วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1064 ช่วยเหลือกันโดยไม่เจตนา

บทที่ 1064 ช่วยเหลือกันโดยไม่เจตนา

จิ่งหนิงรู้สึกเพียงว่าหน้าอกเจ็บขึ้นมา

เธองุนงงเงยหน้าขึ้น มองเห็นใบหน้าที่แปลกหน้าอันหนึ่งอยู่ข้างหลังลู่จิ่งเซิน

ผู้ชายที่อยู่ต่อหน้า สีหน้าดูเหมือนมีความตื่นตะลึงเล็กน้อย ต่อจากนี้ก็คือโมโห

บนเรือสำราญที่สงบเงียบ เสียงปืนดังขึ้นอีก สงครามจลาจลฉากหนึ่งเริ่มเกิดจากตรงนี้

แต่เธอ ร่างกายสูญเสียจุดศูนย์ถ่วง “ปุ้ง” เสียงหนึ่ง ตกลงไปในทะเล

……

คุณเคยสัมผัสความรู้สึกสิ้นหวังมาก่อนไหม?

จิ่งหนิงคิดว่า เธอได้สัมผัสแล้ว

ตอนที่น้ำทะเลเทเข้าไปในร่างกายของเธอจากทุกทิศทุกทางอย่างสุดชีวิต อยู่ดีๆเธอก็ได้สัมผัสถึงอะไรคือสิ้นหวังถึงกระดูก

บาดแผลที่อยู่หน้าอกส่งความรู้สึกเจ็บปวดที่ชัดเจนออกมา กลับสู้ความรู้สึกน่ากลัวของน้ำทะเลที่บีบอัดมาจากบริเวณรอบๆแบบนั้นไม่ไหว

เธอดิ้นรนโดยจิตใต้สำนึก อยากจะสู้สุดชีวิตว่ายขึ้นไปมาก แต่เธอทำไม่ได้

น้ำทะเลก็เหมือนดั่งน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ดึงร่างกายของเธอไว้ ดึงเธอลงไปข้างล่างอย่างสุดชีวิต

เธอดิ้นรนไม่ได้ และไม่สามารถต่อต้านเช่นกัน

ดังนั้นก็อยู่ในเวลานี้——

อยู่ดีๆบนศีรษะมีเสียงน้ำตกเสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง ต่อจากนี้ เธอก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองถูกคนดันขึ้นไป

อยู่ช่วงระหว่างเลอะๆเลือนๆ เธอลืมตาขึ้น มองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นอีกครั้ง

เขาออกแรงดันเอวของเธอไว้ พยายามพาเธอว่ายขึ้นไป

ทันใดนั้นน้ำตาของจิ่งหนิงไหลออกมาแล้ว

ลู่จิ่งเซิน ลู่จิ่งเซินล่ะ……

คุณทำไมต้องหลอกฉันล่ะ?

ปีนั้นคนที่เคยช่วยฉันมาก่อนคนนั้น ทั้งๆที่เป็นคุณ บุญวาสนาของพวกเราเกิดขึ้นแต่ก่อนมานานแล้ว แต่คุณทำไมต้องปกปิดฉันไว้ล่ะ?

เธอยื่นมือออกไปยังลู่จิ่งเซิน อยากจะจับใบหน้าที่เย็นชากวดขันของเขาใบนั้น

แต่ก็อยู่ในเวลานี้ คลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้ามา

นำน้ำวนที่ดุร้ายมาด้วย พลังที่แข็งแกร่งแทบจะบดร่างกายของคนทั้งสองจนละเอียด

เธอได้ยินเพียงเสียง อืม ต่อจากนี้ บนเอวหลวมขึ้นทันที ผู้ชายที่ดันเธอไว้โดยตลอดคนนั้นถูกน้ำวนหมุนเข้าไปในทะเลลึกๆแล้ว

เธออ้าปากค้าง น้ำทะเลเทเข้าไปอย่างดุเดือด นี่เธอจึงนึกถึงว่าตนเองยังอยู่ในทะเล รีบหุบปากไว้ ยื่นมือออกไปพยายามอยากจะดึงเขาไว้ แต่ในที่สุดยังคงดึงไว้ไม่ได้

เห็นเงากายของผู้ชายคนนี้ห่างกับตนเองยิ่งมายิ่งไกลกับตา สุดท้าย กลายเป็นจุดเล็กน้อยอันหนึ่งสูญหายไปกับน้ำทะเลที่มืดมิด เธอรู้สึกเพียงว่าสมองตึงจนใกล้จะระเบิดแล้ว

เธอนั่นคือ นั่นคือความรู้สึกขาดออกซิเจน

วันนีัก็จะตายอยู่ที่นี่จริงๆแล้วเชียวเหรอ?

ไม่ ไม่ใช่นะ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นภาพหลอน เป็นความฝัน เธอยังมีชีวิตอยู่ ลู่จิ่งเซินก็ยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน!

ใช่ พวกเขายังแต่งงานแล้วอีกด้วย มีเบบี๋ที่น่ารักคนหนึ่ง เธอยังตั้งครรภ์อยู่ ลู่จิ่งเซินเคยบอกว่า รอเธอคลอดลูกสองคนนี้มา เขาก็จะพาทั้งครอบครัวไปชมดอกซากุระที่ภูเขาหิมะด้วยกัน ทิวทัศน์ฝั่งโน้นสวยงามสุดขีด พวกเขาสามารถพักอยู่บนภูเขาทั้งอาทิตย์ สัมผัสความสงบสุขที่ไม่มีทางโลกมารบกวนสักนิด

ใช่แล้ว สิ่งเหล่านั้นจึงจะเป็นความจริง ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ล้วนเป็นภาพลวงตา!

จิ่งหนิงลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน สู้สุดชีวิตจะว่ายขึ้นไป

อาการบาดเจ็บที่อยู่หน้าอกก็คล้ายดั่งไม่เจ็บแล้วเช่นกัน เธอปิดปากอย่างแน่น พยายามว่ายขึ้นไป ผ่านไปนานมากๆ ดูเหมือนในที่สุดก็ได้เห็นแสงอาทิตย์แรกอรุณเล็กน้อยแล้ว

ในใจเธอดีใจทันที กำลังจะทำการพุ่งสุดตัวในครั้งสุดท้ายพอดี

ก็อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆ ข้อเท้าดูเหมือนถูกใครจับไว้อย่างโหดร้าย ต่อจากนี้่ร่างกายจมลงทันที เธอล้วนจมลงไปยังใต้น้ำทั้งตัวอีกครั้ง……

“อ่า!”

จิ่งหนิงลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ตื่นขึ้นมา

บริเวณรอบๆเป็นฝาผนังที่ขาวสะอาด ในอากาศเต็มเปี่ยมด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแบบหนึ่ง เธอนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่เรียบๆง่ายๆเตียงหนึ่ง ข้างเตียงผู้ป่วยเชื่อมต่อกับเครื่องมือขนาดใหญ่ที่เธอไม่รู้จักบ้างเล็กน้อย

บนเครื่องมือมีไฟสีแดงกะพริบอยู่ ตามด้วยการตื่นของเธอ ยิ่งเต้นยิ่งเร็วขึ้น

ที่นี่เป็นที่ไหนล่ะ?

จิ่งหนิงนวดหน้าผากที่มีความเจ็บปวดเล็กน้อยนวดแล้วนวดอีก ลุกขึ้นมานั่ง

เพียงเห็นด้านตรงข้ามของเตียง เป็นหน้าต่างบานหนึ่ง

มองผ่านหน้าต่างเข้าไป พบเห็นฝั่งโน้นเป็นห้องห้องหนึ่ง

เธอมีความอยากรู้อยากเห็น ดึงเครื่องมือที่มัดอยู่บนแขนออก กระโดดลงจากเตียงเดินไปยังห้องที่อยู่ด้านตรงข้าม

เพียงเห็นการจัดตกแต่งที่อยู่ในนั้น คล้ายคลึงกันกับห้องที่ตนเองอยู่ มีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง สะดุดตามากก็คือลู่จิ่งเซิน

ในขณะนี้ สีหน้าของลู่จิ่งเซินเขียวซีดไปหมด นอนอยู่บนเตียงตั้งแคมป์ที่ง่ายๆหยาบๆ ก็เช่นดั่งคนกระดาษคนหนึ่ง

บนพื้นที่อยู่ข้างๆ ทิ้งเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดไว้มากมาย เลือดเหล่านั้นอาจเคยแช่น้ำทะเลมาก่อน ปรากฏเป็นสีแดงอ่อนที่ผิดปกติอย่างหนึ่ง

ใจของจิ่งหนิง ดึงเข้ามาจับไว้แน่นอย่างโหดร้าย

“เหว่ย คุณเป็นยังไงแล้วล่ะ? คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เธอตบกระจกที่อยู่บนหน้าต่างตบแล้วตบอีก ร้องตะโกนพูด

หน้าต่างนี้ก็ไม่มีสวิสสักอัน ใช้สำหรับตกแต่งเท่านั้น หรือทำเพื่อคนในห้องอีกห้องหนึ่งสะดวกในการเฝ้าติดตามดูคนในห้องนี้ได้ทุกเวลา กระทั่งอาจจะมีการเก็บเสียงอีกด้วย

ดังนั้น ไม่ว่าเธอตบยังไง ร้องตะโกนยังไง คนอยู่ฝั่งโน้นล้วนไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร

จิ่งหนิงร้องตะโกนไปสักพัก พบเห็นว่าไม่มีประโยชน์ ก็ไม่ร้องตะโกนอีกเลย

ผ่านไปประมาณสิบนาที เธอได้ยินว่าข้างนอกมีเสียงคนพูดคุยกัน ยังมีเสียงย่างก้าว ก็รู้ว่าน่าจะมีหมอกับพยาบาลมาแล้ว

ดังนั้น รีบถอยกลับไปบนเตียง นอนลงไป

เธอแกล้งทำหลับตา ตามความจริงเหลือช่องไว้แอบพินิจพิเคราะห์สภาพการณ์ด้านตรงข้ามอยู่

เพียงเห็นหมอกับพยาบาลนั้นเข้ามาทำการตรวจเช็คให้กับลู่จิ่งเซิน จากนั้นก็ออกไปเลย

ในใจเธอโล่งอกไปที

บาดแผลที่อยู่บนหน้าอกรู้สึกยังมีความเจ็บปวดเล็กน้อย เธอเปิดเสื้อออกดูแล้วดูอีก พบเห็นบาดแผลของตนเองถูกคนพันไว้แล้ว

เธอก็ไม่รู้ว่าคนที่ยิงคือใคร ยิ่งไม่ชัดเจน ฝ่ายตรงข้ามทำไมต้องฆ่าเธอ

เธอแค่รู้ว่า ตอนนี้ลู่จิ่งเซินอยู่ที่นี่ เธอออกจากนี่คนเดียวไม่ได้

พูดแล้วก็แปลกประหลาดเช่นกัน ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่ในนี้ ล้วนเป็นเรื่องทั้งๆที่เกิดขึ้นจากเมื่อก่อนเป็นความทรงจำของสามเดือนนั้นที่จิ่งหนิงทำตกหายไป

แต่ว่าวิญญาณที่สวมใส่อยู่ในร่างกายนี้ตอนนี้ กลับคล้ายดั่งเป็นจิ่งหนิงเมื่อสิบปีหลังที่รู้จักรักกันกับลู่จิ่งเซินคนนั้น

ตัวจิ่งหนิงเองก็มีความเลอะเลือนเล็กน้อยแล้ว ไม่เข้าใจตรรกะทั้งหมดนี้ว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่

เธอสามารถอาศัยเพียงทำการโดยจิตเดิมของตนเอง

หลังจากรอคนข้างนอกล้วนออกไปแล้ว เธอจึงลงจากเตียง เดินไปยังหน้าประตู

เดิมทีคิดว่า ประตูจะถูกคนล็อกไว้ หรือข้างนอกอาจจะต้องมีคนเฝ้าดูไว้แน่นอน

แต่ตอนที่รอเธอเปิดประตูออก พบเห็นอย่างคาดไม่ถึง ข้างนอกเงียบสงัดอยู่

บนระเบียงทางเดินที่ไกลๆทางหนึ่ง ล้วนไม่มีสักคน

จิ่งหนิงออกจากประตูอย่างประหลาดใจ พบเห็นว่าข้างห้องยังมีประตูบานหนึ่ง เป็นประตูที่สามารถเข้าห้องที่ลู่จิ่งเซินอยู่ห้องนั้นโดยตรง

เธอลังเลพักหนึ่ง สุดท้ายยังคงเดินเข้าไป

ในห้องนอน ลู่จิ่งเซินนอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆเหมือนเดิม

ดูจากสีหน้าของเขาสามารถดูออกว่า ในครั้งนี้เขาได้รับบาดเจ็บไม่เบา

จิ่งหนิงมีความรักสงสารเล็กน้อย ทั้งมีการกล่าวโทษอีกเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าสาเหตุที่ลู่จิ่งเซินปกปิดเธอไว้เป็นเพราะอะไร แต่ในวินาทีนี้ เห็นลักษณะท่าทีที่คล้ายดั่งเสียชีวิตไปครึ่งหนึ่งของเขา แม้แต่ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นก็กลายเป็นผอมแห้งมากอีกด้วย อดไม่ได้ที่จะรักสงสารจนจับมือของเขาไว้

“ลู่จิ่งเซิน คุณตื่นสิ บอกกับฉัน นี่เป็นสถานที่อะไรดีหรือไม่ดีล่ะ? คุณนอนอยู่ที่นี่ไม่ขยับสักนิด ฉันล้วนไม่มีความรู้สึกปลอดภัยสักนิด”

จิ่งหนิงนั่งลงอยู่ข้างเตียงกระซิบอยู่เบาๆ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท