้หญิง ก็จะเป็นคุณหนูของตระกูลลู่ ถ้าหากเป็นเด็กผู้ชาย เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็สามารถมาช่วยผมปกป้องคุณได้ ก็ดีเหมือนกันนิ?”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท