วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1019 เขาเป็นคนเอาไป

บทที่ 1019 เขาเป็นคนเอาไป

แต่เขาไม่เคยเห็นชื่อโจวฉือเจินในใบรายชื่อแขกมาก่อนเลย

เมื่อคิดถึงจุดนี้ สีหน้าของจี้หลินยวนก็ขรึมลง

“ผมไม่เคยเห็นชื่อๆนี้”

เมื่อคำพูดนี้พูดออกไป จู่ๆคุณนายเฉินก็รู้สึกประหลาดใจ

“จะเป็นไปได้ยังไง……”

ในเวลานี้เฉินซื่อโป๋ราวกับคิดอะไรขึ้นได้ ทันใดนั้นก็พูดขึ้นว่า:“ก่อนหน้าที่พวกคุณไม่ได้พูดถึง ผมก็ไม่ทันได้สังเกต แต่เมื่อสักครู่นี้ผมคิดขึ้นได้ วันนี้ผมก็ไม่เห็นฉือเจินเหมือนกัน”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ความจริงก็ถูกเปิดเผย

กู้ซือเฉียนพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า:“ถ้างั้นก็ต้องรบกวนให้คุณนายเฉินช่วยติดต่อหลานชายคนนี้แล้ว”

คุณนายเฉินรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ได้ ฉันจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ”

ขณะที่หล่อนพูด ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหา โจวลี่เจิน

แต่ว่าเมื่อกดโทรศัพท์โทรออก กลับได้ยินเพียงสัญญาณปิดเครื่องของฝ่ายตรงข้าม

ในเวลานี้ ทั้งสองก็ต่างทำอะไรไม่ถูก

“นี่ ทำไมถึงได้ปิดเครื่องล่ะ ?พวกคุณอย่าเพิ่งรีบร้อน ลองโทรดูใหม่ ”

คุณนายเฉินพูดพลาง กดโทรออกอีกหลายครั้ง

จากนั้นไม่ว่าจะโทรออกอย่างไร ฝ่ายตรงข้ามก็ปิดเครื่อง

ในเวลานี้แม้แต่ คุณนายเฉินก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกแล้ว

จิ่งหนิงทำท่าทางเพื่อบอกหล่อนว่าไม่ต้องโทรแล้ว เขยิบก้าวขึ้นไปข้างหน้า และขวางมือของหล่อนไว้

“ไม่ต้องโทรแล้ว”

เธอหันไปมองจี้หลินยวน“คนก็หนีไปแล้ว ก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์เพิ่งจะถูกขโมยไป เขาก็หายตัวไป บนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่บังเอิญขนาดนี้ จี้หลินยวนคุณมีเครือข่ายอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก และก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานที่ คุณสองส่งคนไปตามหาเถอะ”

จี้หลินยวนพยักหน้า เมื่อเฉินซื่อโป๋เห็นเช่นนั้น ก็รีบพูดขึ้นอย่างรีบร้อนว่า:“เดี๋ยวผมจะบอกสถานที่ที่เขาชอบไปให้นะครับ แล้วคุณส่งคนไปตามหาที่นั้น”

ดังนั้น ทั้งสองก็เดินไปด้วยกันเพื่อไปโทรศัพท์

ส่วนด้านนี้จิ่งหนิงเห็นสีหน้าของคุณนายเฉินซีดเผือด ท่าทางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในใจก็อดไม่ได้

แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สามารถลงความเห็นได้ว่าของโจวลี่เจินขโมยไปหรือไม่

แต่ดูจากหลักฐานและสถานการณ์ในตอนนี้ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

เพราะถึงยังไง กุญแจของที่นี่ก็มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่มี และตอนนี้เขาก็ไม่สามารถติดต่อได้

สามีภรรยาตระกูลเฉินไม่มีลูก และพวกเขาก็ปฏิบัติต่อโจวลี่เจินเสมือนลูกแท้ๆมาโดยตลอด แต่หากตอนนี้โจวลี่เจินกลับหักหลังเขา พวกเขาจะรู้สึกเสียใจแค่ไหน

จิ่งหนิงถอนหายใจครู่หนึ่ง เขยิบเข้ามาพลางพูดปลอบใจว่า:“คุณนายเฉินคุณอย่าเพิ่งร้อนใจไปเลยค่ะ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หาคนให้เจอก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

คุณนายเฉินพยักหน้า

ไม่นาน จี้หลินยวนก็ได้ส่งคนแยกตามหา

คุณนายเฉินพาทุกคนเข้ามานั่งยังห้องรับแขก จะสั่งให้คนรับใช้ยกน้ำชามาเสิร์ฟ

เมื่อเฉินซื่อโป๋เห็นว่าสีหน้าของหล่อนไม่ค่อยสู้ดีนัก จึงพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า:“ที่นี่มีผมอยู่ คุณไม่ต้องยุ่งหรอก กลับห้องไปพักผ่อนเถอะ ถ้าได้ข่าวอะไรเดี๋ยวผมจะขึ้นไปบอกคุณเอง”

คุณนายเฉินส่ายศีรษะ

“ตอนนี้เป็นแบบนี้แล้ว ฉันจะหลับลงได้ยังไง?”

หล่อนมองเฉินซื่อโป๋อย่างรอคอย และพลางถามขึ้นว่า:“คุณว่า ของนั้นเจินเป็นคนเอาไปจริงๆเหรอ?”

จู่ๆหว่างคิ้วของเฉินซื่อโป๋ก็ แสดงให้เห็นถึงความลังเลใจ

ในที่สุดก็ส่ายศีรษะ

“ผมเชื่อว่าไม่ใช่เขา แต่ว่ายังไงก็ต้องตามหาเขาให้เจอก่อน”

ในตอนนี้คุณนายเฉินจึงยอมพยักหน้า

คนที่จี้หลินยวนส่งไปตามหา ทำงานได้อย่างรวดเร็วมาก ไม่นาน ก็ตามหาคนจนเจอ

เพียงแต่ว่าตอนที่พาคนกลับมา โจวลี่เจินดูจนตรอกมากเป็นพิเศษ ไม่ได้ดูสง่างามเหมือนเมื่อก่อน

ลักษณะท่าทางของเขาดูไม่มีชีวิตชีวา ไร้ซึ่งพลังงาน เสื้อเชิ้ตบนตัวเขาหลุดลุ่ย ผมก็กระเซอะกระเซิง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเลือดและคราบฝุ่น ดูราวกับไปสู้รบกับใครมา

เมื่อคุณนายเฉินเห็นสภาพของเขาเช่นนี้ ก็ตกใจในทันที

“ลี่เจิน เป็นยังไงบ้าง?ใครทำร้ายคุณเหรอ?”

หล่อนพูดพลางเข้าไปกอดเขาด้วยความรัก

โจวลี่เจินพูดขึ้นด้วยความแค้นใจว่า:“ไม่มีใครทำร้ายผมหรอกครับ ผมเป็นคนทำตัวเอง”

“ทำด้วยตนเอง แล้วทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ล่ะ?”

สรุปแล้วคุณนายเฉินก็ยังคงรักและเอ็นดูเขาอยู่

โจวลี่เจินเงยหน้าขึ้น เหลือบมองกลุ่มคนที่อยู่ ณ ที่นั้นครู่หนึ่ง

“ผม……”เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า:“ผมเห็นพวกเขามาจับตัวผม ผมคิดจะหลบหนี ก็เลยล้มลง”

ในเวลานี้จี้หลินยวนเขยิบขึ้นมาอธิบายว่า:“ลูกน้องของผมลงมือไม่รู้จักกาลเทศะ ทำให้คุณชายโจวต้องตกใจ ต้องขอให้คุณนายเฉินให้อภัยด้วยนะครับ”

ในเวลานี้คุณนายเฉินก็เลยพอที่จะเข้าใจ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง

หล่อนจึงสามารถวางใจลงได้ จากนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นขรึมขึ้น

“ลี่เจิน คุณบอกฉันมาตรงๆนะว่า หยกที่อยู่ในตู้เซฟนั้น คุณเป็นคนขโมยใช่ไหม?”

โจวลี่เจินงงงวยครู่หนึ่ง

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคุณน้ากับคุณลุงของตนจะตามหาตนอย่างเอิกเกริก เพียงเพราะเพื่อสิ่งนี้

เขาฝืนยิ้ม และไม่ได้ปฏิเสธ

“ผมเป็นคนเอาไปเองครับ ”

วินาทีต่อมา ก็รีบพูดขึ้นอย่างขอร้องว่า:“คุณน้า ผมไม่มีวิธีแล้วจริงๆครับ ผมไม่ได้อยากขโมยของ ผมก็แค่ยืมเพียงไปวางมัดจำครู่เดียว รอผมเก็บเงินได้ครบแล้ว ผมก็จะไปไถ่ถอนกลับคืน”

สีหน้าของคุณนายเฉินเปลี่ยนไป

“วางมัดจำ?คุณไปวางมัดจำกับใคร?”

“ก็แค่เพื่อนในวงการธุรกิจ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ โจวลี่เจินก็ร้อนตัวขึ้นมาทันที

เมื่อถึงเวลานี้ ทำไมเฉินซื่อโป๋จะไม่รู้ล่ะว่าเกิดอะไรขึ้น

สีหน้าของเขาขรึมขึ้น พลางร้องขึ้นเสียงแหลมว่า:“เล่าเรื่องทุกอย่างตามความจริงตั้งแต่ต้นจนจบมาให้ผมฟังเดี๋ยวนี้!”

โจวลี่เจินเริ่มสั่นไหว รู้ทันทีว่าหากวันนี้ทำเพียงโกหกเพื่อเอาตัวรอด ก็คงจะทำไม่ได้

คนสองสามคนที่ยืนอยู่ ณ ที่นี่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้จักทุกคน แต่เขาก็พอจะรู้จักอยู่สองคน ซึ่งเป็นบุคคลที่โดดเด่น

บุคคลเช่นนี้ วันนี้กลับมาปรากฏอยู่ที่บ้านของคุณน้า ก็คงจะต้องมีเรื่องสำคัญเป็นแน่

หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องหยกชิ้นนั้น?

แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้ว่าหยกชิ้นนั้นจะมีคุณภาพดี แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลย

หากต้องการที่จะหาหยกชั้นดีจริงๆ นั้นก็ไม่ถือว่าเป็นหยกชั้นยอดนะ

เมื่อคิดเช่นนี้ เขาถึงได้วางใจลง

จากนั้น ก็ได้ยบอกสาเหตุที่ตนขโมยหยกชิ้นนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ที่แท้ ก่อนหน้านี้โจวลี่เจินเคยทำงานอยู่ที่บริษัทของเฉินซื่อโป๋

แต่สองปีที่ผ่านมานี้ เขาก็เริ่มมีความทะเยอทะยาน ไม่อยากที่จะทำงานที่บริษัทของคุณลุงและคุณน้า อยากที่จะออกไปสร้างธุรกิจของตนเอง

พ่อแม่ของเขาเป็นเพียงคนธรรมดา แต่เป็นเพราะว่าเขามีคุณลุงและคุณป้าที่ดี ดังนั้นหลายปีมานี้ทำให้ได้เปิดโลกกว้างเป็นจำนวนมาก

คุณนายเฉินพวกเขาไม่มีลูก จึงปฏิบัติต่อเขาเหมือนลูกแท้ๆ เห็นเขาอยากจะสร้างธุรกิจของตนเอง ในใจก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดี

หากเป็นเด็กที่เชื่อฟังและพึ่งพาอาศัยที่บ้านก็เป็นเรื่องดี แต่หากอยากที่จะออกไปสู่โลกภายนอก ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถ

ดังนั้น ทั้งสองจึงมอบเงินทุนให้กับเขา เพื่อให้เขาออกไปออกไปทำธุรกิจตั้งตัว

สองปีมานี้โจวลี่เจินได้เปิดบริษัทภาพยนตร์สองแห่ง ธุรกิจก็ทำได้เจริญรุ่งเรือง ทุกวันยุ่งจนแทบจะไม่เห็นเงาคน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท