วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 994 หมออัจฉริยะผู้เชี่ยวชาญ

บทที่ 994 หมออัจฉริยะผู้เชี่ยวชาญ

คำพูดนี้ ไม่ต้องมีเจ้านายหยูมาแปลให้ ชายหนุ่มเพียงแค่มองจากสีหน้าของเธอก็พออ่านออกเล็กน้อย

เขาไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าลง กัดริมฝีปากอย่างดื้อดึง

พอเจ้านายหยูเห็นเช่นนี้แล้ว ในใจรู้สึกทนไม่ได้

ถอนหายใจและพูดว่า:“เด็กประเภทนี้ โดยทั่วไปแล้วเป็นเด็กกำพร้า เมืองTนั้นต่างจากประเทศของเรา เด็กกำพร้าผู้ลี้ภัยจำนวนมากไม่ถูกรับเลี้ยง สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องอาศัยอยู่ตามท้องถนน กินก็ไม่อิ่ม แล้วยังไม่มีคนอยากจะรับเข้ามาทำงานอีก เรื่องไปโรงเรียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง”

โม่ไฉ่เวยถึงจะเข้าใจ สีหน้าของเธอก็อดไม่ได้ที่จะปรากฏความสงสารออกมา

เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเปิดกระเป๋าขึ้นมา หยิบเงินทั้งหมดที่อยู่ในนั้นออกมา แล้วยื่นให้กับชายหนุ่มคนนั้นไป

“รับเอาไว้เถอะ ถึงแม้ว่าจะไม่เยอะมากนัก แต่ฉันก็ช่วยคุณได้เพียงแค่นี้ หลังจากนี้ต้องดูแลตัวเองดีๆ อย่าทำเรื่องอะไรอย่างนี้อีกเลย”

ชายหนุ่มคนนั้นยืนนิ่ง และเงยหน้าขึ้นมามองเธอ

เจ้านายหยูพูดว่า:“ยังยืนนิ่งอยู่อีกทำไม? ให้คุณก็รับไว้เร็วสิ”

จากนั้นชายหนุ่งจึงจะตั้งสติแล้วตอบสนองกลับ แล้วรีบรับเงินไปอย่างเร็ว หันหลังกลับและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

เชวซู่ขมวดคิ้ว พร้อมกับมองดูเบื้องหลังของชายหนุ่มที่วิ่งหนีไปอย่างเร็วไว ถอนหายใจและกล่าวว่า:“ไฉ่เวย คุณนั้นช่างใจดีมากเกินไปแล้ว”

สีหน้าของโม่ไฉ่เวยนั้นเหม่อลอยและมึนงงเล็กน้อย

“ไม่ใช่ว่าฉันใจดีจนเกินไป แต่เป็นเพราะว่ามีคนที่น่าสงสารมากเกินไปบนโลกใบนี้ต่างหาก อันที่จริงเขายังเด็กอยู่เลย แต่กลับต้องมาแบกรับกับอะไรมากมาย เห้อ……!”

เธอถอนหายใจ

จิ่งหนิงนั้นไม่อยากให้เธอเสียใจ แล้วบวกกับ พอเห็นกู้ซือเฉียนพวกเขาก็ได้มากันหมด ภายในใจคือมีความสุขเล็กน้อย

ฉะนั้นจึงได้เปลี่ยนหัวข้อที่คุยกันไปเป็นเรื่องของกู้ซือเฉียนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

“กู้ซือเฉียน พวกคุณทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้หรือ?”

กู้ซือเฉียนยิ้มอย่างแผ่วเบา:“มาทำธุระหน่อยน่ะ”

ขณะที่เขาพูดอยู่ หยุดนิ่งไปพักหนึ่ง แล้วชี้ไปทางโม่ไฉ่เวย “ไม่แนะนำกันหน่อยหรือ?”

จิ่งหนิงถึงจะตอบสนองมาได้ แล้วหัวเราะและรีบแนะนำว่า:“อ้อ ใช่แล้ว คนนี้คือแม่ของฉันเอง และนี่คือเชวซู่เป็นสามีของแม่ฉัน”

กู้ซือเฉียนตกตะลึง

สีหน้านั้นเขียนเต็มไปด้วยความสงสัย

ทำไมไม่เจอหน้ากันเพียงแค่สักพักหนึ่ง จิ่งหนิงก็มีแม่แล้ว และยังเป็นภรรยาของเชวซู่อีก?

ในขณะที่เขากำลังคิดว่า นี่เป็นแม่บุญธรรมของจิ่งหนิงนั้น โม่ไฉ่เวยก็ยิ้มพร้อมกับแนะนำตัวว่า:“สวัสดี ฉันชื่อโม่ไฉ่เวย”

กู้ซือเฉียนตกใจอย่างรุนแรง

หลังจากช่วงเวลาที่ได้ให้การชี้แนะของจิ่งหนิงช่วงนี้ โม่ไฉ่เวยไม่ตีตัวออกห่างกับคนแปลกหน้าแล้วตอนนี้

ฉะนั้นแล้ว ตอนนี้พอเห็นกู้ซือเฉียนและคนอื่นๆแล้ว ก็สามารถแนะนำตัวได้อย่างราบรื่น

แต่กู้ซือเฉียนกลับรู้สึกตกใจซะเอง

เขามองดูโม่ไฉ่เวยอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วหันกลับไปถามจิ่งหนิง “เธอไม่ได้……”

จิ่งหนิงเม้มริมฝีปาก “เรื่องมันยาว ไว้ค่อยมาอธิบายให้คุณทีหลังแล้วกัน”

กู้ซือเฉียนพยักหน้าตอบตกลง เจอกับเพื่อนเก่าแล้ว แน่นอนว่าจะแยกย้ายกันง่ายๆอย่างนี้ไม่ได้ ดังนั้น เลยนัดกลับห้องพักด้วยกัน ไปดื่มกาแฟตรงร้านกาแฟใกล้ๆที่นั่น

เจ้านายหยูเห็นว่าพวกเขามีเรื่องต้องคุยกันจึงขอตัวกลับไปก่อน

กลุ่มคนเหล่านี้ได้จองที่นั่งพิเศษ แล้วหลังจากที่นั่งลงกันหมดแล้ว จิ่งหนิงค่อยเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเธอและแม่ของเธอที่ได้พบเจอกันเมื่อไม่นานมานี้

หลังจากที่กู้ซือเฉียนฟังเรื่องราวแล้ว เขาก็ตกใจอยู่พักใหญ่

แต่พอคิดไปคิดมาแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

ไม่ว่ายังไง หลังจากที่โม่ไฉ่เวยเสียชีวิตในตอนนั้น มีผู้คนมากมายไปกอบกู้ศพขึ้นมาจากน้ำ แต่ตอนนั้นกลับเอาขึ้นมาไม่ได้

แต่เพราะในตอนนั้นเป็นช่วงที่น้ำกำลังท่วมหนัก และกระแสน้ำของแม่น้ำก็พัดอย่างรุนแรง หลังจากกอบกู้มามากกว่าครึ่งเดือน ก็ยังคงไม่มีข่าวคราว ทุกคนสันนิษฐานกันว่าเธอถูกน้ำพัดพาไป ไม่รู้ว่าจบไปอยู่ส่วนไหนของแม่น้ำหรือก้นทะเลแล้ว และไม่มีใครสอบสวนมันอีกเลย

เรื่องทั้งหมดนี้ เป็นเพราะจิ่งหนิงประสบปัญหาเมื่อตอนที่เธอไปต่างประเทศ และหลังจากที่ถูกเขาช่วยเหลือแล้ว จึงจะค่อยได้ยินเธอพูดถึงเรื่องนี้

ตอนนี้ดูเหมือนว่า คนดีมักได้รับผลตอบแทนที่ดี นั้นเป็นเรื่องจริงด้วย

ปรากฏว่าเธอยังไม่ตาย

กู้ซือเฉียนรู้ว่าข่าวดังกล่าวมีความหมายต่อจิ่งหนิงมากแค่ไหน ดังนั้น เขาจึงดีใจแทนเธอเป็นอย่างมาก

หลังจากที่พูดเกี่ยวกับเรื่องของโม่ไฉ่เวยจบ แน่นอนว่าก็ต้องพูดถึงธุระของกู้ซือเฉียนด้วย

เพราะว่าโม่ไฉ่เวยกับเชวซู่นั้นไม่ใช่คนแปลกหน้ากัน ฉะนั้นแล้วตอนนี้ลู่จิ่งเซินก็ไม่ได้ปิดบังอะไรอีกต่อไป

เขาถามกลับโดยตรงว่า:“ที่คุณมาเมืองTในครั้งนี้,มาเพื่อเรื่องของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ใช่ไหม?”

กู้ซือเฉียนพยักหน้าตอบรับ

เขาได้ยกแก้วชาที่วางอยู่ข้างหน้า จิบชาคำหนึ่ง จึงจะพูดว่า:“ก่อนหน้านี้ผมได้ข่าวมา ว่าคนที่นี่มีคนมีแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์อยู่ชิ้นหนึ่ง ได้ขุดออกมาจากสุสานโบราณที่พบใหม่ ผมเลยมาดูสักหน่อย ว่ามันเป็นเรื่องจริงไหม”

ลู่จิ่งเซินประหลาดใจเล็กน้อย “สุสานโบราณ?”

“ใช่ รายละเอียดเป็นยังไงผมก็ไม่ค่อยทราบเท่าไหร่ ณ ตอนนี้มีแค่แนวทางเดียว แต่ผมได้ขอให้คนรู้จักช่วยผมสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว และน่าจะมีข่าวในสองวันนี้แหละ”

ลู่จิ่งเซินยิ้มและพูดว่า:“ไม่ทราบว่าเป็นสุสานโบราณที่ไหนเลยหรือ?”

กู้ซือเฉียนพูดว่า:“เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการขุดออกมาจากหุบเขาเหมืองหยกที่อยู่ใกล้ๆ เป็นสุสานที่ฝังศพของกษัตริย์ในยุคโบราณ”

ทันทีที่เขาพูดออกมาแบบนี้ สีหน้าของลู่จิ่งเซินก็เปลี่ยนเป็นความสนใจอยากติดตามขึ้นมา

“หุบเขาเหมืองหยก?”เขายิ้มแผ่วเบาและพูดว่า:“คุณลองไปถามดูก่อน ถ้าต้องการขอความช่วยเหลืออะไรละก็ พอถึงเวลาก็มาติดต่อผมแล้วกัน”

กู้ซือเฉียนกลับไม่ได้สังเกตสีหน้าของเขา แค่เพียงพยักหน้าตอบตกลงไป

“ได้ ผมรู้แล้ว พอถึงเวลาผมค่อยมาหาคุณ”

ผู้คนนั่งดื่มชาอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดถึงการตั้งครรภ์ของจิ่งหนิงอีกครั้ง

กู้ซือเฉียนและเฉียวฉีก็ได้แสดงความยินดีกันหมด

จิ่งหนิงกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับร่างกายของเฉียวฉี ค่อยยังดีที่สีหน้าของเธอก็ดูเหมือนคนปกติทั่วไป ได้ยินมาว่ากินยาที่หนานกงจิ่นให้มาตรงเวลา ในตอนนี้ยังไม่มีสถานการณ์เหมือนครั้งก่อนในงานแต่งงานอีกแล้ว จึงจะค่อยรู้สึกโล่งใจ

พวกเขาคุยกันจนถึงเที่ยงคืนก่อนจะแยกย้ายกันไป

ระหว่างทางกลับบ้าน จิ่งหนิงได้กอดแขนของลู่จิ่งเซินแล้วถามว่า:“คุณว่าหนานกงจิ่นจะโกหกมั้ย?บางทีอาจเป็นไปได้ว่าโรคที่อยู่ในร่างกายของเฉียวฉีนั้น อาจไม่ใช่โรคทางพันธุกรรมอะไรอย่างที่เขากำลังพูดถึงล่ะ?คุณอาเชวก็อยู่พอดี เอางี้ไหมให้เขาดูเฉียวฉีสักหน่อย?ไม่แน่อาจเก็บเกี่ยวอะไรที่นึกไม่ถึงมาก็ได้?”

ลู่จิ่งเซินยิ้มแล้วพูดว่า:“ถ้าจะโกหกคนนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะไม่ว่ายังไงกู้ซือเฉียนก็ได้เชิญคนมาดูเฉียวฉีก่อนแล้ว และไม่พบสาเหตุอะไรจริงๆ สำหรับเรื่องที่ตระกูลหนานมีโรคทางพันธุกรรมนั้น ทุกคนในตระกูลหนานรับรู้กันหมด เขาไม่น่ามีวิธีอะไรมาสร้างคำลวงหลอกอย่างนี้ได้ เพราะมันง่ายต่อการเปิดโปงมากเกินไป”

จิ่งหนิงพยักหน้าตอบรับ“นั่นมันก็จริงอยู่”

ลู่จิ่งเซินก็พูดขึ้นมากะทันหันว่า:“จะว่าไปเมื่อกี้คุณทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า เชวซู่นั้นถูกโลกภายนอกขนานนามว่าเป็นหมออัจฉริยะผู้เชี่ยวชาญ วิธีการของเขามากมายขัดกับการแพทย์ที่สืบมาแต่โบราณหมด เลยไม่ค่อยได้รับความสนใจจากที่นิยมกันทางการแพทย์สักเท่าไหร่ แต่ในบางเวลา บ่อยครั้งที่วิธีการที่น่าประหลาดใจนี้มีประสิทธิภาพมากกว่าอีก ควรให้เขามาดูเฉียวฉีหน่อยจริงๆ”

จิ่งหนิงยิ้มและพูดว่า:“งั้นเดี๋ยวฉันไปคุยกับเขาดูก่อน ให้เขาไปดูเฉียวฉีวันพรุ่งนี้ไหม?”

ลู่จิ่งเซินคร่ำครวญไปชั่วขณะ

“ยังไม่รีบ โทรหากู้ซือเฉียนเพื่อถามดูก่อนแล้วกัน ดูก่อนว่าเขาต้องการให้เฉียวฉีตรวจดูอีกรอบไหม”

จิ่งหนิงพยักหน้า

ดังนั้น ทั้งสองจึงได้โทรหากู้ซือเฉียว

อันที่จริงกู้ซือเฉียนมีความคิดนี้แต่แรกเริ่มตั้งแต่เมื่อกี้ที่เห็นเชวซู่แล้ว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท