วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1057 ได้ไม่คุ้มเสีย

บทที่ 1057 ได้ไม่คุ้มเสีย

ทันใดความทรงจำในสมองก็ย้อนกลับไปถึงเมื่อสิบปีก่อน

ในตอนนั้น จิ่งหนิงอายุสิบแปดปี เพิ่งจะไปถึงประเทศ F ไม่มีญาติไม่มีสมบัติอะไร อยู่ได้ด้วยเงินค่าขนมที่แม่เหลือไว้ให้เมื่อก่อนเท่านั้น

แต่มันก็เป็นแค่เงินค่าขนม น้อยมากเป็นธรรมดา เธออยู่ในต่างประเทศคนเดียว ทั้งค่ากินค่าอยู่ ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทอง

ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงไปทำงานให้คนอื่น

โชคดีที่ตอนนั้นได้รับการแนะนำมาจากรุ่นพี่คนนึง ในบริษัทแห่งนึง พวกเขากำลังต้องการพนักงานบริการในเรือกสำราญอยู่พอดี เพราะว่าลักษณะในการทำงานนั้น ไม่กระทบกับการเรียน จิ่งหนิงเลยไปทำ

แต่ทว่าตอนที่อยู่บนเรือท่องเที่ยวลำนั้น จิ่งหนิงได้ไปเห็นเรื่องที่ไม่ควรเห็นเข้า

เรื่องอะไรนั้นเธอก็จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว

แต่ก็คือประมาณว่าได้ยินเสียงปืนหรืออะไรสักอย่าง

เพราะหลังจากที่เธอตื่นมา เธอก็สูญเสียความทรงจำไปประมาณสามเดือน ดังนั้นเรื่องความทรงจำหลังจากที่ขึ้นเรือ เธอจำไม่ได้แล้วจริงๆ

และก็เพราะเหตุนี้เอง ทุกครั้งที่จิ่งหนิงพยายามบังคับตัวเองให้นึกถึงความทรงจำครั้งนั้น เธอก็จะปวดหัวมาก ราวกับว่าสมองทั้งใบจะระเบิดออกมาอย่างนั้นแหละ

หลังจากนั้นมา เพราะความเจ็บปวดที่เผชิญมาเหล่านี้ จิ่งหนิงก็ไม่อยากจะไปคิดอีกแล้ว

แต่เธอก็เริ่มมีความฝันแปลกๆขึ้นเรื่อยๆ

อย่างเช่นว่า เธอฝันถึงตัวเองถูกคนใช้เชือกมัด โยนลงจากเรือ

และยังฝันอีกว่า เหมือนว่ามีผู้ชายคนนึง เพื่อที่จะช่วยชีวิตเธอเขาถูกกระแสน้ำวนพัดพาไปในทะเล

บางครั้ง ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นก็เป็นลู่จิงเซิน แต่บางครั้งก็เป็นหน้าของชายแปลกหน้าคนอื่น

จิ่งหนิงไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่เธอคิดว่า น่าจะเป็นเพราะในใจของเธอยึดติดอยู่กับลู่จิ่งเซินมากไป ดังนั้นในจิตใต้สำนึกคนที่ช่วยเธอจึงเป็นลู่จิ่งเซิน

ยังไงก็ตาม หลายครั้งหลังๆมานี่ เธอก็ได้ฝันถึงใบหน้าอื่น

เพราะว่าฝันนี้แปลกและน่าสงสัยมาก จิ่งหนิงจึงวางใจจากฝันนี้ไม่ได้

ดังนั้นเมื่อสองปีก่อน เธอถึงกับพยายามเคยไปที่ประเทศF สืบหาเรื่องนี้

แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวกลับมา หลังจากนั้นอีก ก็ได้เจอเรื่องที่กลุ่มชาวจีน เครื่องบินของเธอและโม่หนานก็ถูกยิงตก หลังจากนั้นกว่าจะรอดมาได้ไม่ง่ายเลย และในประเทศก็วุ่นวาย

และบวกกับ หลังจากนั้นมาเป็นเวลานาน เธอก็ไม่ได้ฝันแบบนั้นอีกเลย เธอจึงไม่ได้กลับไปหาคำตอบ

ในความคิดของเธอ ไม่ว่าเรื่องจริงจะเป็นยังไง แต่มันก็เป็นอดีตไปแล้ว

ในเมื่อพยายามที่สุดแล้ว แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ งั้นก็ยอมแพ้ไปซะจะดีกว่า

จิ่งหนิงคิดได้อย่างดี แต่เธอคิดยังไงก็คิดไม่ถึงเลยว่า ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว ในใจของเธอปล่อยวางไปได้ตั้งนานแล้ว

วันนี้ เรื่องนี้ กลับออกมาจากปากของคนอื่น

หนานกงจิ่นรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกันแน่

แค่คิดถึงเรื่องนี้ หัวเธอก็ชาโดยไม่รู้ตัวขนลุกขึ้นมาหมดแล้ว

เพราะว่าเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ เธอบอกกับลู่จิ่งเซินเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยบอกให้กับบุคคลที่สามได้รู้

ลู่จิ่งเซินไม่เอาเรื่องแบบนี้ออกไปพูด หรือบอกกับคนอื่นแน่

ถ้างั้น หนานกงจิ่นรู้ได้ยังไงกันนะ?

เมื่อคิดถึงตอนนี้ จิ่งหนิงก็สบสนงงงวยหาคำตอบไม่ได้ คิ้วก็ขมวดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

โม่ไฉ่เวยเมื่อได้ฟังเธออธิบายจนจบ ก็รู้สึกเหลือเชื่อ

“เสียความทรงจำไปสามเดือน……แค่เรื่องนี้ก็แปลกพอแล้ว หรือว่าในสามเดือนนั้น เกิดเรื่องอะไรที่บอกคนอื่นไม่ได้ จิตใต้สำนึกของลูกไม่ต้องการที่จะจำมัน จึงทำให้คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกรึป่าวนะ ?”

จิ่งหนิงมองไปที่โม่ไฉ่เวยพยักหน้า

“อาจจะเป็นไปค่ะ เมื่อก่อนเพราะเรื่องนี้เองฉันจึงไปหาหมอ หมอบอกว่ามีความเป็นไปได้สองอย่าง อาจจะเป็นเหตุผลทางร่างกาย หรือทางจิตใจ”

“ทางร่างกายคือ ฉันอาจจะได้รับบาดเจ็บ มีเลือดคลั่งกดทับเส้นประสาทความจำ ทำให้คิดไม่ออก สถานการณ์ประเภทนี้รับมือง่ายมาก เมื่อลิ่มเลือดในสมองจางไป ก็จะทำให้จำเรื่องนี้ได้”

“แต่ว่าฉันเคยตรวจร่างกายแล้ว สมองของฉันไม่ได้มีลิ่มเลือดอะไร ดังนั้นสมมติฐานที่หนึ่งจึงตกไป และอย่างที่สองคือทางจิตใจ อาจจะเป็นเพราะในตอนนั้นฉันได้รับการกระตุ้นบางอย่าง สิ่งนั้นมีอิทธิพลต่อฉันมาก หรือจะเป็นความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทำให้ฉันไม่อยากจะนึงถึงมันอีก ดังนั้นจิตใต้สำนึกจึงบังคับให้ฉันลืมมัน”

“สถานการณ์แบบนี้ซับซ้อนกว่ามาก อีกอย่างคือฉันมักจะรู้สึกว่า สถานการณ์ของแม่ตอนนี้ เป็นเหมือนกับตอนที่ตื่นมาหลังสูญเสียความทรงจำไป ล้วนเป็นเรื่องทางจิตใจ”

โม่ไฉ่เวยพยักหน้า

“แต่ว่า เรื่องแบบนี้หนานกงจิ่นรู้ได้ยังไงกัน ?เป็นไปได้ไหมว่า เขาจะรู้จักลูกเมื่อสิบปีก่อน ?หรือว่าเขาเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกด้วยตาของเขาเอง ?”

คำพูดของโม่ไฉ่เวย ทำให้แววตาของจิ่งหนิงมืดลงเล็กน้อย

เธอพูดเสียงต่ำ“ฉันก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร เขาถึงกับพูดขึ้นมาแล้ว ฉันจะทำเป็นไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้นไม่ได้”

โม่ไฉ่เวยมองเธอที่เงียบไป ก็กังวล

“ถ้างั้นลูกจะทำยังไง ?”

จิ่งหนิงยิ้มรับ “เขาไม่ได้บอกหรอว่า เขารู้ความลับของลู่จิ่งเซิน?แถมยังบอกว่า คนที่ตามฆ่าฉันเมื่อสิบปีก่อนก็คือลู่จิ่งเซิน ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันก็จะตอบรับคำของเขา ก็แค่ข้อแลกเปลี่ยนเดียวเองหนิ? เป็นไปได้หรอว่าฉันจะกลัวเขา ?”

โม่ไฉ๋เวยไม่ได้มองโลกในแง่ดีแบบเธอขนาดนั้น

เธอส่ายหน้า พูดอย่างเป็นกังวล “จากที่ฉันดูแล้ว คนอย่างหนานกงจิ่น จะไม่ทำอะไรให้ตัวเองเสียเปรียบแน่ ในเมื่อเขาเอาเรื่องนี้มาพูดขู่ลูก บางทีลู่จิ่งเซินอาจจะ……”

“ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรจริงๆ ข้อเสนอที่จะยื่นให้ลูก ก็ไม่ใช่ข้อเสนอง่ายๆแน่ หนิงหนิง ไม่ว่าจะพูดยังไง เรื่องสิบปีก่อนก็เป็นอดีตไปแล้ว ลูกอย่าเอาอดีตมาทำลายอนาคตเลย มันไม่คุ้มกันนะ”

ต้องพูดเลยว่า การที่ตายมาแล้วรอบนึง ถึงแม้ว่าปกติโม่ไฉ่เวยจะไม่ค่อยแจ่มใสนัก แต่ในเวลาสำคัญ เธอก็ใช้ชีวิตได้อย่างมีสติสัมปชัญญะจริงๆ

จิ่งหนิงฟังแล้วก็เงียบไปครู่หนึ่ง

สุดท้ายก็พยักหน้ารับอย่างหนักแน่น

“ฉันรู้แล้ว แม่คะ วางใจเถอะ ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น”

ความจริงแล้ว ถึงแม้ว่าปากเธอจะพูดไปแบบนั้นแต่ในใจลึกๆก็ยังขัดขืน

เพราะว่าในใจของเธอ เธอเชื่อลู่จิ่งเซินอย่างสนิทใจร้อยเปอร์เซ็นต์

เธอไม่เชื่อว่าลู่จิ่งเซินจะทำร้ายเธอได้ ถึงขนาดตามฆ่าเธอ

ดังนั้นเธอจึงคิดว่าหนานกงจิ่นจะต้องพูดโกหกแน่ ถึงแม้ว่าลู่จิ่งเซินจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอในตอนนั้น แต่ต้องไม่ใช่ตามล่าเธอแน่ ในเรื่องนี้ จะต้องมีเรื่องอะไรเข้าใจผิดแน่

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเธอก็แย่ลง

เพราะว่า ไม่ว่าจะยังไง ไม่ว่าเรื่องนี้จะมีส่วนจริงหรือเข้าใจผิดไป มีอยู่เรื่องนึงที่ไม่สามารถมั่นใจได้

นั่นก็คือ ถ้าเป็นจริงอย่างที่หนานกงจิ่นพูด เมื่อสอบปีก่อนตัวเธอเองกับลู่จิ่งเซินก็มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ถ้าอย่างงั้น กี่ปีมานี้ที่เธอพยายามตรวจสอบเรื่องเมื่อสิบปีก่อน ลู่จิ่งเซินก็ไม่เคยจะห้ามเธอไว้สักครั้ง

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท