วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 995 นั้นมันไม่ใช่โรค

บทที่ 995 นั้นมันไม่ใช่โรค

ท้ายที่สุด เขาไม่ใช่คนที่เข้มงวดแข็งทื่อขนาดนั้น ถึงหนานกงจิ่นจะชี้ทางให้เขาแล้ว แต่ถ้ามีทางเลือกอื่นให้เดิน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยึดติดกับทางเลือกนั้นอย่างเดียว และไม่ปล่อยให้คนอื่นมาเดินจูงจมูกหรอก

ก่อนหน้านี้ เขาเคยคิดที่จะขอให้เชวซู่มารักษาเฉียวฉี

แต่ประการแรก แพทย์ที่เขาจ้างมาไม่ได้แย่ไปกว่าทักษะทางการแพทย์ของเชวซู่เลย ประการที่สองเชวซู่ยังเป็นคนแปลกหน้าแล้วยังอาศัยอยู่ในทะเลทรายตลอดทั้งปีอีกด้วย

เขาเพียงแค่เคยได้ยินชื่อเสียงของเชวซู่เท่านั้น แต่ไม่เคยพบตัวจริงของเขาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมิตรภาพอื่นๆเลย

แค่เพียงจะหาเขายังไงให้เจอ ก็เป็นเรื่องที่ยากแล้ว แล้วที่ยิ่งอยากขึ้นไปอีกคือการขอความช่วยเหลือจากเขา

แต่ตอนนี้ เนื่องจากเขาเป็นพ่อเลี้ยงของจิ่งหนิง มันจึงแตกต่างออกไป

ดังนั้นเมื่อเขาเห็น เชวซู่ที่ทางเข้าโรงละครเป็นครั้งแรกในวันนี้ เขาก็ได้มีความคิดนี้แล้ว

แต่เพียงเพราะว่าพึ่งเจอหน้ากันครั้งแรก จึงไม่กล้าเอ่ยปากออกมาตรงๆเท่านั้นเอง ในใจคือคิดไว้ว่า รอหลังจากที่กลับมาแล้ว ค่อยพูดกับจิ่งหนิงพวกเขา ให้พวกเขาช่วยสอบถามให้หน่อย

ไม่คาดคิดว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก จิ่งหนิงพวกเขาก็ได้โทรมาก่อนแล้ว

ในใจกู้ซือเฉียนรู้สึกถึงความอบอุ่นใจขึ้นมา นึกคิดอยู่ว่าลูกศิษย์คนนี้ไม่ได้สูญเปล่าที่ได้สอนจริงๆ พอถึงช่วงเวลาที่สำคัญก็ยังคงนึกถึงอาจารย์อยู่

กู้ซือเฉียนไม่ลังเลและเห็นด้วยกับข้อเสนอของจิ่งหนิง

ฉะนั้นแล้ว หลังจากที่จิ่งหนิงได้วางสาย ก็ได้ไปหาโม่ไฉ่เวยและเชวซู่ที่อยู่ห้องพักข้างๆ

พอหลังจากที่โม่ไฉ่เวยรู้จุดประสงค์ที่เธอมาหาแล้ว ก็ได้พูดกับเชวซู่ว่า:“อะซู่ ฉันว่าคุณเฉียวดูเป็นคนดีนะ ฉันชอบเธอมาก คุณก็ไปช่วยดูเธอหน่อยเถอะ”

เชวซู่ยังคงมีใบหน้าที่เย็นชา แต่สิ่งที่เขาพูดออกจากปากนั้น กลับอบอุ่นไม่มีที่ติ

“ได้ พรุ่งนี้ผมจะไปดูเธอหน่อย”

โม่ไฉ่เวยหันกลับมาแล้วจ้องมองจิ่งหนิง“คุณอาเชวของเธอตอบตกลงแล้ว เธอมีหน้าที่นัดคุณเฉียวในวันพรุ่งนี้ แล้วพอถึงเวลาเราจะพบกันอีก”

จิ่งหนิงพยักหน้าอย่างดีอกดีใจ และได้บอกกล่าวราตรีสวัสดิ์กับพวกเขา จึงจะจากไป

วันรุ่งขึ้น เฉียวฉีได้นัดพบกับพวกเขา และพบกันที่ห้องพักในโรงแรมของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม สำหรับโรคนี้ในร่างกายของเฉียวฉีแล้ว มีพวกเครื่องมือเหล่านั้นก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้น เชวซู่จึงต้องดูด้วยตัวเองถึงจะรู้

และพวกเขานั้นเป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือ แน่นอนว่าจะให้เชวซู่เดินทางมาไกลก็ไม่ดีเท่าไหร่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะมาหาเขาเลย

จิ่งหนิงเดินลงไปรับพวกเขา แล้วได้พาเชวซู่และโม่ไฉ่เวยพวกเขามาที่ห้องพัก ทุกคนนั่งอยู่บนโซฟานั้น แต่เชวซู่และเฉียวฉีกลับนั่งอยู่สองข้างของโต๊ะข้างๆ

เชวซู่ตรวจชีพจรของเธอก่อน จากนั้นจึงตรวจดูจุดต่างๆ ในร่างกายของเธอ เช่น หลังใบหูและเล็บเป็นต้น

จิ่งหนิงดูอยู่ข้างๆด้วยความใหม่

เธอถามโม่ไฉ่เวยด้วยเสียงเบาๆว่า“แม่คะ โรคของเฉียวฉีดูเหมือนจะเป็นโรคที่รุนแรง คุณอาเชวเพียงแค่ดูอย่างนี้ดูแล้วดูอีก สามารถดูอะไรออกเหรอคะ?”

โม่ไฉ่เวยหัวเราะเบาๆและพูดว่า:“ที่เรียกว่าการสังเกตการฟังการถาม แค่เพียงคำว่าการสังเกตก็ไม่ง่ายแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าคุณเฉียวนั้นมีโรคอะไร และไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการแพทย์ด้วย แต่ฉันรู้ ว่าถ้าหากอวัยวะของคนคนหนึ่งเกิดมีปัญหาขึ้นมาจริง รูปลักษณ์ของเธอจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกัน แม้ว่าจะเป็นเพียงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่จะพบได้อย่างแน่นอนหากดูอย่างละเอียด”

จิ่งหนิงเข้าใจแล้วพร้อมกับพยักหน้า

“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง”

พอผ่านไปได้สักพัก เชวซู่ก็ได้ตรวจเสร็จเรียบร้อย

กู้ซือเฉียนรีบเดินไปหาและถามด้วยความกังวลว่า:“เป็นยังไงบ้าง?ดูออกไหมว่ามันคืออะไร?”

เชวซู่หันกลับไปมองเธอและถามด้วยเสียงหนักหน่วงว่า:“เธอเป็นคนในตระกูลหนานหรือ?”

ทุกคนต่างตกใจ

โม่ไฉ่เวยไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ดังนั้น จึงยังคงสงสัยอยู่บ้าง

“ตระกูลหนาน?มันคืออะไรกัน?”

แต่ว่าจิ่งหนิงและลู่จิ่งเซิน รวมไปถึงกู้ซือเฉียนทั้งสามคนรู้ ไม่เพียงแต่รู้ และยังเข้าใจว่าเฉียวฉีนั้นเป็นคนของตระกูลนั้นจริงๆ

ณ ตอนนี้ความหวังริบหรี่ก็ได้จุดประกายในใจของกู้ซือเฉียน

เขาไม่ได้ปิดบัง พยักหน้าตอบ“ใช่”

เชวซู่สีหน้าเย็นชาและพูดว่า:“ผมรักษาโรคนี้ไม่ได้”

“อะไรนะ?แม้แต่คุณก็รักษาไม่ได้?”

บางทีอาจเป็นเพราะเขามั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของ เชวซู่มากเกินไป ในจิตใต้สำนึกของโม่ไฉ่เวยนั้น นอกจากความตายก็ไม่มีโรคอะไรที่เขารักษาไม่ได้

คาดไม่ถึงว่ามาจะมาเจอที่นี่

เพราะเฉียวฉีเป็นเพื่อนของจิ่งหนิง บวกกับ เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีมารยาทดีและอ่อนโยน เธอชอบเฉียวฉีด้วยใจจริง

ฉะนั้น จึงได้ถามว่า:“อะซู่ โรคของเธอร้ายแรงมากไหม?ทำไมถึงรักษาไม่หาย?เป็นเพราะขาดยาอะไรหรือจุดไหนเสียหายหรือ?”

เชวซู่ยิ้มเย็นชา“ถ้าหากจุดไหนเสียหายจริงๆ งั้นก็เป็นเรื่องที่ง่ายเลย เสียหายที่จุดไหนก็ซ่อมแซมจุดนั้นก็พอ แต่น่าเสียดาย เธอไม่ได้เสียหายที่ไหนสักแห่ง แต่เป็นเสียหายทั้งร่างกาย จากเลือดไปสู่เนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ ตราบใดที่ร่างกายของเธอมียีนของบุคคลนั้นและมีเซลล์ที่เป็นของตระกูลหนาน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากอันตราย”

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

สีหน้าของกู้ซือเฉียนนั้นดูแย่มาก สีหน้าของเฉียวฉีก็ซีดจางเช่นกัน

จิ่งหนิงตบไหล่พร้อมกับปลอบใจเธอ มองไปทางเชวซู่และถามว่า:“คุณอาเชว คุณสามารถอธิบายโรคนี้ได้ละเอียดชัดเจนขนาดนี้ งั้นก็แสดงว่าคุณได้ศึกษาวิจัยมาก่อนแล้วใช่ไหม?แล้วหาวิธีรักษาไม่เจอเลยหรือ?”

เชวซู่ยิ้มอย่างเย็นชา:“วิธี?โรคนี้ไม่มีวิธีรักษา เพราะว่ารากฐานของมันไม่ถือว่าเป็นโรคเลย เว้นแต่เลือดของเธอจะหมดตัว นำเนื้อลอกออกให้หมด และแม้กระทั่งกระดูกก็ถูกกำจัด โรคนี้ถึงจะหายไปได้”

สีหน้าของทุกคนอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไปอีกครั้ง

เฉียวฉีขมวดคิ้ว

“ทำไมละ?คุณหมอเชว คุณพูดให้ชัดเจนหน่อยได้ไหม?”

เชวซู่เหลือบมองที่เธอ

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จิ่งหนิงรู้สึก ตั้งแต่ที่เชวซู่รู้ว่าเฉียวฉีเป็นคนของตระกูลหนานแล้ว ทัศนคติของเขาที่มีต่อเธอ ก็เปลี่ยนแปลงไป

ดูเหมือนว่าจากตอนแรกที่ดูมีสุภาพอ่อนโยน กลายมาเป็นเห็นต่างและขัดกับเขาหมด แล้วยังแฝงความเกลียดชังเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าเธอไม่รู้ว่าความเกลียดชังนี้มาจากไหน แต่เธอเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง ว่าไม่มีผิดแน่นอน

เห็นเพียงแต่เชวซู่ยิ้มอย่างเย็นยะเยือกและพูดว่า:“นี้มันไม่ใช่โรค แต่เป็นเซลล์กลายพันธุ์ชนิดหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในร่างกายและถ่ายทอดมาโดยทางกรรมพันธุ์ เซลล์กลายพันธุ์นี้มันแฝงที่ร่างกายคุณมาแต่เกิด พอถึงเวลาใดเวลาหนึ่ง มันก็จะใหญ่ขึ้นทันที และกลืนกินเซลล์อื่นๆ ในร่างกายของคุณ ฉะนั้นแล้วอวัยวะของคุณจะล้มเหลวอย่างรวดเร็ว และคุณจะแก่และตายอย่างรวดเร็วภายในครึ่งชั่วโมงอย่างเร็วที่สุด”

ใบหน้าของเฉียวฉีนั้นซีดลงทันที

สิ่งที่เขาพูดเหมือนกับที่หนานมู่หรงพูดก่อนหน้านี้ทุกประการ

กู้ซือเฉียนตระหนักในเรื่องนี้และเดินไปข้างหน้าและรีบถามว่า:“แล้วไม่สามารถใช้วิธีการอะไร ที่จะฆ่าเซลล์พวกนั้นให้ตายได้หรือ?ก็เหมือนกับตอนนี้ที่มีต่อต้านสำหรับเซลล์มะเร็งบางชนิดอย่างนั้น”

เชวซู่ยิ้มอย่างเย็นชา

“ฆ่าตาย?ฆ่ายังไง?เซลล์ที่อยู่ในร่างกายของเธอนั้นไม่ได้มีอยู่เพียงที่เดียว แต่มันอยู่ในทั่วร่างกายของเธอ มีทั้งในเลือดของเธอ หรือแม้กระทั่งในเส้นผมก็มีหมด สามารถพูดได้ว่า ความสัมพันธ์ของเธอและเซลล์นี้นั้นเป็นการพึ่งพาอาศัยกัน ถ้าตายก็ต้องตายพร้อมกัน คุณจะฆ่าเธอพร้อมด้วยเลยหรือ?”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน