วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1020 ช่วยคนออกมา

บทที่ 1020 ช่วยคนออกมา

แต่ว่าคนยุ่งขนาดนี้ แต่ก็ไม่เคยเห็นนำเงินกลับมา

คุณนายเฉินและเฉินซื่อโป๋ก็ไม่ได้คิดมากเกินไป

คิดเพียงว่าลูกโตแล้ว ก็คงมีความคิดเป็นของตนเอง อยากที่จะเก็บเงินเป็นของตนเอง พวกเขาก็ไม่ได้คัดค้าน

ดังนั้น สองปีที่ผ่านมานี้ ทำให้พวกเขาไม่ได้ถามเรื่องเงินกับเขาเลย

ก่อนหน้านี้ โจวลี่เจินเชื่อคำพูดของเพื่อน จึงได้ลงทุนสร้างภาพยนตร์จำนวนมหาศาล

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ภาพยนตร์จะต้องเผชิญหน้ากับขาลง สุดท้ายอย่าพูดถึงกำไรเลยแม้แต่เงินที่ลงทุนไปก็ไม่สามารถนำกลับมาได้

เดิมทีบริษัทของเขาก็เพิ่งจะเริ่มตั้งไม่นาน แล้วจะทนต่อความเสียหายขนาดนี้ได้ยังไง?

ไม่นานก็ติดเงินกว่าพันล้านหยวน และเพื่อรักษาหน้ากับคนในบ้าน ไม่ให้พวกเขาทราบสถานะทางการเงินของตน จึงไม่ได้ทำเรื่องยื่นกู้เงินกับธนาคาร แต่กลับไปกู้เงินนอกระบบแทน และแน่นอนว่าดอกเบี้ยของเงินกู้นอกระบบนั้นสูงมาก

เริ่มแรกโจวลี่เจินก็พยายามกัดฟันเพื่อที่จะใช้หนี้ แต่ตอนหลังเนื่องจากดอกเบี้ยสูงขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถใช้หนี้คืนได้

และเมื่อถึงเวลานี้ เพื่อนที่เคยแนะนำให้เขาถ่ายทำภาพยนตร์ และเป็นคนที่แนะนำให้เขากู้เงิน ก็ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา

พวกเขาพยายามบังคับให้เขาชดใช้หนี้ หากเขาไม่ยอมใช้ ก็จะทำให้สูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียงเกียรติภูมิ

โจวลี่เจินเคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนที่ไหนกัน ?จึงตะลีตะลานอย่างกะทันหัน

เขาพยายามที่จะอธิบายให้ฝ่ายตรงข้ามฟัง แต่เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามมีการเตรียมตัวมาก่อน จะฟังเขาได้ยังไง?

สุดท้ายไม่เพียงแต่เอาทรัพย์สินของเขาไปจนหมด แม้แต่แฟนของเขาก็ถูกจับตัวไป

บอกให้เขารับหาเงินมาคืน ไม่งั้นเขาจะเสียใจตลอดชีวิต

โจวลี่เจินและแฟนสาวของเขา คบหากันมานานกว่าสามปีแล้ว เริ่มคบกันตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย มีความรักและผูกพันกันอย่าง

เมื่อรู้ว่าแฟนของตนเสว่เอ๋อตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา โจวลี่เจินก็รู้สึกลนลาน แต่ตอนนี้เงินจำนวนมากมายขนาดนั้น เขาไม่มีจริงๆ

เดิมที เขาคิดที่จะขอร้องให้คุณลุงกับคุณน้าช่วย

แต่ว่าในเวลานี้ ฝ่ายตรงข้ามได้ยื่นข้อเสนอมาข้อหนึ่ง

บอกว่าขอเพียงแค่เขาสามารถนำหยกที่อยู่ในการครอบครองของคุณน้ากับคุณลุงมาได้ พวกเขาก็จะถอยให้เขาก้าวหนึ่ง

หยกชิ้นนั้นโจวลี่เจินเคยเห็น และรู้สึกว่าก็ไม่ใช่ของที่หายากอะไร ดูจากสีแล้ว หากนำไปขาย ราคาอย่างมากก็แค่แสนกว่าหยวน

ดังนั้นเขาจึงรับปากโดยไม่ต้องคิด

วันนี้เดิมทีเขาจะใช้โอกาสที่คุณน้าและคุณป้าจะไปร่วมงานวันเลี้ยง ค่อยๆขโมยหยกชิ้นนั้นออกมา แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ยังไม่ทันได้นำของไปแลกเปลี่ยน ก็ถูกจับได้เสียแล้ว

เมื่อคิดถึงจุดนี้ โจวลี่เจินก็หดคอลงด้วยความเศร้า

หลังจากที่เฉินซื่อโป๋และคุณนายเฉินฟังจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็โมโหจนหน้าเขียว

“เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมถึงไม่บอกคนที่บ้าน?ไปจัดการด้วยตนเอง คุณจะจัดการได้ยังไง?”

โจวลี่เจินก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร

คุณนายเฉินถามขึ้นว่า:“แล้วของชิ้นนั้นได้ให้เขาไปแล้วหรือยัง?”

“ยังครับ”

“แล้วของชิ้นนั้นล่ะ?”

ในเวลานี้ โจวลี่เจินก็ไม่พูดไม่จา

แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ตอนนี้เขาไม่อยากที่จะนำของชิ้นนั้นออกมา

เมื่อเฉินซื่อโป๋เห็นสภาพเช่นนั้น ก็โมโห และถูกลู่จิ่งเซินขวางไว้

ลู่จิ่งเซินมองไปที่เขา พลางพูดขึ้นว่า:“คุณคงไม่ไร้เดียงสาจนคิดจริงๆหรอกนะว่า วันนี้คุณเข้ามาที่นี่แล้ว และจะสามารถเอาของชิ้นนี้ออกไปได้จริงๆ”

โจวลี่เจินไม่พูดไม่จา ร่างกายสั่นเล็กน้อย สองมือกุมกระเป๋ากางเกงของตนอย่างแน่น

จากนั้นเงยหน้าขึ้นมา มองไปยังลู่จิ่งเซินด้วยสีหน้าที่เศร้าสลด:“แต่ว่าเสว่เอ๋อยังอยู่ในมือของพวกเขา ผมจะยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับเสว่เอ๋อไม่ได้”

เมื่อสามีภรรยาตระกูลเฉินได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ยิ่งแย่ขึ้นไปอีก

“หล่อนจะมีอันตรายก็ห้ามเอาของชิ้นนี้ไปอย่างเด็ดขาด!อีกอย่าง คุณรู้ได้ยังไงว่าเรื่องที่หล่อนถูกจับตัวไปเกี่ยวข้องกับคุณ?ไม่แน่หล่อนอาจจะไปล่วงเกินคนอื่นเข้าก็ได้?เด็กคนนั้นไม่ใช่คนซื่อสัตย์อะไร คุณก็อย่าโง่โดนหล่อนหลอกเลย”

คุณนายเฉินก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า:“ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็หาวิธีอื่นในการช่วยเหลือหล่อน”

จิ่งหนิงก็รู้สึกได้ในทันทีว่า พวกเขาไม่ค่อยชอบผู้หญิงที่ชื่อเสว่เอ๋อสักเท่าไหร่

แต่ว่า เรื่องพวกนี้เธอคงไปยุ่งอะไรไม่ได้

เธอจึงทำได้แค่เพียงพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า:“คุณชายโจวหากคุณนำของชิ้นนั้นมาให้กับพวกเรา พวกเราจะช่วยแฟนของคุณออกมา แบบนี้ดีไหม?”

โจวลี่เจินจ้องมองไปที่เธออย่างสงสัย

“พวกคุณจะช่วยยังไง?”

“เรื่องนี้คุณไม่ต้องสนใจหรอก พวกเราก็ต้องมีวิธีของพวกเราอย่างแน่นอน คุณแค่ส่งของมาให้พวกเราก็พอแล้ว”

“ไม่ได้”โจวลี่เจินระวังตัวขึ้นมาในทันที และจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาที่ดุเดือด

“หากผมเอาของให้กับพวกคุณ แล้วพวกคุณไม่ช่วยคน ผมจะทำยังไง?”

เมื่อสามีภรรยาของตระกูลเฉินเห็นท่าทีเช่นนี้ ก็โมโหขึ้นมาในทันที

“คุณพูดจาเหลวไหลอะไรของคุณ?พวกเขาจะหลอกคุณงั้นเหรอ?คุณอยู่ในสถานะอะไร จะพูดแบบนั้นกับเขาได้เหรอ”

โจวลี่เจินก็ถูกทำให้หวาดกลัวในทันใด

ในเวลานี้ จี้หลินยวนก็ยืนขึ้น

“ลี่เจิน คุณไม่เชื่อพวกเขา คุณก็น่าจะเชื่อผมนะ?”

โจวลี่เจินมองไปที่เขา

เขารู้จักกับจี้หลินยวนเพราะว่าก่อนหน้านี้ เพราะขณะที่บริษัทเพิ่งตั้ง เขาได้พบเจอกับปัญหานิดหน่อย และจี้หลินยวนก็เป็นคนที่ช่วยเขาแก้ไขปัญหานี้

ดังนั้น เขาจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้า

“ในเมื่อคุณเชื่อใจผม งั้นคุณก็เอาของชิ้นนั้นออกมา คุณสามารถสงสัยได้ว่าคนอื่นจะโกหกคุณ แต่ผมก็คงจะไม่โกหกคุณใช่ไหม”

ไม่พูดก็คงจะไม่ได้ว่า การที่จี้หลินยวนพูดเช่นนี้ โจวลี่เจินก็พอที่จะเชื่อใจเขาอยู่บ้าง

เขาไม่กล้าที่จะมองหน้าจี้หลินยวนเล็กน้อย และหยั่งเชิงถามขึ้นว่า:“คุณรับรองใช่ไหม?”

“ผมรับประกัน”

“ถ้างั้น……ก็ได้”

เขากำมือแน่น ไม่นานก็นำหยกออกมาจากกระเป๋า

จี้หลินยวนรับมา ยื่นหยกให้กับกู้ซือเฉียน

กู้ซือเฉียนรีบมองดูอย่างรีบร้อน ที่แท้เป็นแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์จริงๆ

เขาหันไปที่จี้หลินยวนพลางพยักหน้า ในเวลานี้จี้หลินยวนจึงได้สั่งให้ลูกน้องออกไป จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาที่อยู่ข้างๆ

ขาที่เรียวยาวพาดเข้าหากัน จากนั้นก็เงยหน้ามองไปยัง โจวลี่เจิน

“ตอนนี้คุณบอกมาสิว่าคนพวกนั้นเป็นใคร พวกเขาอยู่ในสถานะอะไร แล้วกักขังแฟนของคุณได้อย่างไร ค่อยๆพูดมาอย่างละเอียด”

เวลาต่อมาโจวลี่เจินก็ได้อธิบายสถานะของคนพวกนั้นให้เขาฟัง รวมทั้งสถานที่ที่พวกเรานัดแลกเปลี่ยนของกัน

หลังจากที่จี้หลินยวนฟังจบ ก็รีบโทรไปกำชับให้คนอื่นจัดการ

ในสายตาของเขา นี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร และเขาไม่จำเป็นที่จะต้องลงมือด้วยตนเอง

แต่เป็นเพราะว่าตอนนี้ยังไม่ได้ช่วยคนกลับมา พวกเขาจึงไม่สะดวกหากจะจากไปตอนนี้ เพราะจะทำให้โจวลี่เจินเกิดความสงสัยในคำพูดของเขาได้ ดังนั้นจึงนั่งรออยู่ที่นี่

ไม่นานลูกน้องของจี้หลินยวนก็หาเบาะแสเจอ

พวกเขาได้รับคำสั่งว่า ให้ช่วยคนอย่างเดียว เรื่องอื่นไม่ต้องยุ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจสถานะของคนพวกนั้น เมื่อช่วยคนได้แล้วก็รีบกลับมา

เดิมทีโจวลี่เจินก็สงสัยในตัวเขาอยู่บ้าง

แต่เมื่อโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น และเขาได้ยินเสียงเสว่เอ๋อด้วยตัวของเขาเอง เขาจึงเชื่อว่า จี้หลินยวนไม่ได้โกหกเขา เขาช่วยคนออกมาจริงๆ

โจวลี่เจินดีอกดีใจเป็นอย่างมาก พลางถามสถานการณ์ของฝ่ายตรงข้าม พลางลุกขึ้นยืน

สีหน้าของสองสามีภรรยาตระกูลเฉินไม่ค่อยสู้ดีนัก

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท