วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 997 ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์

บทที่ 997 ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์

พอผ่านไปสักพัก ค่อยเห็นเขาเอายาวางลง

“ของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่หนานกงจิ่นให้คุณหรือ?”

เฉียวฉีพยักหน้า

“เขาบอกว่าของสิ่งนี้มีเพียงแค่ตระกูลหนานของพวกเขาเท่านั้นที่จะมี ก่อนหน้านี้พวกเราก็ได้เอาให้หมอคนอื่นๆ ที่ฝีมือดีระดับหนึ่งดูแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถวิเคราะห์ส่วนผสมข้างในได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องก๊อบปี้ออกมา”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวฉีขมวดคิ้วพร้อมกับมีความเศร้าโศกมาด้วย

เชวซู่พยักหน้า “พวกเขาก๊อบปี้ออกมาไม่ได้ เพราะว่านี่มันไม่ใช่ยาแต่แรก แต่เป็นผลของพืชที่เรียกว่าต้นเงินทอง!”

พอคำพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างตกตะลึงกันหมด

“ต้นเงินทอง?นั้นมันคืออะไร?”

เชวซู่พูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า:“มันเป็นวัชพืชมีพิษที่พบได้ยากชนิดหนึ่ง เขาลือกันว่ามันมักพบในที่ที่เย็นหนาวและแห้งแล้ง ส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้กับสุสาน แต่ผมแค่เคยเห็นแต่ในหนังสือและสื่อต่างๆ และไม่เคยเห็นมันจริงๆ ”

สีหน้าของจิ่งหนิงได้เปลี่ยนไป

“แล้วไม่มีขายอยู่ที่ตลาดหรือ?”

เชวซู่เหลือบมองเธอ ยิ้มอย่างเย็นยะเยือก“ขาย?ถ้าวันนี้ผมไม่เห็นสิ่งนี้ ผมคงคิดว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้ว ใครจะขายมัน?”

จิ่งหนิงตกตะลึง

กู้ซือเฉียนพูดอย่างเคร่งขรึม:“ถ้าหากหนานกงจิ่นสามารถเอาสิ่งนี้ออกมาได้ งั้นก็หมายความว่าเขามีมันอยู่ที่นั่น อย่างมากสุดผมก็แค่พาพวกฆ่าเข้าไปแล้วแย่งออกมาสองสามต้น”

เชวซู่พยักหน้า

“ไม่มีประโยชน์หรอก มันยุ่งยากมากที่จะปลูกสิ่งนี้ มันจะต้องอยู่ที่เดิมที่มันเติบโตมา ถ้าทิ้งดินเดิมมา มันจะเหี่ยวเฉาทันที ต่อให้คุณเอามันได้แล้วก็ไม่มีค่าอะไร”

คำพูดของเชวซู่ทำให้ทุกคนเงียบลง

เฉียวฉีเม้มริมฝีปากพร้อมฝืนยิ้ม

“ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว งั้นก็ปล่อยมันเถอะ”

กู้ซือเฉียนขมวดคิ้วอย่างเคร่งขรึมทันที

หลังจากที่เชวซู่พูดจบ ก็เดินจากไปพร้อมกับโม่ไฉ่เวย

ในห้องพักก็เงียบลงทันที แต่ละคนต่างนั่งอยู่กับที่ของตัวเอง ไม่พูดไม่จาอะไร

หลังจากนั้นไม่นาน ลู่จิ่งเซินก็ได้ทำลายความเงียบนี้

“ถึงแม้ว่าคุณอาเชวจะพูดอย่างนี้ แต่พวกคุณก็อย่าท้อแท้ ยังโชคดีที่ตอนนี้หนานกงจิ่นยังยอมทำข้อตกลงกับพวกคุณอยู่ พอถึงเวลาแล้วก็รวบรวมแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ทั้งหมด ถ้างั้นพวกเราก็ไม่แลกกับยาแล้ว แต่จะแลกเป็นต้นเงินทองสองสามต้นแทน เชื่อว่าเขาก็ไม่อาจปฏิเสธหรอก”

จิ่งหนิงพยักหน้า

“จุดประสงค์หลักของพวกก็ยังเป็นแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ ไม่ว่าเฉียวฉีจะยังมีชีวิตอยู่หรือตายจากไปแล้ว ก็ไม่สำคัญสำหรับเขา ฉะนั้นพวกคุณก็ไม่ต้องเป็นห่วงมากจนเกินไป”

กู้ซือเฉียนเหลือบมองเธอ ไม่ได้พูดอะไร

เฉียวฉีกลับหัวเราะ

“ฉันรู้แล้ว พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ก็ทำตามที่พวกคุณบอก ฉันก็ไม่เห็นใครจากตระกูลหนานและผู้ที่อายุเยอะได้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ฉันเชื่อว่าเพียงแค่เราได้ต้นเงินทองมา ก็จะไม่เป็นอะไรแน่นอน ”

ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย

ท้ายที่สุด ถึงจะต่างคนต่างแยกย้ายกันไป

พอหลังจากที่กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีได้จากไป จิ่งหนิงก็ถามด้วยความกังวลว่า:“ลู่จิ่งเซิน ฉันมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในเรื่องนี้”

ลู่จิ่งเซินได้พาเธอไปนั่งที่เตียงนอน และช่วยนวดขาของเธอที่เดินไปเดินมาทั้งวัน

“ผิดปกติยังไง?”

“คุณว่าวัชพืชที่พบได้ยากเช่นนี้ ทำไมถึงมีแต่หนานกงจิ่นเท่านั้นที่มี?แล้วแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์อีก ทั้งคุณและฉันก็รู้ สิ่งที่เรียกว่าตายแล้วเกิดใหม่นั้น มันเป็นเพียงเรื่องโกหกทั้งนั้น ฉันดูว่าหนานกงจิ่นคนนั้นไม่เหมือนคนโง่ เขาเชื่อเรื่องพวกนี้ได้ยังไง?ถึงขนาดยึดติดกับมันและต้องหามันให้เจอ?”

ลู่จิ่งเซินเงียบไปครู่หนึ่งและพูดอย่างเงียบ ๆ:“ นี่อาจเป็นความเห็นแก่ตัวและความโลภของมนุษย์!”

เขาหยุดและพูดว่า:“คนคนหนึ่งยิ่งมีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหวังว่าจะมีเยอะยิ่งกว่าเดิม แต่เมื่อความมั่งคั่งและเงินทองไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้ เขาก็จะหาวิธีลงมือทำในด้านอื่น อย่างเช่นช่วงชีวิต และปาฏิหาริย์เป็นต้น”

พอพูดถึงตรงนี้ เขาก็ยิ้มอยางเย็นชา

“แท้จริงแล้วนั่นเป็นเพียงการหลอกตัวเองเท่านั้น หนานกงจิ่นไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าพวกนั้นเป็นเพียงของปลอม เพียงแต่ว่า ถึงจะมีความแค่หนึ่งในพันล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากมันเป็นความจริงล่ะ?เขาไม่อยากปล่อยข้ามไปกับความหวังอันน้อยนิดนี้ ดังนั้นเขาจะขยายมันออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในหัวใจลึกๆของเขา จากนั้นเชื่อมั่นว่ามันเป็นเรื่องจริงแล้วพยายามหนักเพื่อตามหามัน ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงแค่หาความศรัทธาให้กับตัวเองเท่านั้นเอง”

จิ่งหนิงผงะและหัวเราะ“แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับความศรัทธาล่ะ?”

ลู่จิ่งเซินพูดอย่างเฉยเมยว่า:“คุณไม่เข้าใจมันใช่ไหมล่ะ?คนคนหนึ่งใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ก็ต้องเชื่ออะไรสักอย่าง และไล่ตามบางสิ่งบางอย่างเพื่อที่จะมีชีวิตที่ดี โดยเฉพาะคนอย่างหนานกงจิ่นที่ฉลาดและมั่นใจในตัวเองนั้น เขาควบคุมตระกูลหนาน และตระกูลหนานกลับควบคุมทรัพย์สินอย่างน้อยหนึ่งในสามของโลกนี้ ซึ่งหมายความว่า เขาควบคุมทรัพย์สินหนึ่งในสามของโลก”

“เมื่อคนคนหนึ่งมีความมั่งคั่งได้ถึงจุดจุดนี้แล้ว เงินนั้นไม่ได้มีความสนใจสำหรับเขาเลย คุณดูเขาใช้ชีวิตอย่างใจที่บริสุทธิ์และความปรารถนาน้อย ราวกับคนที่ปล่อยวางเรื่องพวกนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาจะยังใช้ชีวิตอยู่เพื่ออะไร?สำหรับเขาแล้วโลกใบนี้ไม่ได้มีอะไรให้ไล่ตามเลย ฉะนั้นแล้ว ในใจของเขาต้องมีสิ่งที่ยึดติดอีกแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นอมตะ ฟื้นจากความตาย หรืออย่างอื่น โดยรวมแล้ว ไม่มีเป้าหมายก็ไม่มีความหวัง ปราศจากความหวังก็ไม่มีความแตกต่างระหว่างความเป็นกับความตาย ก็เพียงแค่ร่างกายเดินได้แต่ไม่มีจิตวิญญาณเท่านั้นเอง”

จิ่งหนิงไม่เคยได้ยินทฤษฎีดังกล่าวมาก่อน ดังนั้นจึงพยักหน้าตอบกลับโดยอัตโนมัติ

“นี่มันโรคจิตชัดๆ”

ลู่จิ่งเซินยิ้มมุมปาก

จิ่งหนิงนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ และเอนตัวไปถามเขาด้วยรอยยิ้ม

“พอพูดเช่นนี้ ดูเหมือนว่าคุณก็มีเงินพอสมควรเหมือนกันเน้อ งั้นความศรัทธาของคุณคืออะไรหรือ?”

ท่าทางชายคนนั้นหยุดนิ่งและมองเธออย่างลึกซึ้ง

เปลือกตาของลู่จิ่งเซินนั้นลึกมาก เหมือนกับกระแสน้ำวนลึกสองอัน ราวกับจะดูดเธอเข้าไป

เขาพูดอย่างเคร่งขรึม:“คือคุณ”

จิ่งหนิงยืนนิ่ง

ชายคนนั้นพูดย้ำอีกรอบ“ความศรัทธาของผมคือคุณ ตราบใดที่เธออยู่ในโลกนี้หนึ่งวัน ผมจะอยู่กับเธอหนึ่งวัน ถ้าวันไหนเธอตาย ผมก็จะตามเธอไปทันที ทั้งชีวิตนี้ เป็นหรือตายไปด้วยกัน ”

ทันใดนั้นจิ่งหนิงก็ตกตะลึง

เดิมทีเธอแค่พูดหยอดเล่นเท่านั้น แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะตอบจริงจังขนาดนี้

แต่พอเห็นเขาในตอนที่จริงนั้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร น้ำตาคลอ และกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้วไหลออกมา

“ลู่จิ่งเซิน คุณนี่มันแย่จริง”

เธอร้องไห้และตีเขาด้วยกำปั้น

ลู่จิ่งเซินยิ้มลึก ดึกกระดาษทิชชูมาแผ่นหนึ่ง เงยหน้าเธอขึ้นและเช็ดน้ำตาให้เธออย่างเบาๆ

แล้วเกลี้ยกล่อมอย่างอบอุ่น:“เด็กดีนะ ไม่ต้องร้องไห้ ระวังลูกจะหัวเราะเยาะคุณนะ”

“เขาคงกล้า”

จิ่งหนิงมองมาที่เขาและยิ้ม“จะหัวเราะเยาะใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ฉัน ฉันเป็นแม่ของเขาเลยนะ”

“ใช่ ใช่ ใช่ พวกเราต่างไม่หัวเราะเยาะคุณกัน เด็กดีหน่อย มาให้ผมช่วยคุณนวดอีก”

จิ่งหนิงถึงจะค่อยยื่นขาของเธอไปให้เขา

วันรุ่งขึ้น พวกเขาจะเดินทางกลับไปเมืองหลวงแล้ว

ก่อนออกเดินทาง จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินเข้าไปหากู้ซือเฉียนพวกเขา และถามพวกเขาเกี่ยวกับการจัดเตรียมครั้งต่อไป

กู้ซือเฉียนได้รับข่าวว่ามีชิ้นส่วนอยู่ที่นี่ ซึ่งถูกขุดขึ้นมาจากสุสานโบราณ แต่ตอนนี้ มันถูกปกป้องไว้อย่างดี พวกเขาไม่สามารถเข้าไปได้ในขณะนี้ และพวกเขายังคงคิดหาวิธีอื่นอยู่

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน