วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1012 ออกเดินทางด้วยกัน

บทที่ 1012 ออกเดินทางด้วยกัน

เธอขยับเข้ามาข้างหน้า และกอดท่านย่าเชิ๋นอย่างอบอุ่น

“ท่านย่า ท่านดีจริงๆเลย”

เมื่อท่านย่าเชิ๋นถูกเธอสวมกอดเช่นนี้ ทันใดนั้นหล่อนก็ยิ้มอย่างดีอกดีใจ

กลางวัน จิ่งหนิงรับประทานอาหารอยู่ที่คฤหาสน์หลังเก่า

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ โม่หนานก็มารับเธอไปที่บริษัท

เมื่อจัดการธุระตลอดช่วงบ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตกเย็นก็เดินทางกลับบ้าน จิ่งหนิงจึงได้เล่าเรื่องที่เมื่อช่วงเช้าเธอได้คุยกับท่านย่าเชิ๋นพูดให้ลู่จิ่งเซินฟัง

เมื่อลู่จิ่งเซินเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็ได้สั่งการลงไปและได้วางแผนกำหนดการที่จะออกเดินทางในอีกสองวันข้างหน้า

เนื่องจากในครั้งนี้ ผู้ใหญ่ต่างออกเดินทางกันหมด ทำให้เด็กสองคนไม่สะดวกที่จะอยู่ที่บ้าน เดิมทีจิ่งหนิงต้องการที่จะฝากให้กวนจี้ หมิงดูแลสักสองสามวัน

เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นลุงแท้ๆของจิ่งหนิง ถึงยังไงคงไม่ปฏิบัติไม่ดีต่อเด็กทั้งสอง

แต่ลู่จิ่งเซินกลับคิดว่า ในเมื่อไปตระกูลจิ้น อีกทั้งยังไปพบโม่ไฉ่เวย ถ้างั้นก็พาไปด้วยกันเถอะ

เพราะยังไงจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย อีกอย่างโรงเรียนก็ปิดเทอมพอดี ทิ้งให้เด็กทั้งสองอยู่ที่บ้านกลับทำให้พวกเรารู้สึกไม่พอใจเสียมากกว่า

เมื่อไปที่นั้น นอกจากจะช่วยเฉียวฉีและกู้ซือเฉียนจับตาดูเรื่องของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์แล้วก็ไม่มีเรื่องที่สำคัญอะไร

ดังนั้นก็ถือซะว่าพาพวกเขาไปเที่ยวก็แล้วกัน

เมื่อจิ่งหนิงเห็นเช่นนั้น ในใจก็รู้สึกว่าช่วงนี้ตนเองยุ่งมากๆ วิ่งวุ่นไปทั่ว ก็ถือว่าติดค้างเด็กทั้งสองมากจริงๆ อีกทั้งหากเด็กสองในท้องคลอดออกมา เวลาที่มีให้กับอานอานและจิ้งเจ๋อน้อยก็คงน้อยลง

ดังนั้นหากจะรอให้ถึงเวลาที่ไม่สามารถปลีกตัวมาได้ สู้อยู่เป็นเพื่อนเขาตอนนี้น่าจะดีกว่า

เมื่อคิดเช่นนี้ เธอจึงไม่ได้ปฏิเสธอีก

เมื่อเด็กทั้งสองรู้ว่าพวกเขาจะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกกับจิ่งหนิงและลู่จิ่งเซิน ก็ดีใจเป็นอย่างมาก

แต่ว่า ลู่จิ่งเซินก็ได้ตั้งกฎกับพวกเขาไว้สามข้อ

เนื่องจากออกไปข้างนอก ทำให้ไม่สามารถมีคนใช้ติดตามข้างกายได้จำนวนมาก ทำให้มีเรื่องมากมายที่จิ่งหนิงและเขาจะต้องจัดการด้วยตนเอง

สำหรับเขายังพอโอเค แต่ตอนนี้สุขภาพของจิ่งหนิงไม่ค่อยสะดวก เขาเป็นกังวลว่าจะทำให้จิ่งหนิงเหนื่อย

ดังนั้น ก่อนออกจากบ้าน จึงได้มีการนัดแนะกับเด็กๆทั้งสองไว้เรียบร้อยแล้ว

ห้ามทะเลาะกัน ห้ามใช้อารมณ์แบบเด็กๆ ต้องเชื่อฟัง ต้องมีเหตุผล เมื่อได้พบกับคุณทวดจิ้น ต้องมีมารยาท มิฉะนั้นจะไม่อนุญาตให้พวกเขาออกไปข้างนอก

เด็กน้อยทั้งสองรอคอยที่จะได้ออกไปข้างนอกจนแทบจะเป็นบ้าแล้ว

ตอนนี้เมื่อได้ฟังแล้ว จะไม่รับปากได้ยังไงกัน?

จึงรีบรับปากอย่างนอบน้อม

เมื่อพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะถึงวันออกเดินทาง สัมภาระของเด็กน้อยทั้งสองก็เตรียมเรียบร้อยแล้ว จิ่งหนิงพาพวกเขาไปที่คฤหาสน์หลังเก่าก่อน เมื่อไปรับท่านย่าและท่านปู่เรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางไปที่สนามบินด้วยกัน

จากเมืองหลวงไปที่ประเทศFต้องใช้เวลาในการเดินทางสี่ชั่วโมง เมื่อขึ้นบินแล้ว เด็กน้อยทั้งสองดีอกดีใจจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

ดีที่เป็นเครื่องบินส่วนตัว ด้านบนนอกจากตระกูลลู่และหมอที่คอยติดตาม ก็ไม่มีคนอื่นอีก

ลู่จิ่งเซินสั่งให้เด็กทั้งสองนั่งอยู่ในที่ของตนเอง จากนั้นก็สอนเล่นเกมง่ายๆที่สามารถเล่นอย่างเงียบๆได้

เมื่อจิ่งหนิงเห็นสามคนพ่อลูกมีปฏิสัมพันธ์กัน ก็เม้มริมฝีปากอย่างพึงพอใจ

ท่านย่าเชิ๋นและท่านปู่ลู่ นั่งอยู่บริเวณด้านหน้าเครื่อง กำลังพักผ่อน

ลู่จิ่งเซินพูดขึ้นกับจิ่งหนิงด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า:“ถ้าคุณเหนื่อย คุณก็หลับตาพักผ่อนสักครู่เถอะครับ”

จิ่งหนิงส่ายศีรษะ

“ฉันไม่เหนื่อยหรอกค่ะ”

ขอเพียงแค่เธอคิดถึงว่าการเดินทางในครั้งนี้ อีกไม่นานก็สามารถได้พบกับโม่ไฉ่เวยและยังได้เห็นสถานที่ที่แม่ของเธออาศัยตลอดสิบ ปีเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ แล้วจะเหนื่อยได้ยังไงกัน?

ตอนนี้เธอเข้าใจอานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยแล้ว ความรู้สึกของพวกเขาก่อนหน้านี้ที่รอคอยให้เธอกลับบ้าน

คนเรา ไม่ว่าจะโตแค่ไหน ล้วนมีความรู้สึกผูกพันกับผู้เป็นแม่

แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของโม่ไฉ่เวย แต่โม่ไฉ่เวยก็เป็นคนเลี้ยงเขาจนโต สิบแปดปีที่ผ่านมา เป็นสิบแปดปีที่เธอมีความสุขก่อนที่จะได้มาพบกับลู่จิ่งเซิน

แม้ว่าจะมีคนถ่อยอย่างหวังเสว่เหมยและจิ่งเซี่ยวเต๋ออยู่ แต่ชีวิตของเธอก็ไม่มีรอยด่างเลยแม้แต่น้อย ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเป็นคุณงามความดีของแม่เธอทั้งสิ้น

คนที่โชคดี ก็มักที่จะใช้ความสุขในช่วงวัยเด็กรักษาตน แต่คนที่โชคไม่ดีจะต้องใช้ทั้งชีวิตในการรักษาวัยเด็กของตน

บางครั้งเธอก็รู้สึกปลง ปลงในโชคชะตาของตนเอง แม้ว่าตอนเด็กๆจะถูกทอดทิ้งให้อยู่ข้างนอก แต่ก็ไม่ได้รับอันตรายใดใด

อย่างน้อยสิบแปดปีที่ผ่านมา ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความรักและแสงสว่าง

และสิ่งนี้ทำให้เธอมีความมั่นใจในตนเอง และยืนหยัดมาโดยตลอด

สิ่งที่โชคดีกว่านั้นก็คือ แม่แท้ๆที่ตนคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว แต่กลับยังมีชีวิตอยู่ และในเวลานี้ทั้งสองจะได้เจอหน้ากันแล้ว

ถ้าไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถพูดได้ว่าฟ้าลิขิต ?

เรื่องทุกเรื่องล้วนลิขิตไว้แล้ว คนดีมีเมตตาก็ต้องได้รับสิ่งดีๆเป็นการตอบแทน

เธอนั่งอยู่ตรงนั้น คิดอะไรเรื่อยเปื่อย

ลู่จิ่งเซินที่นั่งอยู่ข้างๆ เล่นเป็นเพื่อนกับเด็กๆ ทำให้บางครั้งมีเสียงหัวเราะดังเข้ามา

เธอหลับตาลงด้วยความพึงพอใจ

เดิมทีจิ่งหนิงไม่คิดที่จะนอน

เพราะว่าเธอไม่ได้รู้สึกง่วงนอนแม้แต่น้อย

แต่ว่าบรรยากาศบนห้องเครื่องค่อนข้างดี อีกทั้งคนที่ตนรักก็อยู่ข้างกาย ในใจรู้สึกสงบ ทำให้เธอหลับอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อตื่นขึ้นมา เครื่องบินก็ได้จอดลงแล้ว

ลู่จิ่งเซินที่อยู่ข้างๆลูบไหล่ของเธอเบาๆ“หนิงหนิง ตื่นๆ พวกเรามาถึงแล้ว ”

จิ่งหนิง“อืม”เสียงหนึ่ง ลืมตาขึ้นมา ขณะที่ยืนขึ้นกับพบว่าไม่รู้ว่าร่างกายของตนมีผ้าห่มบางๆห่มอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่

เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ จัดระเบียบผมที่ยุ่งเหยิงของตน

“ทำไมฉันถึงนอนหลับได้ล่ะ?”

ลู่จิ่งเซินยิ้มอ่อนๆ“อาจจะเป็นเพราะว่าเหนื่อยเกินไป มา พวกเราเดินไปกันเถอะ”

จิ่งหนิงพยักหน้า

ลู่จิ่งเซินประคองเธอยืนขึ้น ยื่นมือเข้าไปจัดระเบียบคอเสื้อที่ไม่เป็นระเบียบให้กับเธอ แล้วจูงมือเธอออกไปข้างนอก

เมื่อลงจากเครื่องบิน ก็เห็นว่าบรรยากาศภายนอกมืดครึ้ม ไม่ใช่ท้องฟ้าที่มีแสงแดดจ้า สดใส

เมื่อตระกูลจิ้นรู้ว่าเขาจะมา จึงได้เรียกรถให้มารอตั้งนานแล้ว

เครื่องบินจอดอยู่ที่สนามบินส่วนตัว อานอานและจิ้งเจ๋อน้อย ได้ถูกท่านย่าและท่านปู่จูงมือไปแล้ว ในเวลานี้ พวกเขาได้รอคอยจิ่งหนิงและลู่จิ่งเซินอยู่ที่สนามบินที่โล่งกว้าง

หลังจากที่จิ่งหนิงและลู่จิ่งเซินลงจากเครื่องบิน ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็ยิ้มแล้วเดินมา

“คุณลู่ คุณนายลู่ รถมาถึงแล้วครับ เชิญทางนี้ครับ”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า

เขาหันไปมองท่านย่าเชิ๋นครู่หนึ่ง ท่านย่ายิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“พวกคุณนั่งคันนั้น ส่วนฉันกับท่านปู่และเด็กๆจะนั่งคันนี้

พวกเขามีกันทั้งหมดหกคน แน่นอนว่านั่งรถคันเดียวคงไม่เพียงพอ ลู่จิ่งเซินจึงพยักหน้า

เมื่อทุกคนขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว รถก็ขับตรงไปยังตระกูลจิ้น

ระหว่างทาง จิ่งหนิงส่งข้อความให้กับหัวเหยาฉบับหนึ่ง เพื่อบอกว่าตนได้ลงจากเครื่องแล้ว

จากนั้น ก็ได้ส่งข้อความให้กับเฉียวฉีฉบับหนึ่ง บอกว่าพวกเขามาถึงแล้ว และถามเขาว่าพวกเขาจะมาเมื่อไหร่

เฉียวฉีตอบกลับอย่างรวดเร็ว

กลับพบว่า หล่อนตอบกลับมาว่าพวกเขามาถึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

เนื่องจากไม่ต้องพาสมาชิกในครอบครัวมาด้วย ทำให้ทีท่ารวดเร็วกว่าลู่จิ่งเซิน พวกเขาเร็วกว่า อีกอย่างเรื่องของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์พวกเขาทั้งสองคนต่างรอกันไม่ไหวแล้ว ดังนั้นเมื่อคืนวานจึงรีบมาก่อนล่วงหน้า

เมื่อจิ่งหนิงเห็นดังนั้น ก็อดได้ที่จะหน้าเจื่อน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน