วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1004 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

บทที่ 1004 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

กล่องไม้นั้นดูเรียบง่ายไม่เหมือนกับกล่องสั่งทำราคาแพงและมีน้ำหนักเบาและไม่เหมือนกับไม้ที่มีค่าอย่างไม้พะยูงหรือไม้จันทน์หอมอินเดีย

แต่ในตอนนี้ เสียงที่มาจากภายในทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว และถึงกับรู้สึกเสียวซ่าหนังศีรษะ

หนานกงจิ่นมีสีหน้ามืดมนดั่งสายน้ำ

แม้ว่าเขาจะฉลาดและช่างคิดคำนวณ แต่เขาก็ถูกจำกัดด้วยต้นกำเนิดของเขา เขาเก่งแค่ในการควบคุมจิตใจของผู้คนในกรอบความคิดของเขา เขาไม่เก่งเรื่องไฮเทคสมัยใหม่มากนัก และมีเพียงความเข้าใจเพียงเล็กน้อย

หรือจะพูดได้ว่า ถึงแม้เขาจะรู้ทุกอย่าง แต่กลับมองข้ามสิ่งที่เขาไม่เชี่ยวชาญอย่างไม่รู้ตัว

บวกกับการที่เขามักจะหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านกลางน้ำและโลกภายนอกไม่รู้ถึงการมีตัวตนของเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าสิ่งพวกนี้จะย้อนกลับมาเล่นงานเขา

ดังนั้นจึงตกใจมากที่ถูกคนสมคบคิดเรื่องแบบนี้ในเวลานี้

เสียงภายในนั้นยังคงดังอยู่

“ในเมื่อคุณหนานกงจิ่นเองไม่คิดจะให้ความร่วมมือดี ๆ สู้เรามาพูดกันตรง ๆ เลยไม่ดีกว่าเหรอครับ?”

หนานกงจิ่นกัดฟันแน่น

เขาหันไปและส่งสายตาให้หนานกงยวู่

หนานกงยวู่เข้าใจในทันที เขาเดินเข้าไปและหยิบกล่องนั้นขึ้นมา หลังจากเปิดดูก็ตรวจสอบอย่างละเอียด

หนานกงจิ่นไม่มีความชำนาญในนวัตกรรมสมัยใหม่ แต่หนานกงยวู่นั้นยังพอคุ้นเคยบ้าง

อย่างรวดเร็ว ที่สวิตช์ของกล่องก็พบบางสิ่งขนาดเท่ารูเข็มเล็กๆ

เขาหยิบของชิ้นนั้นออกมา วางไว้ในมือและมองดูอย่างละเอียด

ในระหว่างที่กำลังวิเคราะห์อยู่นั้น อีกฝ่ายก็หัวเราะออกมาในทันที

“ไม่ต้องดูแล้ว ผมเองก็ไม่กลัวที่จะบอกพวกคุณ นี่คือกล้องรูเข็มที่พัฒนาขึ้นใหม่จากเพื่อนของผมเอง ขนาดเล็กเพียงห้ามิลลิเมตร ตอนนี้ผมไม่เพียงแต่ได้ยินเสียงของพวกคุณเท่านั้น ยังพูดคุยกับพวกคุณได้ หรือแม้กระทั่งมองเห็นสีหน้าของพวกคุณด้วย”

เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมาทั้งสามคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

ถึงแม้ว่าหนานมู่หรงจะรู้ว่าตนเองถูกหลอกใช้แต่เขากลับไม่โมโห

หนานกงยวู่รู้สึกอับอายจนกลายเป็นความโกรธและพูดอย่างรุนแรง: “กู้ซือเฉียน แกกล้าเล่นงานเรา? แกไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วรึไง!”

กู้ซือเฉียนหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “ดูเหมือนหากผมไม่เล่นงานพวกคุณ แล้วพวกคุณจะเมตตาพวกผมอย่างนั้นแหละ”

“แก!”

หนานกงยวู่ละล่ำละลัก

ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นครั้งนี้ เขายังจะจีบปากจีบคอ

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หนานกงจิ่นก็ใจเย็นลง

สมแล้วที่เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีอายุถึงพันปี เขานิ่งสงบเกินกว่าคนทั่วไปจะเทียบได้

เขาจ้องเขม็งไปที่อุปกรณ์สีดำซึ่งแทบไม่มีนัยสำคัญแล้วพูดอย่างเย็นชา: “คุณจะเอายังไง?”

“เอาต้นเงินทองมาให้ผม แล้วผมจะมอบแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ของจริงให้กับคุณ”

หนานกงจิ่นหัวเราะค่อนขอด “ที่แท้คุณก็รู้ความลับของต้นเงินทองแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมก็กล้าที่จะบอกคุณว่าผมไม่สามารถให้ของสิ่งนี้กับคุณได้ ต่อให้ผมให้ คุณก็เลี้ยงมันไม่รอด ดังนั้นทำใจเสียเถอะ”

น้ำเสียงของกู้ซือเฉียนฟังดูไม่ทุกข์ร้อน

“อ้อ? ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็อย่าหวังว่าจะได้แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ไป ทุกคนเป็นมัจฉาตายตาข่ายขาดไปด้วยกันก็ไม่เป็นไร”

ไม่ง่ายเลยกว่าหนานกงจิ่นจะควบคุมความโกรธไว้ได้ เพราะคำพูดนี้ของเขามันได้จุดประกายขึ้นมาอีก

“กู้ซือเฉียน! แกไม่กลัวว่าผู้หญิงที่แกรักสุดหัวใจจะตายอย่างนั้นรึ?”

“กลัว” กู้ซือเฉียนไม่แม้แต่จะคิดและตอบ “ดังนั้นผมจึงรับปากจะหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ให้คุณ ผมจึงยอมถูกคุณควบคุม แต่ทั้งหมดนี้อยู่บนพื้นฐานที่คุณอยากจะร่วมมือกับผมอย่างจริงใจ ผมเสียสละไปมากมายแบบนี้ก็เพื่อให้เฉียวเฉียวได้มีชีวิตต่อไป ตอนนี้ผมได้รู้แล้วว่าคุณไม่มีเจตนาจะร่วมมือกับผม และไม่ได้คิดจะช่วยเฉียวเฉียว ในเมื่อทางไหนก็ตายแล้วทำไมผมไม่เลือกทางตายที่มันชัดเจนกว่าล่ะ? อย่างไรก็ตามเวลาเราทั้งคู่ตายไปแล้ว ก็ยังมีคุณหนานกงจิ่นเป็นเพื่อน จะได้ไม่เหงา”

หนานกงจิ่นกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงดังเอี๊ยด

ทำไมเขาจะไม่เข้าใจว่ากู้ซือเฉียนกำลังข่มขู่เขาอยู่

ไม่เพียงแต่จะเอาเรื่องแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์มาขู่เขายังรวมถึงชีวิตของเขาด้วย

ความหมายของกู้ซือเฉียนก็คือถ้าหากสุดท้ายแล้วเฉียวฉีจะต้องตาย เขาก็ไม่มีทางจะอยู่คนเดียวได้

และเมื่อเขาไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว เขาก็จะพรากชีวิตของหนานกงจิ่นไปด้วย

ทุกคนอย่าได้เอาแต่เล่น ลงนรกไปเป็นเพื่อนกัน

ดี ดีมาก!

กู้ซือเฉียนดีมาก!

เขาไม่ได้เจอคู่ปรับที่แข็งแกร่งแบบนี้มานานมากแล้ว

คิดถึงตรงนี้ หัวใจของหนานกงจิ่นก็รู้สึกยินดีอย่างผิดปกติ

บางทีการมีชีวิตอยู่ถึงพันปีมันคงจะโดดเดี่ยวเกินไปจริง ๆ เขาไม่รู้คืนรู้วัน เขาเฝ้ามองท้องฟ้าที่อ้างว้างและคิดในใจว่าบางทีความตายอาจจะเป็นหนทางหลุดพ้น

ตายไปแล้วก็ไม่ต้องคิดถึงอะไรอีก

และไม่ต้องยึดติดกับอะไรอีก ไม่ต้องเฝ้าคิดอยากให้เฉียนเฉียนของเขากลับมา

แต่สุดท้ายก็ยังทำใจไม่ได้เสียที

เขาไม่มีวันลืม ในช่วงเวลาสุดท้ายเฉียนเฉียนนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาและพูดประโยคนั้น

เธอพูดว่า ข้าต้องการให้เจ้ามีชีวิตต่อไป จดจำข้า คิดถึงข้า ข้าอยากให้เจ้าอยู่ในความรู้สึกผิดตลอดไป

เธอเกลียดเขา

เกลียดเขาที่ทำลายประเทศของเธอ เข่นฆ่าครอบครัวของเธอ ทำลายโลกของเธอ

เธอจักรพรรดินีที่งดงามที่สุดในช่วงเวลานั้น แต่กลับไม่สามารถปกป้องบ้านเมืองและประชาชนของตนเองได้ ไม่ใช่เพราะข้าศึกจากภายนอก แต่กลับต้องตายด้วยเงื้อมมือของราชครูของตนเอง

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หนานกงจิ่นก็หลับตาลง

เขากำหมัดแน่น ครู่หนึ่ง จึงลืมตาขึ้น ระหว่างที่เขาลืมตาขึ้นอีกครั้งนั้น ดวงตาไม่มีร่องรอยของอารมณ์ใดๆ และมีแสงสว่างที่ชัดเจน

“ได้ ผมจะมอบต้นเงินทองให้คุณ แต่เราจะต้องตกลงกันก่อนว่าชิ้นส่วนที่เหลืออีกห้าชิ้น คุณจะต้องช่วยผมหามันให้พบ”

กู้ซือเฉียนหัวเราะเบา ๆ อย่างเย็นชา

“คุณเอาของมาก่อนแล้วค่อยคุยเถอะ”

เมื่อเขาพูดจบแล้ว ก็เกิดเสียงดังฉ่าจากกล้องรูเข็มเล็กๆ ราวกับว่าอีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว

หนานกงยวู่ตบโต๊ะด้วยความโกรธ

“ไอ้กู้ซือเฉียน มีอย่างที่ไหนกัน! มันกล้าขู่นายท่าน ผมจะให้ลูกน้องไปจัดการมัน!”

พูดแล้วก็เดินออกไปด้วยนอกด้วยความโมโห

แต่กลับถูกหนานกงจิ่นร้องห้ามไว้

“หยุด”

ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ ตอนนี้เขาใจเย็นลงแล้วและร่างกายของเขาก็เปล่งออร่าเย็นเยียบออกมา

หนานกงยวู่หยุดอยู่ตรงนั้นไม่กล้าจะก้าวเท้าไปต่อ แต่ในใจกลับไม่ยินยอมแต่ก็ทำได้เพียงมองเขาอย่างเหลืออด

“นายท่าน…”

“เรื่องนี้คุณอย่ามายุ่ง”

หนานกงจิ่นพูดออกมาอย่างเฉยเมย จากนั้นก็หันหน้าไปและตะโกนขึ้น “เหล่าโม่”

ชายแก่ที่พาหนานมู่หรงเข้ามาเมื่อครู่รีบผลักประตูเข้ามาทันที

เขาเดินไปที่หน้าหนานกงจิ่นและก้มตัวเล็กน้อย “นายท่าน”

หนานกงจิ่งออกคำสั่ง: “ไปที่ทะเลสาบน้ำแข็งด้านหลังและเด็ดต้นเงินทองมาหนึ่งก้าน จัดเก็บให้ดีแล้วเอามา”

เหล่าโม่ประหลาดใจเล็กน้อย

เขาเงยหน้าและมองไปที่เขาอย่างไม่น่าเชื่อ

ต้นเงินทอง แต่นั่นมัน…

แต่สีหน้าของหนานกงจิ่นทำให้เขาไม่กล้าที่จะถามอะไรต่อได้แต่รับคำด้วยความเคารพและออกไป

หนานมู่หรงมีความสงสัยมากมายอยู่ในใจ

แต่เขาเองก็ไม่กล้าถามเช่นกัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท