วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1034 ไม่ต้องกลัว ผมอยู่ตรงนี้

บทที่ 1034 ไม่ต้องกลัว ผมอยู่ตรงนี้

“หนิงหนิง ไม่ต้องกลัว ผมอยู่ตรงนี้”

เขายื่นมือกอดเธอไว้ ตบหลังของเธอเบาๆ ปลอบโยนด้วยเสียงอ่อนโยน

“บอกผมมา เกิดอะไรขึ้นแล้ว”

จิ่งหนิงไม่ได้พูดอะไร แค่กอดเอวของเขาไว้แน่นๆ เอาหน้าซุกอยู่ในแผ่นอกของเขา

เนื่องจากเวลานี้ยังเช้าอยู่ ทั้งโม่ไฉ่เวยกับเชวซู่ยังไม่ตื่นเลย

ส่วนเด็กน้อยสองคนก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้ว กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสบาย

หลังจากที่ลู่จิ่งเซินรู้สึกได้ว่าความถี่ในการสั่นเทาของคนในอ้อมแขนค่อยๆ ลดลงแล้ว เขาจึงพยุงไหล่ของเธอไว้ ผลักเธอออกจากตัวเองเล็กน้อย แล้วมองลงไปที่ใบหน้าของเธออย่างตั้งใจ

กลับเห็นผู้หญิงตรงหน้าผมยุ่งและตาแดงเล็กน้อย สีหน้าก็ขาวซีดผิดปกติ

เขาอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ไว้

พอก้มหน้าลงอีกครั้ง จึงเห็นเธอไม่ได้สวมรองเท้าและกำลังยืนอยู่บนพื้นด้วยเท้าเปล่า เท้าเล็กๆ อันขาวอย่างหิมะนั้นกลับยังขาวกว่าพื้นอีก

สีหน้าอดไม่ได้ที่จะเคร่งขึ้นมา

“ทำไมรองเท้าก็ไม่ใส่ ไม่กลัวเป็นหวัดเหรอ”

ขณะที่เขาพูดอยู่ เขาอุ้มเธอขึ้นมาโดยที่ไม่รอให้อธิบาย

จิ่งหนิงก็ไม่ได้ดิ้น ซุกอยู่ในอ้อมแขนของเขาและปล่อยให้เขาอุ้มไว้อย่างนั้น

สองคนเข้าไปในห้องนอน ลู่จิ่งเซินวางเธอลงบนเตียง ไปเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดเท้าของเธออย่างละเอียดก่อน จากนั้นถึงนั่งยองๆ ต่อหน้าเธอ มองขึ้นไปที่เธอจากล่างขึ้นบนแล้วถามว่า: “บอกผมมา เกิดอะไรขึ้นแล้ว”

ขณะนี้ จิ่งหนิงกลับมามีสติแล้ว

ถึงแม้สีหน้าของเธอดูยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากแล้ว

เธอส่ายหัว

“ฉันไม่เป็นอะไร ก็แค่…ฝันถึงอะไรบางอย่าง”

ลู่จิ่งเซินเงยหน้าขึ้นมา เช็ดเม็ดเหงื่ออันละเอียดและแน่นที่ออกตรงหน้าผากให้เธอ

“ฝันถึงอะไรเหรอ”

“ก็แค่พวก…” จิ่งหนิงขมวดคิ้ว

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฝันที่ยังชัดแจ้งมากในเมื่อกี้ กลับกลายเป็นเลือนรางในเวลาเพียงไม่นาน

ก็เหมือนกับว่าเธอรู้ทั้งรู้ว่าเมื่อคืนนี้ตัวเองฝันถึงอะไร แต่พอตอนนี้เธออยากจะพูด แต่กลับพูดอะไรไม่ออกเลย

ลู่จิ่งเซินเห็นเธอขมวดคิ้วและคับอกคับใจ ก็พอเดาสถานการณ์ของเธอได้แล้ว

เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: “ถ้าคิดไม่ออกก็ไม่เป็นไร เพราะมันคือความฝันมันก็แค่เรื่องเท็จ ไม่ว่าน่ากลัวแค่ไหน ตอนนี้เธอตื่นมาแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็หายไปหมดแล้ว ดังนั้นไม่ต้องคิดมาก เข้าใจไหม”

จิ่งหนิงมองไปที่เขา เนิ่นนานถึงจะพยักหน้า

“หิวยัง อยากกินอะไรไหม”

จิ่งหนิงส่ายหัวและเม้มปาก “ฉันอยากดื่มน้ำ”

“ได้ งั้นคุณรอแป๊ปหนึ่ง เดี๋ยวผมกลับมา”

ลู่จิ่งเซินพูดจบก็ลุกขึ้นมา

จิ่งหนิงกลับตื่นเต้นและจับมือของเขาไว้แน่นๆ ทันที

พอหันหลังกลับ ก็เห็นสายตาตื่นเต้นของผู้หญิง สายตาที่มองดูเขา ราวกับเห็นฟางช่วยชีวิตเพียงเส้นเดียวของตนเองอย่างนั้น

ลู่จิ่งเซินใจอ่อนลงมา

ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเมื่อกี้จิ่งหนิงฝันถึงอะไรจนทำให้เธอตกใจเช่นนี้

แต่เขากลับเข้าใจดีว่านี่คือความผูกพันที่เธอมีต่อตัวเองซึ่งลึกซึ้งกว่าใครๆ

ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ถูกผู้หญิงที่ตัวเองรักมากพึ่งพาเช่นนี้ เขามีความสุขและโชคดีอย่างไม่ต้องสงสัย

พอคิดแบบนี้แล้วลู่จิ่งเซินก็ยิ้มออกมา จู่ๆ ก้มตัวลงและอุ้มเธอขึ้นมาด้วยท่าเจ้าหญิง

จิ่งหนิงอึ้ง ถามโดยสัญชาตญาณว่า: “คุณจะทำอะไร”

“ก็คุณกลัวไม่ใช่เหรอ”

ลู่จิ่งเซินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่อยากให้ผมไปแม้แต่นาทีเดียว? งั้นผมอุ้มคุณไปดื่มน้ำด้วยกันเลยดีกว่า”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของจิ่งหนิงก็แดงขึ้นมาทันที

กอดคอของเขาไว้และดิ้นรนเล็กน้อย

“คุณอย่าทำแบบนี้ ปล่อยฉันลงไป”

“ไม่ปล่อย”

ลู่จิ่งเซินยิ้มว่า: “ปล่อยคุณลงไป แล้วถ้าคุณกลัวอีกจะทำยังไงล่ะ”

“ฉันกลัวที่ไหน…” จิ่งหนิงรู้สึกเขินอายทันที แต่พอนึกถึงเมื่อกี้ที่ตัวเองตื่นมาในห้องนอนมืดมนตัวคนเดียว ความหวาดกลัวที่ไร้คำพูดนั้นทำให้เธอปิดปากทันที

ลู่จิ่งเซินเห็นหน้าเธอแล้วก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

ดวงตาของเขาลึกซึ้ง เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ อุ้มเธอเดินลงไปชั้นล่าง

เมื่อมาถึงห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ลู่จิ่งเซินถึงวางเธอลงมาและนั่งบนโซฟา จากนั้นเขาจึงไปเทน้ำอุ่นแก้วหนึ่งมาและหลังจากเห็นเธอดื่มแล้วถึงถามว่า: “ตอนนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้าง”

จิ่งหนิงเลียปาก “ดีขึ้นเยอะแล้ว ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”

“แล้วยังอยากนอนต่อไหม”

จิ่งหนิงดูแสงแดดข้างนอกและส่ายหัว “ไม่นอนแล้ว”

“งั้นก็กลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

ลู่จิ่งเซินอุ้มเธอขึ้นมาและเดินไปที่ห้องนอนขณะที่พูดอยู่

กลับมาถึงห้องนอน จิ่งหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ขณะนี้ความรู้สึกหวาดกลัวในใจเธอนั้นหายหมดแล้ว

ลู่จิ่งเซินจับมือเธอเดินออกมาจากห้องนอน ตรงนี้โม่ไฉ่เวยกับเชวซู่ก็เดินออกมาจากห้องนอนพอดี

เมื่อเห็นพวกเขาโม่ไฉ่เวยยิ้มพูดว่า: “เมื่อคืนฝนตกเธอสองคนได้ยินไหม”

จิ่งหนิงตะลึงและส่ายหัว “ไม่ได้ยิน”

โม่ไฉ่เวยยิ้มพูดว่า: “ที่นี่นานๆ กว่าจะฝนตกที ในปีหนึ่งเวลาส่วนใหญ่จะแห้งแล้ง พอพวกเธอมาก็ได้เจอแล้ว เสียดายที่เป็นกลางคืน พวกเธอไม่เห็น ไม่อย่างนั้นต้องดีใจไปสักพักหนึ่งแน่เลย”

ที่นี่อยู่ในทะเลทราย ฝนตกน้อยเป็นเรื่องปกติ

จิ่งหนิงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

เธอไปห้องนอนข้างๆ ปลุกอานอานตื่น จากนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าให้จิ้งเจ๋อน้อยที่เพิ่งตื่นมา พาเขาสองคนล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้วลงไปชั้นล่างทานอาหารเช้าด้วยกัน

คนใช้เป็นคนทำอาหารเช้า โจ๊กและผักเครื่องเคียงไม่ใช่อาหารของที่นี่ แต่เป็นอาหารเช้าประเทศจีนที่ถูกปากพวกจิ่งหนิงเขามากกว่า

ทุกคนทานข้าวไปด้วย พูดคุยกันไปด้วย

โม่ไฉ่เวยพูดเรื่องการแสดงของเมื่อคืนขึ้นมา จู่ๆ ถามว่า: “ใช่แล้ว เมื่อวานพวกเธอบอกว่าเจอคนรู้จัก คือใครเหรอ คนนั้นเขาเจอปัญหาอะไรเหรอ”

จิ่งหนิงส่ายหัว

“จริงๆ แล้วไม่ถือว่าเป็นคนรู้จัก คือว่าเมื่อคืนตอนที่อยู่ในโรงหนังอานอานเกือบล้มลง คนนั้นเขาช่วยอานอานไว้ หลังจากนั้นในระหว่างทางที่เรากลับมาก็เห็นรถของเขาเสียและจอดอยู่ข้างถนน จึงจอดรถลงมาและช่วยส่งเขากลับไป”

โม่ไฉ่เวยพยักหน้า “แบบนี้นี่เอง ฉันก็นึกว่าเป็นเพื่อนที่ทำธุรกิจของจิ่งเซิน”

เนื่องจากจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดสำหรับเรื่องที่คาดเดาประวัติของหนานจิ่น ดังนั้นจึงไม่สะดวกบอกให้โม่ไฉ่เวย

แต่พอเธอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จิ่งหนิงจู่ๆ ก็คิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้

ดังนั้น หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อย เธอก็โทรถามเฉียวฉีว่าเธอมีรูปของหนานกงจิ่นหรือไม่

พอเฉียวฉีได้ยินเธอถามแบบนี้ยังรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย

“เธอเอารูปของเขาทำไม”

จิ่งหนิงจึงเล่าเรื่องเมื่อคืนให้กับเธอ

“ไม่ใช่ฉันคิดมาก แต่คือเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับพวกเธอจริงๆ ฉันเลยต้องระมัดระวังหน่อย ถ้าหากว่าคนนั้นเป็นหนานกงจิ่นจริงๆ งั้นเขาก็ต้องรู้จักเราแน่นอน รู้จักเราแต่ยังจงใจทำเป็นไม่รู้จักและเข้าใกล้เรา มันต้องมีวัตถุประสงค์อื่นแน่นอน ดังนั้นเราทำให้แน่ใจเผื่อไว้ดีกว่า”

เฉียวฉีคิดครู่หนึ่งและบอกว่า: “ฉันไม่มีรูปของเขา ข้างนอกไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับเขาเลย และฉันก็แค่เคยเห็นกับตา อธิบายไม่ค่อยถูก เอาอย่างนี้ดีกว่า เธอรอสักครู่ ฉันไปหาคนวาดรูป เดี๋ยวให้เธอตอนดลางคืน”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท