วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1018 มีคนในเป็นขโมย

บทที่ 1018 มีคนในเป็นขโมย

เขาแนะนำทุกคนที่อยู่ในตอนนั้นให้กับภรรยาของตนทีละคนๆ

สุดท้าย ก็หันมามองทุกคน พร้อมกับพูดแนะนำขึ้นว่า:“ขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก ท่านนี้คือภรรยาของผมอะเสียน”

จี้หลินยวนและหัวเหยารีบขเยิบเข้าไปข้างหน้า พลางพูดขึ้นอย่างมีมารยาทว่า:“คุณป้าซื่อ”

คุณนายเฉินดูแล้วน่าจะอายุราวๆสี่สิบกว่าปี อาจเป็นเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง และไม่ได้บำรุงรักษาตนเองสักเท่าไหร่ จึงทำให้ใบหน้าดูขาวซีดและซูบผอม แต่ก็สามารถดูออกว่าพื้นฐานไม่เลว อวัยวะทั้งห้าชวนมอง ตอนที่วัยรุ่นก็น่าจะเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งเลยทีเดียว

หล่อนยิ้มอ่อนๆพลางพูดขึ้นว่า:“ข้างนอกหนาว มีเรื่องอะไร เข้าไปคุยข้างในกันดีกว่า”

ขณะที่พูด ก็ปลีกตัว แล้วให้พวกเขาเข้าไป

เมื่อคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในบ้าน ฮีตเตอร์ก็ทำให้บรรยากาศภายในห้องอบอุ่นคุณนายเฉินสั่งให้คนรับใช้เข้ามาหยิบเสื้อผ้าของพวกเขา

จิ่งหนิงรวมทั้งคนกลุ่มนี้ เนื่องจากออกมาด้วยความรีบร้อน บนร่างกายของพวกเขายังคงใส่ชุดงานเลี้ยงอยู่ เพียงแต่คลุมทับด้วยเสื้อนอกเท่านั้น

แต่ดีที่อยู่ในบ้านอากาศอบอุ่น เมื่อถอดเสื้อคลุมภายนอกออกก็ไม่ทำให้รู้สึกหนาว ดังนั้นทุกคนต่างถอดเสื้อคลุมออก

เฉินซื่อโป๋ถามขึ้นด้วยความรีบร้อน:“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?แผ่นหยกชิ้นนั้นก็วางอยู่ที่บ้านดีๆไม่ใช่เหรอ?ทำไมอยู่ๆถึงได้หายไปล่ะ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของคุณนายเฉินก็ไม่สู้ดีนัก

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ของที่อยู่ในบ้าน ปกติวางตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น และก็ไม่เคยมีใครไปแตะต้อง เมื่อสักครู่ที่คุณโทรมาหาฉัน ฉันก็เลยเปิดตู้เซฟดู ปรากฏว่าของชิ้นนั้นหายไปแล้ว”

สีหน้าของเฉินซื่อโป๋ขรึมลง

“พาผมไปดูหน่อย”

ดังนั้น คนกลุ่มหนึ่งจึงขึ้นไปที่ชั้นสอง

แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ชิ้นนั้น เดิมทีวางไว้ในตู้เซฟ

แม้ว่าในสายตาของเฉินซื่อโป๋มันอาจจะเป็นของปลอม แต่ว่านั้นหมายความว่ามันอาจจะเป็นเพียงแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ของปลอมเท่านั้น แต่บางทีมันอาจจะเป็นหยกชั้นดีก็ได้

ดังนั้นเฉินซื่อโป๋จึงนำมันใส่ไว้ในตู้เซฟและล็อคอย่างแน่นหนา

อีกทั้งตู้เซฟนี้ยังอยู่ในห้องนอนชั้นสอง

เมื่อคนกลุ่มนี้มาถึงยังสถานที่จริง ก็เห็นเพียงตู้เซฟที่เปิดอยู่ ข้างในมีธนบัตรและเอกสาร รวมทั้งกล่องกำมะหยี่สีดำวางอยู่ข้างๆ เมื่อเปิดกล่องออกมา พบว่าข้างในนั้นว่างเปล่า

เฉินซื่อโป๋รีบขเยิบเข้าไปข้างหน้า แล้วหยิบกล่องขึ้นมาดู

จิ่งหนิงถามขึ้นว่า:“ก่อนหน้านี้แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์นี้อยู่ในกล่องนี้ใช่ไหมคะ?”

เฉินซื่อโป๋พยักหน้า

สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก เขาพลิกกล่องกลับไปกลับมาหลายครั้ง จากนั้นก็ดูที่ตู้เซฟ พลางพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า:“ตอนที่คุณเปิดตู้เซฟออก กล่องก็เปิดออกแบบนี้เหรอ?”

คุณนายเฉินส่ายศีรษะ

“เปล่าค่ะ กล่องปิดอยู่ เดิมทีฉันคิดว่าของยังอยู่ในกล่องนั้น ขณะที่กำลังหยิบออกมาดู ตอนที่ถือกล่องอยู่ก็รู้สึกว่าน้ำหนักเบาลงไปมาก มีบางอย่างแปลกๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเปิดออก ก็พบว่าของไม่อยู่แล้ว”

สีหน้าของเฉินซื่อโป๋เคร่งขรึม

คุณนายเฉินกับเขาแต่งงานกันมาเกือบยี่สิบปี สามารถเชื่อใจได้อย่างแน่นอน แต่ว่าที่บ้านนอกจากพวกเขาสองคน โดยปกติแล้วคนรับใช้จะต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะเข้ามาในห้องนอนได้ แล้วของนั้นไปอยู่ที่ไหนล่ะ?

เมื่อคิดเช่นนี้ เขาจึงหันไปมองกู้ซือเฉียน

“คุณกู้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ เดิมทีผมคิดว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่ว่าตอนนี้ ……”

กู้ซือเฉียนยกมือขึ้นมา เพื่อขวางคำพูดประโยคข้างหลังของเขา

“ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมเชื่อในความหวังดีของเฉินซื่อโป๋ ตอนนี้ของก็หายไปแล้ว หากคนเต็มใจ พวกเราพร้อมที่จะช่วยคุณตามหาหยกกลับมา”

เฉินซื่อโป๋พยักหน้า

“ต้องเต็มใจอย่างแน่นอน แต่ว่า……หายังไงล่ะ?”

ทำธุรกิจเขาพอที่จะทำได้ แต่ว่าให้จับขโมย เขานั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย

กู้ซือเฉียนมองไปยังคุณนายเฉิน

“ได้นำของชิ้นนี้ไปใส่ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

คุณนายเฉินพูดขึ้นเสียงเบาว่า:“วางไว้ตั้งนานแล้ว หากต้องนับจริงๆ ก็น่าจะประมาณห้าปีที่แล้ว”

“วางไว้ที่นั้นตลอดโดยไม่มีการขยับเลยใช่ไหม?”

“ไม่ใช่ครับ”เฉินซื่อโป๋พูดเสริมว่า:“พวกเราทำธุรกิจทุกหนทุกแห่ง และได้ซื้อบ้านไว้ในแต่ละพื้นที่ ที่นี่เป็นเพียงหลังหนึ่งเท่านั้น บางครั้งหากทำธุรกิจและต้องการอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ก็จะพักอยู่ที่นี่ บางครั้งคิดถึงของชิ้นนี้ ก็จะหยิบออกมาดู แต่ว่าจำนวนครั้งก็ไม่ได้มากนัก”

“เฉินซื่อโป๋คุณยังจำได้ไหมว่าครั้งสุดท้ายที่คุณเห็นมันคือเมื่อไหร่?”

“ประมาณ……สามวันก่อน?”

เฉินซื่อโป๋ครุ่นคิด พลางพูดขึ้นอย่างลังเล:“เดิมทีผมคิดว่าจะนำมันมามอบเป็นของขวัญให้กับท่านย่าจิ้น แต่เมื่อคิดไปคิดมาเห็นว่ามันเป็นของปลอม เกรงว่าจะไม่เป็นมงคล ก็เลยไม่ได้นำไปมอบให้กับท่าน จึงวางกลับไปที่เดิม”

“แสดงว่า ของชิ้นนี้หายไปในระยะเวลาสามวัน ในคฤหาสน์หลังนี้นอกจากพวกคุณทั้งสองคนแล้ว มีใครเข้ามาอีกบ้างไหม?”

“ไม่มี”

ในครั้งนี้คุณนายเฉินเป็นคนเอ่ยปาก“ที่นี่ฉันอยู่กับเหล่าเฉินแค่สองคน ไม่มีลูกชายและไม่มีลูกสาว แน่นอนว่าคงไม่มีคนอื่นเข้ามา คนรับใช้ภายในบ้านส่วนใหญ่ก็จะอยู่แต่ชั้นบน ห้องนอนและห้องหนังสือที่อยู่ชั้นบน ฉันเป็นคนทำความสะอาดด้วยตนเอง ไม่มีคนนอกเข้ามาอย่างแน่นอน”

หัวเหยายิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“ถ้างั้นก็น่าแปลก ไม่มีคนเข้ามา แล้วของจะอันตรธานสูญหายไปได้ยังไง?”

“แน่นอนว่าคงไม่สามารถอันตรธานสูญหายไปได้”

กู้ซือเฉียนขเยิบเข้ามา ตรวจสอบตู้เซฟอย่างละเอียด พลางถามขึ้นว่า:“รหัสของตู้เซฟนี้ มีแค่พวกคุณสองคนเท่านั้นที่ทราบใช่ไหม?”

“ไม่ใช่ ยังมีหลายชายของบ้านฝั่งแม่ เนื่องจากตู้เซฟหลังนี้เขาเป็นคนมาช่วยพวกเราติดตั้ง พวกเราทั้งสองไม่มีลูกชายและลูกสาว ก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนลูกชายแม้ๆมาโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่ได้ปิดบังเขา เพราะเกรงว่าหากเกิดอะไรที่ไม่คาดคิด อย่างน้อยเขาก็สามารถช่วยพวกเราจัดการได้”

กู้ซือเฉียนพยักหน้า เขาตรวจสอบตู้เซฟก่อน จากนั้นก็เดินไปข้างนอก พลางมองไปที่ประตูของห้องนอน

เฉียวฉีมองเขาด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

กู้ซือเฉียนถาม:“ตอนนี้หลานชายของคุณอยู่ที่ไหน?”

“อ่อ เขาไปร่วมงานวันเกิดของท่านย่าจิ้น”

“เขาก็ไปร่วมงานวันเกิดเหมือนกันเหรอครับ?”หัวเหยาประหลาดใจครู่หนึ่ง

“เขาชื่ออะไร?วันนี้ดูเหมือนว่าผมจะไม่เห็นคนแปลกหน้าเลยนะ”

เพราะถึงยังไงหล่อนก็ได้แต่งงานกับจี้หลินยวนมานานหลายปีแล้ว ญาติพี่น้องของตระกูลจิ้นไม่ว่าจะอายุมากมาย หล่อนก็เคยเจอหมดแล้ว หัวเหยาไม่ได้มีคุณสมบัติพิเศษอะไร คุณสมบัติพิเศษอย่างเดียวของหล่อนก็คือความจำดี

ไม่ต้องพูดหรอกว่าหล่อนจำชื่อของทุกคนได้ไหม แต่อย่างน้อยคนที่หล่อนเคยพบ หากเจอกันอีกครั้งหล่อนจำได้อย่างแน่นอน

คุณนายเฉินพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า:“ไม่เคยเห็นเหรอคะ?เป็นไปไม่ได้ เขาบอกกับฉันเองว่าเขาจะไป”

จี้หลินยวนถามขึ้นว่า:“ขอถามหน่อยนะครับ หลานชายของคุณชื่ออะไร?”

“เขาชื่อโจวฉือเจิน”

โจวฉือเจิน?

หัวเหยาและจี้หลินยวนมองหน้ากัน

เพราะยังไงถือว่าเป็นงานฉลองวันเกิด แขกที่มาร่วมงานทุกคนล้วนมีของขวัญมามอบให้

ตอนที่รับของขวัญ เพื่อสะดวกในการจดจำน้ำใจของคนที่มีต่อกัน จึงมักที่จะมีการจดบันทึกรายชื่อของแขก

ในฐานะที่จี้หลินยวนเป็นหลานเพียงคนเดียวของท่านย่าจิ้น แน่นอนว่าจะต้องเห็นใบรายชื่อนี้

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท