วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1039 ความคิดอีกอย่าง

บทที่ 1039 ความคิดอีกอย่าง

ไม่มีใครรู้ อันที่จริงในใจของเขายังแอบมีความคิดอีกอย่างหนึ่ง

นั่นก็คือ ประวัติของเฉียนเฉียนเป็นความลับ

ความลับที่บอกไม่ได้บนโลกใบนี้

ถึงอย่างไร แม้เขาจะเชื่อว่าเฉียนเฉียนมาจากอีกดวงดาวหนึ่งจริง ไม่ใช่ปีศาจที่เขาว่ากัน แต่คนอื่นก็ไม่เชื่อ

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะด้วยจุดประสงค์ไหน อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ความลับของเฉียนเฉียนถูกแฉออกไป อย่างนั้นสิ่งที่ต้อนรับเธอก็มีแต่ตายอย่างเดียว

เขาจะไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเธอเด็ดขาด

เพราะฉะนั้น บนโลกนี้นอกจากเขาแล้ว ทุกคนที่รู้ความลับนี้ต้องตาย

รวมทั้งน้องสาวของพระราชินีที่เฉียนเฉียนเรียกเธอว่าเพื่อนคนนั้น

สำหรับจุดนี้ เขารู้ดีว่าเฉียนเฉียนไม่มีวันเข้าใจ ดังนั้นเขาก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเช่นกัน

แต่ตอนนี้พอนึกขึ้นมาแล้ว ถ้าตอนนั้นเขาพูดถึงเรื่องนี้ให้เช้าหน่อย จะสามารถเปลี่ยนแปลงผลนั้นสักนิดเดียวไหม

แต่บนโลกใบนี้จะไปมีคำว่าถ้าสักที่ไหน

อย่างเช่นตอนนั้นที่เขาตัดสินใจใช้เฉียนเฉียนไปปลอมตัวเป็นตัวจริงและแย่งอำนาจในการเมือง

เขาไม่เคยบอกแผนนี้ให้กับใคร รวมทั้งเฉียนเฉียนที่เข้าวังไปแทนเพื่อเขา

จริงๆ แล้วตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมาก แค่จิตใต้สำนึกรู้สึกว่าหลังจากรอเขาแย่งอำนาจในการเมืองมาได้แล้ว เฉียนเฉียนยังคงเป็นคนของเขาเหมือนเดิมแน่นอน

เขาจะไม่ทำร้ายเธอ เธอจะยังคงอาศัยอยู่ในบ้านรองของเธอ รอเธอกลับมาจากการเข้าเฝ้ากษัตริย์ในท้องพระโรงทุกวัน ชมดอก ทำอาหาร พูดคุยความในใจกับเธอด้วยกัน

ข้างตัวของเขาสามารถมีแค่ผู้หญิงเพียงเธอคนเดียว หลังจากนั้นจะไม่มีการขัดขวางใครอีก และจะไม่มีคู่อริอีกต่อไป ทุกอย่างของข้างนอกสงบลง เขาสองคนก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขด้วยกัน

แต่คนเราน้อ เป็นไปไม่ได้ที่จะคิดตามความคิดของเขาเสมอ และเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องบนโลกใบนี้จะเป็นไปตามอย่างที่ตัวเองคิดทุกเรื่อง

เพราะฉะนั้น เมื่อความจริงทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมาตอนสุดท้าย สายตาที่เฉียนเฉียนมองเขาถึงผิดหวังและเสียใจขนาดนั้นมั้ง

เธอเคยบอกว่าเขาคือความผูกพันเดียวของเธอบนโลกใบนี้

ก็เพราะว่าเชื่อใจเขา ไม่อยากให้เขาได้รับบาดเจ็บ เพราะฉะนั้นเธอยอมละทิ้งความเย่อหยิ่งของตัวเองเข้าวังแทนเขา

แต่แล้วผลเป็นยังไงล่ะ

แต่สิ่งที่ตามมากลับเป็นการหลอกลวง

แม้จะมีเหตุผลเป็นพันเป็นหมื่น เขาทำลายประเทศชายแดนเป็นเรื่องจริง เขาสังหารหมู่ทั้งครอบครัวราชวงศ์เป็นเรื่องจริง เธอไม่สามารถให้อภัยได้ และไม่สามารถเผชิญหน้าได้ด้วย

ดังนั้น ตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและล้มลงอยู่ตรงนั้นตอนสุดท้าย เธอจึงไม่ได้ฆ่าเขา แต่กลับนำชิปของตัวเองใส่เข้าไปในร่างกายของเขามั้ง

เธอบอกว่า ฉันไม่ให้คุณตาย ฉันจะให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อชาติต่อชาติ เพื่อไปชำระบาปกรรมของคุณ

แต่ใครจะรู้ จริงๆ แล้วสำหรับเขานั้นการมีชีวิตอยู่ทรมานยิ่งกว่าการตายอีก

ทุกครั้งที่ดึกสงัดเงียบสงบ เขานอนอยู่ตรงนั้นตัวคนเดียวและย้อนความทรงจำถึงหลายสิ่งอย่างในอดีต รู้สึกได้แต่หัวใจดวงหนึ่งเหมือนถูกมีดตัดออกมาเป็นรูใหญ่ ลมหนาวพัดเข้าไปข้างใน ทำให้คนหนาวยันปลายหัวใจ

เฉียนเฉียน คุณสบายดีไหม

คุณดูสิ ผมมีชีวิตอยู่มาหลายปีมากแล้ว บาปกรรมที่ผมควรชำระก็ชำระหมดตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณยอมเจอผมอีกครั้งหนึ่งหรือยัง

แค่คุณยอมเจอผม แม้จะให้ผมพลิกโลกนี้ให้คว่ำอีกครั้งก็แล้วไง

เขายื่นมือออกไป นิ้วมือสัมผัสลมเย็นๆ ในกลางคืน ความรู้สึกเหมือนถูกหญิงสาวจูบมากเลย เหมือนเสียงหัวเราะพูดคุยอันไพเราะของเธอดังมากข้างหูอีกครั้งหนึ่งแล้ว

“ท่านใหญ่ เข้าฤดูหนาวแล้ว ท่านดูสิ หิมะตกแล้ว”

หนานกงจิ่นโค้งมุมปากจึ้นมาอย่างพอใจ

วันต่อมา เมื่อจิ่งหนิงตื่นขึ้นมายังอยู่ในผ้าห่มอยู่ก็ทนจามไม่ไว้แล้ว

เธอขยี้จมูก ห่มผ้าห่มไว้แน่นๆ ถามว่า: “ลู่จิ่งเซิน ทำไมวันนี้หนาวขนาดนี้ ฝนตกเหรอ”

ขณะนี้ลู่จิ่งเซินกำลังสวมเสื้อคลุมนอนสีเทาและยืนอยู่ข้างหน้าหน้าต่างอยู่

ผ้าม่านถูกเขาดึงออกมาครึ่งหนึ่ง แสงข้างนอกส่องเข้ามา แต่แตกต่างจากแดดแผดจ้าที่จิ่งหนิงคุ้นเคยเมื่อสอง สามวันก่อน ข้างนอกกลับเหมือนหิมะตกแล้ว มีเกล็ดหิมะปลิวลงมาตามสายลมเป็นเกล็ดเล็กๆ

เธอแค่เหลือบมองแวบเดียวก็อึ้งมากแล้ว

ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงทันทีเลย ปีนไปทางหน้าต่าง

“หิมะตกแล้ว? ทำไมถึงเป็นแบบนี้”

ลู่จิ่งเซินเอาผ้าม่านลง เดินมาหยิบเสื้อกันหนาวของเธอคลุมไว้บนไหล่ของเธอ

“ใช่สิ ผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าทะเลทรายก็ฝนตกเป็นด้วย”

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว

“ตอนนี้ในประเทศก็เข้าหน้าหนาวแล้ว แต่ฉันก็นึกว่าที่นี่น่าจะร้อนจัดตลอดทั้งปี”

“ก็ไม่แน่”

ลู่จิ่งเซินพูดอย่างเฉยเมย: “ก่อนหน้าผมก็เคยได้ยินมาว่าที่นี่ก็จะมีหนึ่งถึงสองเดือนเป็นฤดูหนาว ตอนนั้นอุณหภูมิจะเปลี่ยนเป็นหนาวขึ้นอย่างกะทันหัน น้ำฝนก็จะค่อยๆ เยอะขึ้นมา แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นหิมะตก”

จิ่งหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ลงจากเตียง เดินไปข้างหน้าต่างเปิดผ้าม่านออก

แห็นแต่หิมะข้างนอกตกไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ถ้าไปอยู่ที่เมืองหลวงในประเทศ แทบสามารถมองข้ามไม่ถือว่าเป็นเรื่องอะไรเลย

แต่อาจจะเป็นเพราะที่นี่เห็นยากมากจริงๆ ดังนั้นถึงจะเป็นหิมะที่เล็กเช่นนี้ ก็มีคนไม่น้อยที่เงยหน้าขึ้นมาดูจากด้านล่างเหมือนกับดูสิ่งมหัศจรรย์อยู่ ยิ่งกว่านั้นคือยังมีคนโห่ร้องขึ้นมาเบาๆ

พวกเขาล้วนเป็นคนใช้ในปราสาท เติบโตที่นี่ตั้งแต่เด็ก สงสัยก็คงไม่เคยเห็นปรากฏการณ์นี้มาก่อนจริงๆ

จิ่งหนิงอดหัวเราะไม่ไว้ เธอหันหลังบอกลู่จิ่งเซินว่า: “เราลงไปดูกัน”

“ได้”

เนื่องจากอากาศหนาวขึ้น ทั้งสองคนใส่เสื้อผ้าที่หนามาก

ลู่จิ่งเซินหยิบเสื้อคลุมและผ้าพันคอ และยังห่อจิ่งหนิงไว้อย่างแน่น ถ้าไม่ใช่ว่าคิดจะไม่ออกไปนอกบ้าน สงสัยคงต้องใส่หมวกให้เธออีกหนึ่งใบแล้ว

จิ่งหนิงถูกเขาทำจนไม่รู้สึกอารมณ์เสียอะไรเลย แค่ยืนหัวเราะอยู่ตรงนั้น

หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว ลู่จิ่งเซินถึงจับมือเธอลงไปชั้นล่าง

ชั้นล่าง อานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยกลับตื่นมาตั้งแต่เช้าแล้ว

ตอนเช้าลูกจะหิวเร็วมาก โดยเฉพาะจิ้งเจ๋อน้อย เด็กผู้ชายขี้เล่นจึงหิวเร็วมาก ร้องอยากกินของตั้งแต่เช้าแล้ว

ขณะนี้โม่ไฉ่เวยกำลังป้อนสาคูไข่มุกที่เพิ่งยกขึ้นมาจากห้องครัวให้เขาดื่มอยู่

เห็นจิ่งหนิงเขาลงมากันแล้ว จิ้งเจ๋อน้อยโบกมือให้พวกเขาอย่างดีใจ ชี้ของหวานตรงหน้าตัวเองเหมือนกับเสนอสิ่งล้ำค่าอยู่

“หม่ามี๊ อร่อย”

จิ่งหนิงยิ้มลูบหัวน้อยๆ ของเขา “ถ้าอร่อยลูกก็ดื่มเยอะๆ หน่อย”

โม่ไฉ่เวยยิ้มว่า: “วันนี้ข้างนอกกลับหิมะตกแล้ว ฉันอาศัยอยู่ที่สิบปีแล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เคยเจอเลย พวกเธอสามารถออกไปดูได้นะ”

ข้างๆ วันนี้นานทีปีหนเชวซู่ไม่ได้ไปห้องทดลอง และคล้อยตามว่า: “อย่าพูดว่าคุณเลย ผมอยู่ที่นี่สามสิบกว่าปีแล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ได้เจอเลย”

ขณะที่พูดอยู่เขาขมวดคิ้วขึ้นมา ดูเกล็ดหิมะที่ปลิวอยู่ด้านนอกและทอดถอนใจประโยคหนึ่ง

“มีนิมิตบนท้องฟ้า ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ”

พอโม่ไฉ่เวยได้ยินก็จ้องเขาทันที

“คุณอย่าพูดมั่ว อะไรคือมีนิมิตบนท้องฟ้าดูเหมือนไม่ใช่เรื่องดี นี่ก็ไม่ใช่สังคมศักดินาโบราณ คุณอย่ามาเผยแพร่เรื่องพวกความเชื่อศักดินาเลย นี่ก็แค่การเปลี่ยนแปลงของอากาศที่ปกติอยู่แล้ว”

จิ่งหนิงเห็นเขาสองคนทะเลาะกันก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกันด้วย ลากลู่จิ่งเซินออกไปแล้ว

บนพื้นด้านนอกสะสมเป็นแผ่นน้ำแข็งบางๆ แล้ว ดูก็รู้ว่าตกตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท