วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1042 ทหารมาใช้ขุนพลต้าน

บทที่ 1042 ทหารมาใช้ขุนพลต้าน

“ใช่ แต่จะเป็นห้องเย็นไม่ได้นะ แต่เป็นสถานที่ที่เย็นเหมือนห้องเย็น เป็นห้องที่เย็นชื้นอย่างนั้น”

เซวซู่ใช้ความคิดแล้วส่ายหน้า

“คุณสร้างความลำบากให้ผมแล้ว ผมมีห้องใต้ดินนะ แต่มันไม่ได้เย็นชื้นน่ะสิ ต้องเข้าใจนะครับว่า พวกเราที่นี่คือทะเลทราย การที่คุณต้องการสถานที่เย็นชื้นกลางทะเลทรายแบบนี้ มันไม่ตลกเลยนะ”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ออกมา เวินเหวินจวินก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

“ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงดี? หากไม่มีสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ของสิ่งนี้ไม่มีทางแพร่พันธุ์ได้แน่”

ลู่จิ่งเซินพูดเสียงขรึม: “จะต้องเป็นสถานที่แบบนั้นเท่านั้นใช่ไหมครับ?”

“ใช่”

ลู่จิ่งเซินใช้ความคิดและพูด: “ถ้าเป็นอย่างนั้น สู่พวกเราเปลี่ยนสถานที่ดีไหม? ผมมีวิลล่าแห่งหนึ่งในประเทศ สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่นั่นค่อนข้างสอดคล้องกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป”

“ในประเทศ?”

เวินเหวินจวินสีหน้าเปลี่ยนไปและส่ายหน้าทันที

“ไม่ได้ ผมไม่ไปที่นั่น”

ลู่จิ่งเซินตกตะลึง

จิ่งหนิงถามขึ้น: “เพราะอะไรคะ?”

สีหน้าของเวินเหวินจวินดูไม่ดีนัก เซวซู่ดูเหมือนจะนึกอะไรได้ จึงพูดไกล่เกลี่ย: “ในประเทศไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ไหม คุณเอาของสิ่งนี้ไป รอจนคุณทำการศึกษามันจนเสร็จแล้วส่งคืนกลับมาให้เรา”

เวินเหวินจวินตาลุกวาว

“แบบนี้ก็ได้”

แต่วินาทีต่อมาเขาก็นิ่งไปเล็กน้อยแล้วหันไปมองลู่จิ่งเซินและจิ่งหนิงที่อยู่ด้านข้าง

“แต่พวกคุณจะวางใจเหรอ? ของสิ่งนี้คือของล้ำค่าประเภทที่มีเงินก็หาซื้อไม่ได้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าพวกคุณได้มันมาได้ยังไง แต่ผมมั่นใจว่าบนโลกนี้มีของสิ่งนี้อยู่ไม่มาก หากผมเอามันไปแล้วไม่ส่งคืน พวกคุณจะเสียมากกว่าได้”

จิ่งหนิงใช้ความคิดและยิ้มแล้วพูด: “ไม่กลัว ในเมื่อจะใช้ใครก็ต้องเชื่อใจ พวกเราเชื่อใจคุณเวินค่ะ”

เวินเหวินจวินหัวเราะทันที

“ได้ เช่นนั้นผมของไม่เกรงใจ พวกคุณวางใจ ผมจะปฏิบัติกับเรื่องนี้เหมือนเป็นเรื่องของผมเอง หากมีข่าวจะรีบบอกให้คุณทราบทันที”

“ได้”

ในเมื่อการพูดคุยตกลงกันแล้วจึงไม่มีอะไรให้พูดคุยอีก

เวินเหวินจวินเป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการ เมื่อพูดคุยเสร็จก็คิดที่จะทำในทันทีโดยไม่รีรอ

ดังนั้นเขาจึงไม่แม้แต่จะอยู่ค้างเพียงสักคืน และให้คนมาคนของไปและใช้เวลาข้ามคืนบนเครื่องบินเพื่อกลับไปยังที่พักในเมืองของเขา

ในตอนเย็นจิ่งหนิงโทรหาเฉียวฉีเพื่อบอกเล่าเรื่องราวกับเธอ

เฉียวฉีไม่พูดอะไรและเห็นด้วยกับวิธีการของเธอ

พวกเขาไม่ใช่คนตระหนี่ ถึงแม้ว่าของสิ่งนี้จะเกี่ยวพันถึงชีวิตของเฉียวฉี จะละเลยไม่ได้ แต่ในเมื่อขอให้คนอื่นช่วยแล้วก็จำต้องไว้ใจเขา

ยิ่งกว่านั้น มันก็เป็นเพียงแค่หน่อหนึ่ง ไม่ได้มีค่าอะไรสักเท่าไหร่

ตอนนนี้พวกเฉียวฉีก็มีแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ชิ้นหนึ่งอยู่ในมือ และจะได้ชิ้นที่สองมาในไม่ช้า

ตามที่เธอเล่า สถานการณ์ทางเตียนหนาน มันราบรื่นกว่าที่คิดไว้ พวกเขาได้พูดคุยกับอีกฝ่ายแล้ว เพียงใช้เงินจำนวนหนึ่งก็จะขายหยกชิ้นนั้นให้ และจะทำซื้อขายกันในตอนเย็น

สำหรับกู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีแล้ว ขอเป็นอะไรที่ใช้เงินจัดการได้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

จิ่งหนิงได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าและวางใจลงบ้าง

ทันทีหลังจากนั้น เธอพูดถึงหนานกงจิ่นกับเฉียวฉีอีกครั้ง

เรื่องที่หนานกงจิ่นมาถึงที่นี่และจงใจพยายามเข้าใกล้พวกเขา จนถึงตอนนี้ จิ่งหนิงก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเส้นสนกลในอะไร

ไม่รู้ถึงจุดมุ่งหมายที่เขาทำ

เฉียวฉีได้ยินแล้วก็ตกใจมาก

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้รู้จักหนานกงจิ่นมากนัก

ดังนั้นจึงคิดไม่ออกว่าเขาไปถึงที่นั่นเพื่ออะไร?

จิ่งหนิงจึงถอนหายใจ

“ในเมื่อคิดไปก็คิดไม่ออก งั้นก็อย่าไปคิดเลย ยังไงซะทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินต้าน ไม่กลัวว่าเขาจะทำอะไร จะกลัวก็แต่สะกดทัพไว้ไม่เคลื่อนไหว ถึงเวลานั้น ฉันจะแจ้งข่าวพวกเธอนะ”

“ได้”

หลังจากวางสาย จิ่งหนิงก็เล่าเรื่องนี้ให้ลู่จิ่งเซินฟัง

ลู่จิ่งเซินมีปฏิกิริยาเหมือนกับเฉียวฉี นั่นก็คือทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินต้าน ถึงเวลาแล้วค่อยว่ากัน

เธอจึงไม่คิดมากอีก

ตกดึกเธอจึงเข้านอนอย่างสบายใจ

เช้าวันต่อมาในที่สุดหิมะก็หยุดตก

หิมะตกถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงแม้จะตกเม็ดไม่ใหญ่ แต่ก็ปกคลุมทำให้เมืองทั้งเมืองเป็นสีขาวบาง ๆ

เพราะด้านนอกนั้นหนาวมากดังนั้นจิ่งหนิงและพวกจึงไม่คิดจะออกไปข้างนอกและนั่งล้อมวงเตาผิงและพูดคุยกันอยู่ในห้องรับแขก

คุยไปคุยมาไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องของอานอาน

จากการที่ได้อยู่ด้วยกันหลายวันมานี้ โม่ไฉ่เวยรู้สึกชอบเด็กดีอย่างอานอานขึ้นมาด้วยใจจริง

และรู้สึกเจ็บปวดใจเรื่องที่เธอไม่มีแม่ตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น จากการที่ได้ใช้เวลาร่วมกันหลายวันมานี้ทำให้เธอเห็นว่าลู่จิ่งเซินดีกับจิ่งหนิงจริง ๆ

ดังนั้นเธอจึงไม่มีไม่ถือสาหาความกับเรื่องที่ผ่านมาของลู่จิ่งเซินอีก

สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะตนเองเคยถูกทำร้ายมาก่อน ดังนั้นจึงกลัวว่าจิ่งหนิงจะเป็นแบบเธอที่ถูกคนทำร้ายและหลอกลวง ดังนั้นจึงได้มีความคิดแบบนั้นเท่านั้นเอง

ตอนนี้ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าลู่จิ่งเซินเป็นที่รักของจิ่งหนิง ดังนั้นเธอจึงไม่มีอะไรจะพูด

ส่วนเรื่องแม่ที่ให้กำเนิดอานอาน ในเมื่อตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ปรากฏตัว เช่นนั้นก็เป็นไปได้สูงว่าต่อไปในอนาคตคงจะไม่ปรากฏตัวแล้ว

ต่อให้ปรากฏตัวออกมา ก็เชื่อว่าคงจะไม่ได้ส่งผลอะไรต่อความรู้สึกของพวกเขาสองคนมากนัก

เมื่อจิ่งเห็นเธอคิดแบบนี้จึงได้วางใจ

ที่จริงแล้วตัวเธอเองก็มองออกแล้วจึงไม่ได้รู้สึกอะไร

อานอานก็คือลูกของเธอ เธอรักเด็กคนนี้หมดหัวใจจนเธอไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือด

ทั้งสองคุยกันครู่หนี่ง จิ่งหนิงที่กำลังตั้งท้องและง่วงนอนเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน

เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง

เป็นสายจากท่านย่าประเทศ F

หลังจากเที่ยวเล่นอยู่บ้านตระกูลจิ้นอยู่นาน ท่านย่ากับท่านปู่ก็เตรียมตัวจะกลับประเทศแล้ว

ที่โทรมาก็เพียงอยากจะบอกให้พวกเขารู้ไว้เท่านั้น

จิ่งหนิงได้ข่าวแล้วจึงได้ยิ้มและกำชับกับท่านย่าเล็กน้อย

ท่านย่ากลับเป็นห่วงเธอ ช่วงนี้เธอกำลังท้อง เดินทางไปไหนก็ไม่สะดวก เมื่อได้ข่าวว่าหลายวันนี้อากาศไม่ดี อีกทั้งยังมีพยากรณ์อากาศว่าหิมะตกใจช่วงนี้จึงได้โทรมาถามเธอว่าไม่สบายตรงไหนหรือไม่

จิ่งหนิงหัวเราะและเล่าถึงสถานการณ์ช่วงนี้ของเธอให้ฟังและไม่ให้หญิงชราต้องเป็นห่วง

หญิงชรารู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินว่ากินอิ่มนอนหลับสบายที่นี่ และได้รับการดูแลอย่างดี

แต่เธอก็ยังคงกำชับว่าทางที่ดีที่สุดคืออย่าออกไปไหนเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ

จิ่งหนิงไม่คิดมากอะไรและรับปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วจึงวางสายไป

หลังวางสาย ลู่จิ่งเซินก็เข้ามาพอดีและเห็นเธอถือโทรศัพท์มือถือจึงถาม: “ใครโทรมา?”

จิ่งหนิงพูด: “ท่านย่าค่ะ ท่านย่ากับท่านปู่จะกลับประเทศแล้ว”

“เร็วขนาดนั้นเลย?”

ลู่จิ่งเซินคิดไม่ถึงอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เจอท่านย่าจิ้นกับท่านปู่นานแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เจอ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท