วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1026 ผู้เชี่ยวชาญด้านพืช

บทที่ 1026 ผู้เชี่ยวชาญด้านพืช

ทั้งสองใช้เวลาสองชั่วโมงเต็มเดินเล่นรอบปราสาท

ระหว่างทางก็ได้พบกับคนใช้ของที่นี่มากมาย

พวกเขาส่วนใหญ่พูดภาษาท้องถิ่น แม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่จิ่งหนิงพูด แต่พวกเขาก็อบอุ่นและใจดีมาก

ทั้งสองคนหลงทางอยู่ครู่หนึ่ง และใช้เวลานานกว่าจะกลับไปที่ห้องโถงด้านหน้า ได้

เมื่อกลับไปที่ห้องโถงด้านหน้าได้ก็เป็นเวลาหกโมงไปแล้ว

คุณอาเชวกลับมาจากห้องปฏิบัติการแล้ว และเมื่อเห็นพวกเขา ก็ขอให้คนใช้เรียกโม่ไฉ่เวยและเด็กสองคนมาเพื่อเตรียมทานอาหาร

จิ่งหนิงทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม ซึ่งท่าทางของ คุณอาเชวที่มีต่อพวกเขานั้นอ่อนโยนกว่าเมื่อก่อน

มื้อค่ำเป็นอาหารจานพิเศษของในท้องถิ่น

อานอานและจิ้งเจ๋อน้อยเล่นกับโม่ไฉ่เวยเป็นเวลาหลายชั่วโมงในช่วงบ่าย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็แน่นแฟ้นขึ้น

ตอนที่ทานอาหารเย็น เพียงแค่คำว่าคุณยายคำเดียว ใบหน้าของโม่ไฉ่เวยเกือบจะเบ่งบานด้วยความปิติยินดี

โม่ไฉ่เวยมีความสุข คุณอาเชวก็มีความสุขไปด้วยโดยปริยาย

มองดูเด็กสองคน เหมือนกับมองเห็นของล้ำค่า

ไม่เพียงแต่มอบของขวัญมากมายให้กับพวกเขาเท่านั้น แต่เพราะร่างกายของอานอานนั้นไม่ค่อยดีนัก จึงต้องทำสูตรยารสชาติสำหรับของเด็กๆ อีกด้วย

แม้ว่าอานอานจะคิดว่าพวกเขาดูแปลก ๆ เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จคุณอาเชวจำได้ว่าต้นเงินต้นทองที่เฉียวฉีส่งมาพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย ในขณะนี้ถูกเก็บไว้ในห้องมืดที่ด้านหลัง จึงพาพวกเขาไปดู

เมื่อมีคนสองสามคนมาถึงสถานที่นี้ พวกเขาเห็นว่ามันเป็นห้องที่สร้างด้วยน้ำแข็งทุกด้าน มีกระจกอยู่ด้านบน แต่ดูเหมือนว่าจะมีชั้นฉนวนโปร่งใสอยู่บนกระจก

ด้วยวิธีนี้ ดวงอาทิตย์สามารถส่องแสงได้ แต่จะไม่ส่งผลต่ออุณหภูมิด้านล่าง

หนานกงจิ่นกล่าวก่อนหน้านี้ว่า ต้นเงินต้นทอง จำเป็นต้องเติบโตในที่ชื้นและเย็น ๆ เป็นเรื่องยากที่จะนึกถึงวิธีนี้ภายใต้สภาวะเช่นนี้

จิ่งหนิงและลู่จิ่งเซินต่างก็รู้สึกแปลกใหม่มาก

เห็นได้ชัดว่ากล่องหยกด้านล่างถูกส่งโดยกู้ซือเฉียน

มีชั้นน้ำตื้นอยู่ด้านใน ตรงกลางติดด้วยแถบหยกยาว

คุณอาเชวกล่าวว่า “ผมทำได้แค่ป้องกันไม่ให้พวกมันตายชั่วคราวเท่านั้น ส่วนการแพร่พันธุ์มากขึ้นนั้นคงต้องรอสักพัก”

จิ่งหนิงพยักหน้า

“คุณอาเชวคุณมั่นใจในเรื่องนี้มากแค่ไหน”

คุณอาเชวเหลือบมองที่เธอและขมวดคิ้วเล็กน้อย “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจ”

จิ่งหนิงตกตะลึง

คุณอาเชว พูดอย่างเคร่งขรึม: “สิ่งนี้มันละเอียดอ่อนมาก ผมไม่ใช่นักปลูกดอกไม้มืออาชีพ ผมไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับสิ่งนี้ ผมแค่เก็บไว้ตามวิธีที่คุณพูดก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่า หนานกงจิ่นมีบางอย่างซ่อนอยู่ แต่นี่เป็นเรื่องปกติ คุณไม่ได้มอบแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ให้แก่เขา ดังนั้น เขาก็จะไม่บอกวิธีการจริงๆแก่คุณ”

“แต่อย่ากังวลมากไป ผมมีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ผมโทรหาเขาเมื่อสองวันก่อน เมื่อแล้วเขาจะมาที่นี่ แล้วเราก็จะมาเรียนรู้ด้วยกัน บางทีอาจจะได้ผลอะไรบ้าง แต่ผลลัพธ์ก็ยังไม่แน่นอน”

จิ่งหนิงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยในขณะนี้

หลังจากเห็นต้นเงินต้นทองแล้ว คุณอาเชวก็พาพวกเขาไปเดินเล่นรอบสวนสมุนไพรที่เขาปลูกไว้

จิ่งหนิงเคยได้ยินชื่อเสียงของหมอผีมาก่อน แต่ไม่เข้าใจถึงรายละเอียด

ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าเขาไม่เพียงเชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนตะวันตกเท่านั้น แต่ยังเชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนอีกด้วย

จิ่งหนิงสงสัยอย่างอดไม่ได้ เมื่อกลุ่มคนซื้อของเสร็จแล้ว เธอก็กลับไปที่ห้องนั่งเล่นและนั่งลง เธออดไม่ได้ที่จะถาม “คุณอาเชวฉันเห็นว่าคุณรู้เรื่องยาจีนมากพอสมควร คุณควรเป็นคนจีนด้วยใช่ไหม”

คุณอาเชวไม่ได้เก็บซ่อนและพยักหน้า “ใช่”

“แล้วทำไมคุณถึงมาที่นี่? แล้วยังอยู่ที่นี่อย่างสันโดษอีก?”

คุณอาเชวไม่พูดไม่จา

โม่ไฉ่เวยยิ้มและพูดว่า: “ครอบครัวของ อะซู่ ก็เป็นครอบครัวทางการแพทย์ แต่ต่อมามีบางอย่างเกิดขึ้นและสมาชิกในครอบครัวไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไปดังนั้นเขาจึงไปต่างประเทศเพื่อเรียนแพทย์กับคนอื่น ๆ อาจารย์ของเขาเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน หลังจากที่อาจารย์เสียชีวิต เขาไม่ได้ย้ายออกไป ดังนั้นเขาจึงอยู่ที่นี่”

จิ่งหนิงก็พูดขึ้นว่า “เป็นอย่างนี้นี่เอง”

ในเวลานั้น อานอานก็วิ่งเข้ามาจากข้างนอกและพูดว่า “คุณแม่ หนูเพิ่งเห็นลุงแปลกหน้า กำลังวิ่งไปที่นั่น”

จิ่งหนิงตกตะลึงและกำลังลุกขึ้นยืน

คุณอาเชวก็พูดขึ้นทันทีว่า “ไม่ต้องกังวล เขาเป็นรุ่นพี่ของฉัน และเขาป่วยทางจิต แค่คิดเสียว่าเขาไม่มีอยู่จริง”

จิ่งหนิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่า คุณอาเชวและโม่ไฉ่เวยต่างก็มีความลับ ดูเหมือนไม่สะดวกที่จะพูดมากกว่านี้ ดังนั้นเธอจึงไม่ถามอะไรต่อ

คืนนั้น พวกเขาอยู่ในปราสาทโดยปริยาย

โม่ไฉ่เวยขอให้คนใช้ทำความสะอาดห้องสำหรับพวกเขา จิ่งหนิงไม่ได้กังวลว่าจิ้งเจ๋อน้อยจะนอนคนเดียว ดังนั้นเขาจึงจัดเตียงในห้องระหว่างเขากับลู่จิ่งเซิน

ไม่ว่าตอนนี้อานอานจะโตแค่ไหน ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร

ในตอนกลางคืน หลังจากที่เด็กๆ นอนหลับหมดแล้ว ลู่จิ่งเซินก็จูบเธอที่หน้าผากและกระซิบว่า “ไปนอนเถอะ”

จิ่งหนิงพยักหน้า

ไม่มีความฝันทั้งคืน

เมื่อตื่นขึ้นในเช้าวันที่สอง พระอาทิตย์ก็ส่องแสงอยู่ด้านนอกแล้ว

ในทะเลทราย ช่วงกลางคืนสั้นและช่วงกลางวันยาวนาน ดวงอาทิตย์ส่องแสงแล้วในตอนหกหรือเจ็ดโมงเช้า และดวงอาทิตย์จะไม่ตกจนกว่าจะถึงสี่ทุ่ม

จิ่งหนิงไม่ชินกับมันจริง ๆ แต่เพราะมีม่านหนากั้นมันจึงไม่เป็นไร

หลังจากที่เธอลุกขึ้นและอาบน้ำ เธอออกไปและเห็นลู่จิ่งเซินกำลังเล่นกับเด็กสองคนอยู่ในห้องนั่งเล่น

จิ้งเจ๋อน้อยนั่งอยู่บนพรม อานอานกำลังหันหลังกลับ และลู่จิ่งเซินก็นั่งบนโซฟา บอกให้เขาประกอบเลโก้ทีละชิ้น

จิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะยกริมฝีปากเมื่อดูภาพที่อบอุ่นเช่นนี้

“หนิงหนิง เธอตื่นแล้ว”

เสียงของโม่ไฉ่เวยมาจากด้านหลัง

จิ่งหนิงหันหน้าไปเห็นโม่ไฉ่เวยในชุดสีขาว พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

“อืม ฉันตื่นสาย”

“เธอกำลังตั้งครรภ์ เป็นเรื่องปกติ ไปกินข้าวเช้ากันก่อน หลังจากอาหารเช้าก็ดื่มยา เมื่อคืนฉันบอกคุณอาเชวเกี่ยวกับอาการแพ้ท้องของเธอแล้ว และเขาก็เตรียมยามาให้โดยเฉพาะ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จิ่งหนิง ก็รีบขอบคุณ คุณอาเชวและกลุ่มคนก็เดินไปที่ห้องอาหาร

อาหารเช้าเป็นอาหารท้องถิ่น บวกกับอาหารเบาๆ สองสามอย่างที่มีรสชาติแบบจีน

โม่ไฉ่เวยยิ้มและพูดว่า: “ฉันเกรงว่าพวกเธอจะไม่ชินกับการกินที่นี่ ฉันเลยขอให้ครัวเตรียมอาหารในบ้านเป็นพิเศษ พวกเธอดูและทานอะไรก็ได้ที่ชอบ แล้วฉันจะให้พวกเขาเตรียมสิ่งที่คุณชอบเป็นอาหารต่อไป”

จิ่งหนิงยิ้มและพูดว่า “ฉันทานได้หมด”

อานอานและจิ้งเจ๋อน้อยไม่ใช่เด็กเลือกทาน บวกกับทักษะการทำอาหารของโม่ไฉ่เวยนั้นดีมากจริงๆ

ไม่ว่าจะจานไหนในมือเธอต่างก็มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์

เมื่อเห็นสิ่งนี้ รอยยิ้มของโม่ไฉ่เวยก็ยิ่งชัดเจนขึ้น

ทานเสร็จก็ชวนกันออกไปเดินเล่น

ที่นี่อากาศร้อน เป็นทะเลทรายนอกเมืองนี้ อุณหภูมิต่ำกว่าแต่ก็ยังร้อนมาก

นอกจากนี้ อุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนก็แตกต่างกันมาก และพวกเขาไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไรหลังจากออกไป

ดังนั้น โม่ไฉ่เวยจึงไม่เพียงแค่ทำครีมกันแดดเท่านั้น แต่ยังนำเสื้อคลุมหนาๆ ทั้งสำหรับผู้ใหญ่และเด็กมาให้ด้วย

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท