วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1056 ตัวละครที่เรียบง่าย

บทที่ 1056 ตัวละครที่เรียบง่าย

เขาจะเป็นแค่ตัวละครที่เรียบง่ายหรอ?

แค่เพราะว่าชอบผู้หญิงคนเดียว ถึงแม้เธอจะมีสามีแล้ว ก็ยังจะพาหนี ?

นี่มันเรื่องตลกชัดๆ!

จิ่งหนิงแอบด่าคนเดียวในใจ สักพักก็กลับมาทำสีหน้าปกติ มองไปที่หนานกงจิ่น

“คุณหนาน ไม่งั้นคุณก็บอกฉันมาตรงๆเถอะ คุณจับฉันมาที่นี่จริงๆแล้วเพื่ออะไร? จะฆ่าหรือจะทรมานก็พูดเถอะ กังขังคนไว้แบบนี้เพื่ออะไร?”

หนานกงจิ่นครู่นคิดเล็กน้อย

เขาพูดเบาๆว่า “ผมได้ยินมาว่า คุณกับลู่จิ่งเซินแต่งงานกันมาห้าปีแล้ว?”

จิ่งหนิงตกใจ

ไม่เข้าใจว่าเขาถามคำถามนี้ทำไม

แต่ว่าเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าตอบทันที

“ใช่ ทำไมหรอ?คุณสนใจเรื่องความรักของพวกเรามากงั้นหรอ ?”

หนานกงจิ่นส่ายหัว

เขายิ้มตอบ “ผมก็แค่สงสัย พวกคุณแต่งงานกันมาตั้งห้าปีแล้ว ทำไมคุณยังถูกเขาปิดบังไว้ในมุมมืดอยู่อีกล่ะ?ข้อมูลอะไรก็ตรวจสอบไม่ได้ คนทั้งโลกบอกว่าคุณฉลาดมาก แต่ในสายตาของผม คุณเป็นผู้หญิงที่โง่ที่สุดในโลกต่างหากล่ะ”

จิ่งหนิงหน้าเปลี่ยนสี

เธอไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่างอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะชอบได้ยินคนด่าเธอ

ดังนั้นเธอจึงตอบกลับไปอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิดว่า

“โอ้ ฉันก็ไม่คิดเลยว่า เดิมทีคิดว่าคนที่ควบคุมดูแลตระกูลหนานได้จะเก่งแค่ไหนกัน ที่แท้ก็แค่เต่าที่หดหัวอยู่แต่ในกระดอง”

คำพูดประชดประชันถากถางของเธอ ไม่ได้ทำให้หนานกงจิ่นโกรธได้เลยสักนิด

เขาหันกลับไป มองไปยังทะเลแสนกว้างใหญ่ เหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปสักพักก็พูดขึ้น “ผมมีความลับอย่างนึงเกี่ยวกับลู่จิ่งเซิน ไม่รู้ว่าคุณจิ่งอยากจะรู้รึป่าว”

จิ่งหนิงหัวเราะอย่างเย็นชา “อย่าเอาเรื่องไม่จริงมาพูดกับฉันเลย อยากจะทำให้ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของเราแตกหักน่ะ คุณยังอ่อนหัดไป”

หนานกงจิ่นส่ายหัว

“จะแตกหักหรือไม่น่ะ คุณฟังจบก็รู้แล้ว”

เขาหันหน้ากลับมาทันใด มองจ้องไปที่หล่อน แล้วถามว่า“คุณยังจำ เรื่องเมื่อสิบปี่ก่อน หลังจากที่คุณถูกตามฆ่า แล้วสูญเสียความทรงจำไปสามเดือนได้ไหม?”

เมื่อพูดเรื่องนี้จิ่งหนิงก็ตกใจอย่างจัง

อยู่ๆก็เย็นวาบไปทั้งสันหลัง หัวของเธอชาไปหมด

สีหน้าของเธอก็จริงจังขึ้นมาทันที จ้องไปที่หนานกงจิ่นอย่างเยือกเย็น

“คุณรู้ได้ยังไง ?”

หนานกงจิ่นเดินมาที่เบื้องหน้าของเธอ คุกเข่าลง มองไปที่ตาของเธออย่างสงบนิ่ง ถามคำต่อคำว่า “ถ้าผมจะบอกว่า เมื่อสิบปีที่แล้ว คนที่ไล่ฆ่าคุณให้ตกน้ำตาย ก็คือลู่จิ่งเซิน คุณจะเชื่อไหม ?”

ใบหน้าของจิ่งหนิงก็ขาวซีดลงทันใด เลือดฝาดสักนิดก็ไม่มี

หนานกงจิ่นมองไปที่เธออย่างหนักแน่น ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่การสื่อสารผ่านสายตากลับได้อะไรมากมาย

จิ่งหนิงส่ายหัว พูดอย่างพึมพำ “เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางที่จะเป็นเขา! คุณหลอกฉันไม่ได้หรอก !”

หนานกงจิ่นหัวเราะเสียงเบา ไม่ได้แปลกใจอะไรกับปฏิกิริยาของเธอเลยสักนิด

“จะเชื่อหรือว่ามันเรื่องของคุณ แต่ว่าความลับนี้ นอกจากผมแล้วตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ ถ้าคุณอยากรู้ละก็ ให้บอกผม พวกเรามาทำการแลกเปลี่ยนกัน คุณไม่จำเป็นต้องตอบตกลงตอนนี้ ผมให้เวลาคุณคิดทบทวนหนึ่งวัน เมื่อคุณคิดดีแล้วค่อยมาหาผม”

เขาพูดจบก็เดินออกไป

จิ่งหนิงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าซีดเซียว ร่างกายแข็งทื่อและเย็นชา

เวลานั้นเอง มีบอดิการ์ดชุดดำสองสามคนเดินมา น่าจะได้รับคำสั่งจากหนานกงจิ่นแล้ว นำพวกเธอจากดาดฟ้าเข้าไปข้างใน

“เข้าไป !”

ทั้งสองถูกผลักเข้าไปในตัวเรืออย่างแรง จิ่งหนิงโซเซอยู่สักพัก โชคดีที่โม่ไฉ่เวยประคองไว้ได้ ไม่มีใครหกล้ม

เมื่อกี้บนดาดฟ้า โม่ไฉ่เวยได้ฟังบทสนทนาของเธอและหนานกงจิ่น ก็สับสนไปหมด

ในตอนนี้ บนตัวเรือก็มีแค่พวกเธอสองคน เธอจึงอดไม่ได้ จึงถามด้วยความสงสัยว่า “หนิงหนิง เมื่อกี้ที่คนคนนั้น……เขาพูดว่าเรื่องเมื่อสิบปีก่อน สรุปเมื่อสิบปีก่อนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?ตามฆ่าอะไรกัน ?ความจำเสื่อมอะไรกัน ?เกิดอะไรขึ้นกับลูกกันแน่ ?”

จนถึงตอนนี้ ในหัวของจิ่งหนิงก็อื้ออึงไปหมด ไม่กล้าเชื่อคำพูดของหนานกงจิ่นเลยสักนิด

เธอแต่งงานกับลู่จิ่งเซินมาห้าปี อีกฝ่ายเป็นยังไง เธอรู้ดีที่สุด

ลู่จิ่งเซินไม่โกหกเธอแน่!

ใช่แล้ว ลู๋จิ่งเซินไม่โกหกเธออย่างแน่นอน !

เมื่อคิดได้แบบนี้ เธอก็มีสติขึ้นมาแล้ว เหงยหน้ามองโม่ไฉ่เวย พูด “ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่……”

เธอหยุดไป คิดในใจ หนานกงจิ่งพูดมาซะขนาดนี้แล้ว

ถ้าเราปิดบังต่อไป ก็จะยิ่งทำให้โม่ไฉ่เวยเป็นกังวล ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นอดีตไปแล้ว บอกเธอไปให้หมดเลยดีกว่า

ดังนั้น เธอจึงดึงให้โม่ไฉ่เวยที่อยู่เตียงข้างๆนั่งลง พูดว่า “แม่คะ ฉันจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟังก็ได้ แต่แม่ต้องรับปากก่อนว่าถ้าฟังจบแล้ว จะไม่โทษตัวเอง และห้ามเสียใจเพราะฉันนะคะ เพราะว่าเรื่องพวกนี้สำหรับฉันแล้วมันเป็นอดีตไปแล้ว ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว โอเคไหมคะ ?”

โม่ไฉ่เวยมองไปที่เธอนิ่งๆ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกับเธอเมื่อก่อนกันแน่ แต่แค่ได้ยินเธอพูดแบบนี้แล้ว ก็รู้เลยว่าไม่ใช่เรื่องดีอะไร

แต่ว่าเธอก็พยักหน้ารับ พูดอย่างหนักแน่น “โอเค แม่ตกลง”

จากนั้น จิ่งหนิงก็เอาเรื่องที่เกิดเมื่อสิบปีก่อน เล่าออกมาทุกรายละเอียด

เธอเล่าให้โมไฉ่เวยฟังว่า หลังจากที่โม่ไฉ่เวยประสบอุบัติเหตุแกล้งตาย คนตระกูลจิ่งปฏิบัติกับเธออย่างไรบ้าง

ตอนที่จิ่งเสี่ยวหย่าสอบเข้ามหาลัย ใส่ร้ายว่าเธอลอกข้อสอบยังไง ติดสินบนผู้คุมสอบยังไง และคนในครอบครัวจิ่งยึดสมบัติทรัพย์สินของตระกูลไป บังคับให้เธอต้องไปอยู่ต่างประเทศ

จิ่งหนิงพูดอย่างสงบนิ่ง แต่โม่ไฉ่เวยที่ฟังอยู่ข้างๆกลับฟังอย่างโมโหกำหมัดแน่น

ตาคู่นั้น ได้เปลี่ยนไปเป็นสีแดงตั้งนานแล้ว

ต้องรู้ก่อนว่า ก่อนที่โม่ไฉ่เวยจะประสบอุบัติเหตุ จิ่งหนิงเป็นดั่งองค์หญิงตัวน้อยในตระกูลจิ่ง เธอได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรักและการประคบประหงม

เธอไม่เคยประสบพบเจอกับอุปสรรคใหญ่ใดๆ แต่หลังจากที่หล่อน “ตาย”ไปแล้ว แค่ชั่วข้ามคืน เรื่องทั้งหมดก็พลิกผัน เมียน้อยได้เอาลูกติดเข้ามาแล้วเข้ามาแทนที่ต่ำแหน่งของแม่ เดิมทีคุณยายและคุณพ่อที่แสนใจดี ก็กลายเป็นศัตรูที่เกลียดชังเธอในชั่วข้ามคืน

ขนาดชายคนรักของเธอ สุดท้ายก็ไปอยู่ในอ้อมกอดของคนอื่น

จิ่งหนิงในตอนนั้น จะไร้หนทางมืดแปดด้านและทรมานขนาดไหนกัน

โม่ไฉ่เวยไม่กล้าที่จะคิดถึงความรู้สึกในตอนนั้นของหล่อน เพราะว่าแค่คิดใจเของเธอก็จะเจ็บปวดยิ่งนัก ราวกับว่ามีใครมาฉีกหัวใจทั้งเป็น

จิ่งหนิงรู้ว่า ถึงแม้ว่าโม่ไฉ่เวยจะตอบตกลงตนแล้วว่าจะไม่เสียใจ แต่ความเป็นจริงแล้ว การควบคุมจิตใจดวงนึงมันไม่ได้ง่ายแบบนั้น

ดังนั้น เธอเร่งความเร็วขึ้นทันที ข้ามรายละเอียดตรงกลางไปเยอะ ไปพูดเรื่องหลังจากไปอยู่ต่างประเทศ

“ตอนที่ฉันไปถึงต่างประเทศใหม่ๆ สภาพแวดล้อมไม่ได้ดีนัก หนึ่งคือยังเด็ก สองคือไม่มีเงิน ดังนั้นตอนนั้นก็คิดที่จะเรียนไปทำงานไป ไปหางานพาร์ทไทม์ทำ ก็มีเรือสำราญลำหนึ่งกำลังรับสมัครพนักงานพอดี ”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท