วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1040 หิมะพัดลอยในทะเลทราย

บทที่ 1040 หิมะพัดลอยในทะเลทราย

จิ่งหนิงก้มตัวลงกำหิมะขึ้นมา ยิ้มว่า: “ฉันเพิ่งเคยเห็นหิมะในทะเลทรายครั้งแรก ฉันจะรอดูว่ามีอะไรไม่เหมือนที่นั่น”

ลู่จิ่งเซินเห็นแล้วก็ลากเธอขึ้นมา ปาดหิมะในมือเธอออก สีหน้าเคร่งและพูดว่า: “อย่าโหยกเหยก ระวังหนาวจนไม่สบายยนะ”

จิ่งหนิงรู้สึกว่าตอนนี้ผู้ชายคนนี้ยุ่งกับเธอมากเกาไปแล้วจริงๆ

นี่ก็ห้ามจับ นั่นก็ห้ามจับ ทำอย่างกับเธอเป็นตุ๊กตาเต้าหู้ แตะนิดแตะหน่อยก็จะแตกสลายอย่างนั้น

เธออดรู้สึกขำและรำคาญนิดหน่อยไม่ไว้: “ฉันไม่เป็นอะไรหรอก คุณอย่าตื่นเต้นเกินไปเลย”

ขณะที่พูดอยู่ยังคงยื่นมือออกไปรับเกล็ดหิมะมาอีกหลายเกล็ด

เกล็ดหิมะนั้นโดนมือก็ละลายแล้ว ความหนาวเย็นละลายอยู่ตรงปลายเท้า ก็มีความรู้สึกอีกแบบหนึ่งเช่นกัน

ลู่จิ่งเซินเห็นแล้วก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

เอาเธอไม่อยู่ สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยเธอไป

จิ่งหนิงเล่นหิมะได้สักพัก ไม่รู้เหมือนกันว่าอานอานก็ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว

วันนี้เธอห่อผ้าพันคอไว้ ใส่เสื้อนวมกันหนาวขนสัตว์สีขาวไว้บนตัว ทั้งคนดูเหมือนเป็นลูกข้าวเหนียวก้อนน้อยๆ ถึงแม้หน้าเล็กอันใสสะอาดยังไม่ได้เติบโตอย่างเต็มที่ แต่กลับสามารถมองออกความรู้สึกของสาวงามจากคิ้วตาอันสวยงามนั้นแล้ว

เธอก็เรียนแบบจิ่งหนิงถือหิมะในกำมือขึ้นมายิ้มเล่น

เหล่าคนใช้ที่อยู่ตรงไม่ไกล ตอนแรกที่เห็นพวกเขาออกมายังรู้สึกตื่นเต้นอยู่

กลัวจะถูกพวกเขาเห็นตัวเองเล่นอยู่ตรงนี้จะถูกด่าว่า

แต่ตอนนี้เห็นพวกเขาแล้วกลับไม่เพียงแค่ไม่ได้ด่าว่าพวกเขา แต่ตัวเองกลับเล่นด้วยคนแล้ว ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมาด้วยกัน

ถึงอย่างไรจิ่งหนิงก็ยังตั้งครรภ์อยู่ มีลู่จิ่งเซินอยู่ข้างๆ ก็ไม่อนุญาตให้เธอเล่นนานเกินไป

ดังนั้นก็แค่เวลาไม่กี่นาทีก็ดึงเธอเข้าบ้านแล้ว

แน่นอนว่าอานอานก็ถูกดึงเข้าไปแล้วเช่นกัน

เมื่อกลับเข้ามาในห้องนอน อุณหภูมิก็กลับมาสูงขึ้นทันที หลังจากกี่คนนี้นั่งลงอยู่บนโซฟาแล้ว ลู่จิ่งเซินเอามือน้อยของเธอไว้ในฝ่ามือถูไปถูมา จึงถูจนมือของเธออุ่นขึ้นมานิดหนึ่ง

อานอานเห็นแล้วก็มาเข้าใกล้ เอาสองมือของตัวเองยัดเข้าไปในอ้อมแขนของลู่จิ่งเซิน

“แด๊ดดี้ หนูก็อยากเอาแบบนี้”

ลู่จิ่งเซินจำใจได้แต่ปล่อยให้เธอเอามือเย็นๆ ไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง

โม่ไฉ่เวยยิ้มว่า: “หิมะที่นี่ไม่มีอะไรน่าดูเลย แต่ที่นี่มีภูเขาลูกหนึ่ง ปกติที่นั่นลมแรงและทรายปลิวเยอะ ไม่ค่อยมีคนอะไรไป เดี๋ยวทานข้าวเที่ยงเสร็จ ถ้าพวกเธอรู้สึกสนใจ เราก็สามารถไปลองดูด้วยกันหน่อย”

จิ่งหนิงได้ยินแล้วตาสว่างขึ้นและพยักหน้าทันที “ดีเลยๆ”

ดังนั้น รอหลังจากทุกคนทานข้าวเที่ยงตอนเที่ยงเสร็จก็นั่งรถออกบ้านแล้ว

พอมาถึงตีนดอยแล้ว ถึงเห็นว่าหิมะที่นี่ตกหนักกว่า ยิ่งกว่านั้นยังปิดทางขึ้นเขาไว้แน่นมากเลย

คนกลุ่มหนึ่งได้แต่จำใจกลับไป

ตอนที่กลับมา จิ่งหนิงจู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าออกมาครั้งนี้ตัวเองยังไม่ได้ซื้อของอะไรเลย

ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว พวกเขาอยู่ที่นี่ไม่นาน อีกไม่กี่วันก็คงต้องกลับไปแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะเลือกหนึ่งวันก็เอาวันนี้เลยดีกว่า วันนี้ก็จะไปซื้อของขวัญที่จะเอากลับไปเรียบร้อย

ลู่จิ่งเซินไม่มีปัญหา ดังนั้นคนกลุ่มหนึ่งจึงไม่ได้กลับบ้านต่อ แต่คือเดินไปทางห้างสรรพสินค้า

เมื่อเข้าไปห้างสรรพสินค้า จิ่งหนิงกว่าจะควบคุมอาการชั่ววูบที่อยากจะซื้อๆๆ ของตัวเองไว้ได้ จึงเลือกซื้อของเล็กๆ ที่เอากลับไปง่าย

ไม่ใช่ว่าเธอไม่กล้าใช้เงิน แต่คือครั้งนี้เธอออกมาเพื่อซื้อของขวัญให้คนที่บ้าน เนื่องจากท่านย่าพวกเขาไม่ได้มาที่นี่ ยังไงก็ต้องซื้อของกลับไปให้บ้าง

แต่ถ้าซื้อเยอะแล้วเอาไว้ที่นี่ โม่ไฉ่เวยพวกเขาก็ไม่ต้องการ เอากลับไปก็ยุ่งยาก อย่างนั้นก็เปลืองมากเลยไม่ใช่เหรอ

ถึงแม้ตระกูลลู่มีธุรกิจอันใหญ่หลวง แต่ระเบียบของครอบครัวดีสุดๆ มาตลอด

ปกติจิ่งหนิงเพื่อที่จะสั่งสอนลูกๆ ก็ให้พวกเขาต้องขยันและประหยัดมาโดยตลอด ห้ามตั้งใจสิ้นเปลืองเพราะที่บ้านร่ำรวยเด็ดขาด

ยังดีที่ทั้งอานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยเป็นเด็กที่เข้าใจง่ายมาก และยังเติบโตในบรรยากาศแห่งความรักด้วย ดังนั้นด้านนี้ทำได้ดีมาก

คนกลุ่มหนึ่งหลังจากซื้อของเสร็จแล้ว เห็นว่าเวลายังเช้าอยู่จึงไม่รีบกลับไป แต่คือหาสถานที่ทิวทัศน์ดีมาก ชมหิมะชมทิวทัศน์ไปด้วย ทานอาหารว่างยามบ่ายไปด้วย

ตอนที่ทานอาหารว่างยามบ่ายอยู่ จู่ๆ เชวซู่ก็ได้รับสายจากคนหนึ่ง

ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายเป็นใคร พูดอะไรในมือถือ เห็นแต่สีหน้าของเขามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

หลังจากวางสายลงแล้วก็พูดกับโม่ไฉ่เวยว่า: “ห้องทดลองฝั่งนั้นเกิดเรื่องนิดหน้อย ผมจำเป็นต้องไปรอบหนึ่ง”

โม่ไฉ่เวยเข้าใจคนมาโดยตลอด เห็นแล้วจึงเป็นห่วงมากว่า: “เป็นเรื่องที่หนักมากเหรอ ยุ่งยากไหม”

“ตอนนี้ยังไม่แน่ใจ”

เชวซู่พูดไปด้วย ลุกขึ้นไปด้วย ดูไปที่จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซิน

“พวกคุณเที่ยวต่อเลย ผมยังมีธุระ ขอตัวไปก่อนนะ”

จิ่งหนิงพยักหน้า ทีนี้โม่ไฉ่เวยจึงเป็นห่วงว่า: “งั้นคุณไปดีๆ นะ อย่าลืมตอนเย็นกลับมาทานข้าวเช้าหน่อย”

“รู้แล้ว”

เชวซู่พูดจบก็ไปแล้ว

จิ่งหนิงมองด้านหลังที่เขาจากไป ถามว่า: “แม่ ในห้องทดลองของคุณอาเชวทำการวิจัยเกี่ยวกับอะไรเป็นหลักเหรอ”

โม่ไฉ่เวยยิ้ม “ฉันก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดสักเท่าไหร่ แต่ก็คือเกี่ยวกับพยาธิวิทยา เชื้อโรคอะไรพวกนั้นน่ะ”

จิ่งหนิงพยักหน้า

“เมื่อก่อนฉันก็เคยได้ยินมาว่ามีหมอผีคนหนึ่งทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม บนโลกนี้ไม่มีโรคที่ท่านรักษาไม่ได้ ตอนนั้นยังคิดอยู่ว่าเสียดายแล้วที่คนอย่างนี้อาศัยอยู่อย่างสันโดษ อยากจะหาก็หาไม่เจอ ตอนนี้เพิ่งมรู้ว่าคนนั้นก็คือคุณอาเชว ต้องบอกเลยว่าเรื่องพรหมลิขิตมันมหัศจรรย์จริงๆ”

โม่ไฉ่เวยก็อุทานว่า: “ก็ใช่สิ จริงๆ แล้วฉันก็รู้สึกขอบคุณมากที่ได้พบกับเขา ถ้าไม่ใช่เขา ฉันอาจจะเสียชีวิตเมื่อสิบปีก่อนแล้วก็ได้ จะมามีทุกวันนี้ได้ยังไง”

สองคนพูดคุยไปด้วย ดื่มชายามบ่ายไปด้วย

จนถึงใกล้จะหกโมงเย็นถึงออกไปจากร้านน้ำชา

ตอนออกไป โม่ไฉ่เวยได้รับสายที่เชวซู่โทรมาอย่างกะทันหัน

ในมือถือ น้ำเสียงของเชวซู่ฟังดูตื่นเต้นมาก

“ไฉ่เวย จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินยังอยู่กับคุณอยู่ไหม”

โม่ไฉ่เวยตะลึง หันหลังดูจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินแวบหนึ่ง ถามว่า: “อยู่นิ ทำไมเหรอ”

โม่ไฉ่เวยอึ้ง หันหลังมองจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินแวบหนึ่ง ถามว่า: “อยู่ตรงนี้อยู่ ทำไมเหรอ”

“คุณให้เขาสองคนกลับไปบ้านรอผม ผมจะรีบกลับไป มีข่าวดีจะบอกเขาสองคน”

เชวซู่พูดจบก็วางสายลงเลย

เนื่องจากยืนอยู่ใกล้กัน จริงๆ แล้วตอนที่โม่ไฉ่เวยคุยโทรศัพท์เมื่อกี้ จิ่งหนิงก็ได้ยินเนื้อหาในโทรศัพท์แล้ว

ดังนั้น ขณะนี้ยกคิ้วและถามว่า: “คุณอาเชวมีเรื่องหาพวกเราเหรอ”

โม่ไฉ่เวยพยักหน้า แต่ก็งงเหมือนกัน

“เขาก็ไม่ได้บอกในมือถือชัดเจนว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ฟังจากน้ำเสียงของเขา เหมือนจะเป็นเรื่องดีนะ”

จิ่งหนิงยิ้มพูด: “ถ้าเป็นเรื่องดี งั้นเราก็รีบกลับไปเถอะ ไม่แน่อาจจะมีข่าวดีอะไรกำลังรอเราอยู่นะ”

โม่ไฉ่เวยพยักหน้า

ดังนั้น คนกลุ่มหนึ่งถึงขึ้นไปนั่งลงและขับรถกลับบ้าน

เมื่อกลับมาถึงปราสาท ก็เห็นเชวซู่กลับมาถึงแล้ว

กี่คนนี้เข้าไปในประตูก็เห็นชายวัยกลางคนที่ไม่คุ้นเคยนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท