วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1003 จิ้งจอกเจ้าเล่ห์

บทที่ 1003 จิ้งจอกเจ้าเล่ห์

ถึงหนานกงจิ่นจะอธิบายแบบนี้ หนานมู่หรงก็ยังรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อ

สุดท้ายแล้ว ของอย่างพวกชี่กงที่เคยได้ยินแต่ในหนังสือโบราณ มันกลายเป็นเรื่องจริงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

เขามองไปที่หนานกงจิ่นแล้วกลืนน้ำลาย

ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น: “ที่คุณเพิ่งพูดไป เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ? จริง ๆ แล้วคุณคือ…”

หนานกงจิ่นมองไปที่เขาอย่างเรียบเฉย

มีแค่เพียงสายตาแบบนี้ หนานมู่หรงก็ไม่มีคำถามอะไรอีกแล้ว

เขาไม่รู้หนานกงจิ่นคือหนานจิ่นในเวลานั้นจริง ๆ หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นเขามีชีวิตมาอย่างไรได้ตั้งหลายปีและยังดูหนุ่มได้ขนาดนี้

และไม่รู้ว่าตอนนี้เขาคิดจะทำอะไรกันแน่

เห็นได้ชัดว่าหนานกงจิ่นเองก็ไม่ต้องการให้เขารู้เรื่องนั้น

เขาพูดเสียงขรึม: “วันนี้ผมเรียกคุณมาและแสดงตัวกับคุณก็เพราะผมเชื่อใจคุณ ยิ่งกว่านั้นยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องจะมอบหมายให้คุณ เรื่องนี้มีเพียงคุณเท่านั้น ผมถึงจะวางใจได้ คุณเข้าใจรึเปล่า?”

หนานมู่หรงพยักหน้าเหมือนเครื่องจักร

“เชิญคุณพูด”

“พวกกู้ซือเฉียนกำลังตามหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ แต่ผมไม่เชื่อใจพวกเขา ดังนั้นคุณจะต้องตามติดพวกเขา เมื่อเขาหามันเจอ คุณก็นำมันมาให้ผม รอจนถึงพวกเขาหาได้จนถึงชิ้นสุดท้าย คุณจะต้องบอกให้พวกเรารู้ล่วงหน้าและขโมยชิ้นส่วนสุดท้ายไป คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม?”

หนานมู่หรงตกใจอย่างรุนแรง

มองไปที่พวกเขาด้วยสายตาไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าเดิม

เขาแทบจะร้องตะโกนออกมา: “จะเป็นไปได้ยังไง?”

เพียงได้ยินเขาพูดแบบนี้ ผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

หนานมู่หรงรู้ตัวว่าตนเองลืมตัวไปจึงได้รีบพูดแก้ตัว: “ผมหมายความว่า ระ…เรื่องนี้มันยากเกินไป ใคร ๆ ก็รู้ว่าผมเป็นคนของตระกูลหนาน และก็เป็นคุณและเขาที่ทำข้อตกลงกันในครั้งนี้ ถ้าผมไป เขาจะต้องสงสัยในตัวผมอยู่แล้ว เขาไม่มีทางเชื่อว่าผมจะปกป้องเขา แล้วผมจะไปขโมยของออกมาได้ยังไงกันครับ?”

หนานกงจิ่นยิ้มและพูด: “คุณวางใจ ขอเพียงคุณไปที่นั่น ถึงเวลานั้น ผมจะช่วยคุณเอง และคุณจะหาทางขโมยของสิ่งนั้นมาได้เอง”

ครั้งนี้ในน้ำเสียงของอีกฝ่ายมีท่าทีไม่พอใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

หนานมู่หรงชะงักงันและไม่รู้จะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง

ในใจของเขาอยากจะบอกว่าอีกฝ่ายต้องการเพียงแค่ยาเท่านั้น ในเมื่อพวกเรามี นั่นก็เป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม ก็แค่เอายาให้พวกเขาไปก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ?

ทำไมจะต้องทำหลอกลวงคนอื่นแบบนี้ด้วย?

แต่จะให้พูดแบบนี้ออกไปเขาเองก็ไม่กล้า

ที่สุดแล้วต่อให้เขาพูดออกไป เกรงว่าผู้ชายสองคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา ก็คงจะไม่มีใครรับฟัง

ไม่เพียงเท่านั้น มีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะต้องโดนลงโทษหนักด้วย

ดังนั้น เขาจึงได้แต่ก้มหน้าและแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างเงียบ ๆ

หนานกงจิ่นไม่รีบร้อนอะไรและจิบชาอึกหนึ่งแล้วจึงพูดอย่างเรียบเฉย: “หากคุณรู้สึกว่าการที่ผมทำแบบนี้มันน่ารังเกียจมาก แต่คุณควรจะรู้ไว้ว่าบนโลกนี้ มีเพียงผู้ที่เหมาะสมเท่านั้นที่จะอยู่รอด ในตอนนั้นพ่อของเฉียวฉีทรยศผม ผมไม่ได้ตามไล่ล่าเธอ นั่นก็ถือว่าเมตตามากพอแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยให้เธอมีชีวิตต่อไป ยานั่น ไม่ใช่บอกว่ามีก็จะมีได้ ผมให้เธอไป พวกคุณก็จะมีมันน้อยลง ผมไม่สามารถจะให้คนของผมมีอายุน้อยลงแม้เพียงสักสองสามปีเพราะคนทรยศ คุณเข้าใจไหม?”

หนานมู่หรงไม่กล้าพูดอะไรอีกเลยทำได้เพียงแต่พยักหน้า

หนานกงจิ่นจึงได้พูดขึ้นด้วยความพึงพอใจ: “ดีแล้ว เอาของมาให้ได้”

เขายื่นมือออกไป

หนานมู่หรงลังเลเล็กน้อย

หากเป็นเมื่อครู่เขาคงจะหยิบเอาของออกมาให้พวกเขาอย่างไม่ลังเลเลยแม้เพียงเล็กน้อย

แต่ในตอนนี้ เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดในใจกลับไม่เต็มใจอย่างบอกไม่ถูก

เขารู้ว่าตนเองไม่ใช่คนมีคุณธรรม และไม่เคยมีคุณสมบัติของคนที่มีคุณธรรม

ปกติแล้วก็ทำเรื่องแย่ ๆ มากับกู้ซือเฉียนมาไม่น้อย แต่ครั้งนี้กลับต้องหลอกลวงเพื่อน เขารู้สึกว่าทำไม่ลง

หนานกงยวู่เห็นเขาไม่ขยับจึงมีสีหน้าเคร่งขรึมและพูดด้วยความโกรธ: “มัวอึ้งอะไรอยู่อีก? ทำแกเอาของออกมา แกก็เอาออกมาสิ! หรือว่าแกก็คิดจะหักหลังตระกูล?”

เขาเป็นหัวหน้าตระกูลมานานมากแล้ว ถึงแม้จะเป็นเพียงตัวแทนและเป็นแค่ตัวปลอม แต่เมื่อพูดคำพูดนี้ออกไปก็ยังมีบารมี

หนานมู่หรงหมดหนทาง สุดท้ายจึงต้องนำสิ่งนั้นออกมา

เมื่อเขานำกล่องไม้ออกมา คนที่อยู่โดยรอบต่างตาลุกวาว

หนานกงจิ่นรับไปแทบจะในทันทีและเปิดกล่องนั้น

เห็นหยกขาวชิ้นหนึ่งอย่างที่คาดไว้ หากไม่ใช่แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์แล้วจะเป็นอะไรได้?

เขาพยักหน้า ยิ้มและพูด: “มันนี่แหละ! มันนี่แหละ!”

หนานกงยวู่เองก็มองไปที่แผ่นหยกนั้นแล้วยิ้มและพูด: “ยินดีด้วยครับนายท่าน ได้มาอีกชิ้นแล้ว”

มีความปีติอยู่เต็มใบหน้าหนานกงจิ่น จนทำให้ความโกรธของหนานมู่หรงนั้นมลายหายไป

เขามองไปที่หนานมู่หรงและพูดอย่างเรียบเฉย: “ครั้งนี้คุณทำได้ดีมาก ครั้งหน้าก็ทำให้เหมือนครั้งนี้ล่ะ เข้าใจไหม?”

หนานมู่หรงมีสีหน้าไม่สู้ดีนักและก้มหน้าก้มตาพูดขึ้นด้วยความกังวล: “เข้าใจแล้วครับ”

หนานกงจิ่นไม่สนใจในท่าทีของเขาและเอาแต่มองดูหยกชิ้นนั้น

อย่างไรก็ตาม คราวนี้มีบางอย่างผิดปกติ

เขาขมวดคิ้วและหยิบหยกชิ้นนั้นขึ้นมาดูซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายสีหน้าก็เคร่งขรึม “โครม” เขาโยนหยกนั้นลงบนโต๊ะ

และเห็นหยกใสซึ่งแตกออกเป็นสองซีกในคราวเดียว

หนานกงยวู่หน้าเสียด้วยความตกใจ

“นายท่าน! นี่คุณ…”

หนานมู่หรงก็ตกใจเช่นกัน

เพียงเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของหนานกงจิ่นมองไปที่หยกที่ตกแตกนั่นแล้วพูดเสียงเข้ม: “นี่มันของปลอม!”

“หา?”

ทั้งสองคนต่างประหลาดใจ แต่ที่ต่างกันก็คือหนานกงยวู่นั้นประหลาดใจจริง ๆ แต่หนานมู่หรงนั้นนอกจากจะประหลาดใจแล้ว อันที่จริงเขาแอบรู้สึกยินดี

ปลอม? จะเป็นไปได้ยังไง?

หรือว่ากู้ซือเฉียนจะรู้อยู่แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับหนานกงจิ่น?

และใช่ กู้ซือเฉียนเจ้าจิ้งจอกนั่น หลายปีมานี้ เขาไม่เคยต้องขาดทุนให้กับใครเลย

และเขาอาจจะรู้สึกได้นานแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับหนานกงจิ่น ดังนั้นจึงจงใจยั้งมือรอเขา

เมื่อคิดแบบนี้ ทันใดนั้นหนานมู่หรงก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง

หนานกงยวู่ในเวลานี้ตกใจจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว

ครู่หนึ่งจึงได้พูดอึกอักขึ้น: “นะ…นี่ทำไมถึงเป็นของปลอมได้? กู้ซือเฉียนเขา…”

“กล้าเล่นงานฉัน! เอาหยกปลอมมาหลอกฉันได้ หี ๆ…”

ใบหน้าที่อ่อนโยนและหล่อเหลาของหนานกงจิ่น ทันใดนั้นก็บิดเบี้ยว

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เอง เสียงของบุคคลที่สี่ก็ดังขึ้นในห้อง

“เมื่อครู่คุณหนานก็คิดจะเล่นงานผมไม่ใช่เหรอครับ? พวกเราหายกัน ทำไมจะต้องโมโหถึงขนาดนี้ด้วย?”

เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมา ก็เหมือนกับเสียงฟ้าร้องระเบิดดังขึ้นภายในห้องนั้น

ทั้งสามคนในห้องต่างประหลาดใจ หนานมู่หรงนั้นรู้สึกยิ่งกว่าหัวของเขากำลังจะระเบิด แต่หลังของเขาชาไปหมด

แต่สุดท้ายเขาก็มีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็วและจ้องไปที่กล่องไม้บนโต๊ะอย่างไว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท