วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1066 อารมณ์เจ็ดตัณหาหกบทที่ 1066 อารมณ์เจ็ดตัณหาหก

บทที่ 1066 อารมณ์เจ็ดตัณหาหกบทที่ 1066 อารมณ์เจ็ดตัณหาหก

เธอเงยหน้าขึ้น มองเห็นคางที่แข็งแกร่งเด็ดขาดของลู่จิ่งเซิน

อยู่ดีๆขอบตาก็ร้อนขึ้นขนาดนั้น และแยกไม่ชัดว่าเป็นจิ่งหนิงเมื่อสิบปีก่อน หรือว่าจิ่งหนิงในสิบปีหลัง

เธอยื่นมือออกไป ร้องตะโกนเสียงแหบว่า “คุณลู่……”

ร่างกายของลู่จิ่งเซินแข็งทื่อทันที

จิ่งหนิงได้ยินตนเองตกใจจนร้องไห้ออกมา

ต่อจากนี้ ก็ได้ยินเสียงที่สุขุมของผู้ชาย “อย่าหวาดกลัว”

เสียงเข่นฆ่ากันของผู้คนอยู่ที่ไกล ตามด้วยความโมโหร้องตะโกนของผู้ชาย

“ลู่จิ่งเซิน หากจิตใจที่จะให้เจ้านายเราตายของคุณไม่ตายไป ถึงแม้พวกเราต้องตาย กลายเป็นผีที่ดุร้ายก็จะไม่ปล่อยคุณไปแน่!”

สิ่งที่ติดตามมาก็คือเสียงระเบิดเสียงแล้วเสียงเล่า

จิ่งหนิงถูกทำให้ตกใจจนกายสั่นระริกเรื่อยๆ ลู่จิ่งเซินไม่ไปสนใจคนเหล่านั้น มีลูกน้องของเขาไปจัดการผู้ก่อการจลาจลเหล่านี้แล้ว

เขาอุ้มจิ่งหนิงขึ้นมา ขึ้นไปที่รถ จากนั้นขับรถไปยังอพาร์ตเม้นท์แห่งหนึ่งโดยตรง

ช่วงเวลาต่อมานี้จิ่งหนิงก็พักอยู่ในอพาร์ตเม้นท์แห่งนี้มาโดยตลอด

ทางโรงเรียนยังไม่ได้เปิดเทอม เธอก็ไม่มีที่ไปเช่นกัน โชคดีว่าลู่จิ่งเซินไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจเลย ให้เธอพักอยู่ที่นี่อย่างสบายใจ แต่ตัวเขาเองคือสองสามวันเข้ามาที

จิ่งหนิงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้แปลกประหลาดมาก เธอไม่รู้ภูมิหลังของลู่จิ่งเซิน ทั้งไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องดีต่อตนเองขนาดนี้เช่นกัน

พักอยู่ตลอดจนใกล้จะเปิดเทอมแล้ว มีดึกดื่นเที่ยงคืนวันหนึ่ง อยู่ดีๆเธอมองเห็นผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว

คนที่ชื่อว่าหนานกงจิ่นคนนั้น ผู้ชายที่เคยถูกเธอช่วยไว้ครั้งหนึ่ง

แต่ในครั้งนี้ เธอกับหนานกงจิ่น ไม่ได้พบเจอกันต่อหน้าต่อตา

แต่เธอหลบอยู่ในห้องนอน หนานกงจิ่นแอบเข้ามาอย่างเงียบสงบจากข้างนอก กำลังอยู่ในห้องสืบค้นอะไรไปทั่ว

ในใจเธอหวาดกลัวสุดขีด อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงเวลานี้อยู่กับลู่จิ่งเซิน ถึงแม้เธอยังไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้น แต่ก็คาดเดาได้โดยคร่าวๆ หนานกงจิ่นไม่ได้เป็นคนดีอะไร เขากับลู่จิ่งเซินเป็นศัตรูกัน

ดังนั้นตอนที่เจอกันครั้งแรก ตนเองช่วยหนานกงจิ่นไว้ เขาจึงโมโหขนาดนั้น

นึกถึงที่นี่ เธอแอบจับแท่งเหล็กอันหนึ่งไว้ เดินออกไปอย่างเงียบสงบ

แต่หนานกงจิ่นเป็นใครล่ะ?

อย่าพูดถึงจิ่งหนิงในปีนั้นเลย ถึงแม้ว่าเป็นจิ่งหนิงในปัจจุบัน อยากจะชนะเขาด้านฝีมือ งั้นก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ จิ่งหนิงยังไม่ทันชิดใกล้กับเขา ก็ถูกเขาสังเกตได้แล้ว

ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเยาะเสียงหนึ่ง หนานกงจิ่นเพียงแค่หมุนตัวอย่างตามใจ ก็จับแท่งเหล็กที่เธอกำลังจะฟาดลงมาไว้ จากนั้นทำตายี๋ยิ้มพูดว่า “เขาพาคุณกลับมาเลยเหรอ?”

ไม่รอจิ่งหนิงพูด “อิ” อีกเสียงหนึ่ง

“ช่างเป็นวัยหนุ่มที่ตกหลุมรักใครง่ายๆจริงๆล่ะ ในปีนั้นถ้าผมเปิดโล่งเริ่มมีสติปัญญาอย่างเขาขนาดนี้สักครึ่งหนึ่ง ก็ไม่ถึงกับตกอับร่อนเร่เป็นสภาพในวันนี้”

พูดอยู่ อยู่ดีๆยื่นมือม้วนหนึ่งที ก็ได้ม้วนร่างกายของเธอไว้ ปลายเท้าเตะเบาๆ คนถึงขนาดเหมือนดั่งใบไม้ร่วงลอยออกไปอย่างเบา

“ในเมื่อคุณเป็นฝ่ายชนเข้ามาในมือของผมเอง งั้นก็อย่าโทษผมไม่เกรงใจเลย คุณวางใจเถอะ ผมจะไม่ทำร้ายคุณ เพียงแค่เขายอมเอาของออกมา ผมย่อมส่งคุณกลับไปอย่างปลอดภัยแน่นอน”

พูดจบ จิ่งหนิงเพียงรู้สึกว่าลำคอเจ็บขึ้นมา คนก็สลบไปเลย

ตื่นมาอีกที เธอพบเห็นว่าตนเองอยู่บนเรืออีกแล้ว

หนานกงจิ่นดูเหมือนรักลำเอียงกับสิ่งที่เป็นเรือสำราญอย่างนี้มากจริงๆ เป็นเพราะว่าสิ่งนี้ทุกด้านไร้ความช่วยเหลือ กลับทำให้เขามีความรู้สึกปลอดภัยกว่า

ดังนั้น เขาเลือกพาจิ่งหนิงไปบนเรือ จากนั้นแจ้งลู่จิ่งเซินเข้ามาทำการแลกเปลี่ยน

จิ่งหนิงไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่พวกเขาแลกเปลี่ยนกันเป็นอะไร เพียงแค่ผ่านช่องประตู ได้ยินคลุมเครือไม่กี่คำ

เหมือนกำลังพูดถึงแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์อะไร หรือว่าอะไรนะ

แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์!

ใช่ ก็คือสิ่งนี้!

อยู่ดีๆจิ่งหนิงก็ตื่นขึ้นมาเลย ถึงยังไง เธอในปัจจุบันนี้ เป็นเธอในสิบปีหลัง รู้จักภูมิหลังของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์แล้ว

ดังนั้น ถึงแม้จิ่งหนิงที่อยู่ในความทรงจำไม่ชัดเจน แต่เธอในสิบปีหลังที่เป็นผู้ชม กลับได้ยินชัดเจน

ต่อจากนี้ ประตูถูกคนชนออก เธอถูกผู้ชายสองคนโยนออกไป

เธอเห็นลู่จิ่งเซินยืนอยู่ด้านตรงข้ามและหนานกงจิ่นยืนอยู่ข้างหลังเธอ ยื่นมือจับคอของเธอไว้กับตา

เธอไม่สงสัยเลยสักนิด เพียงแค่หนานกงจิ่นคิดจะทำ ออกแรงเบาๆสักหน่อย คอของเธอก็จะถูกบีบหักทันที

ได้ยินเพียงหนานกงจิ่นถามว่า “เอาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ออกมา ผมก็ปล่อยเธอไป ยังไงล่ะ?”

บนใบหน้าของลู่จิ่งเซินไม่มีสีหน้าอะไร

“คุณคิดว่าผมจะสนใจชีวิตของเธอเหรอ?”

“ไม่สนใจ วันนี้คุณมาทำไมล่ะ?”

“เหอะ!” ลู่จิ่งเซินหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง ถึงขนาดวางท่าใหญ่โตไม่สนใจใครนั่งลงอยู่ข้างๆ

“เข้ามาดูสิว่าคุณหนานที่เคยสาบานจะไม่ฆ่า จะทำการฆ่าอยู่ต่อหน้าผมยังไง”

สีหน้าหนานกงจิ่นเปลี่ยนทันที

“คุณรู้ได้ยังไง……”

“ในเมื่อผมจะจับคุณ ย่อมต้องทำการสืบคุณอยู่แล้ว รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ไม่ใช่เหรอ?”

ลู่จิ่งเซินทำตายี๋ขึ้นมานิดๆ “หนานกงจิ่น ผมขอเตือนคุณยังคงถูกจับโดยละม่อมเถอะ ละทิ้งแผนการที่เหมือนเช่นดั่งฝันหวานฝันกลางวันอย่างนั้นของคุณ ตอนนี้คุณยังไม่ได้ทำผิดอะไร กลับตัวยังทัน ผมสามารถรับประกันให้คุณได้ รักษาชีวิตคุณไว้”

อยู่ดีๆหนานกงจิ่นก็หัวเราะ ฮ่าฮ่า ขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

“รักษาชีวิตผมไว้เหรอ? คุณคิดว่าผมอยู่มานานขนาดนั้น ยังกลัวตายเหรอ? ผมอยากตายได้สักวันหนึ่งใจจะขาด อย่างนั้นผมก็จะหลุดพ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว!”

พูดถึงที่นี่ อยู่ดีๆเขาจ้องมองไปยังจิ่งหนิงที่อยู่ในอ้อมอก

“ผมตายแล้วไม่เป็นไร แต่เธอไม่เหมือนกันล่ะ อิอิ กำลังเป็นวัยเยาวชนอยู่ ผมได้ยินว่าเธอยังบริจาคสิ่งสำคัญมากอย่างหนึ่งให้แก่คุณ? ฮ่าฮ่าฮ่า ลู่จิ่งเซิน คุณกลับกลายเป็นต้องอาศัยวิธีการแบบนี้ทำให้มีลูก ผมว่าคุณใช้ไม่ได้เลยใช่หรือไม่ล่ะ? เป็นผู้ชายจนกลายเป็นอย่างนี้ ผมรู้สึกสงสารแทนคุณจริงๆ”

คำพูดยังไม่ทันพูดจบ เพียงเห็นผู้ชายที่อยู่ด้านตรงข้ามทำตายี๋ขึ้นมา เปล่งแสงที่อันตรายออกมาหนึ่งที

“ผมเพียงแค่ไม่อยากปนเปื้อนอารมณ์เจ็ดตัณหาหกเท่านั้น ถึงยังไงคนที่มีฝีมืออย่างคุณหนานแบบนี้ สุดท้ายก็ต้องหกคะเมน อยู่กับคำว่ารักคำหนึ่ง ผมลู่จิ่งเซินบอกกับตนเองว่าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งก่อนที่ภารกิจยังไม่สำเร็จ จะไม่ถามหาเรื่องความรักชายหญิงอย่างเด็ดขาด”

หนานกงจิ่นหยุดชะงัก

ก็อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆมีเสียงปืนดังขึ้น

ทั้งสองคนล้วนตื่นตะลึงหนึ่งที ต่อจากนี้ ก็ได้ยินว่ามีคนขับเรือลำหนึ่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเข้ามา

“หนานกงจิ่น คุณถูกพวกเราล้อมรอบไว้แล้ว ปล่อยตัวประกันไป คุณยังมีโอกาส มิฉะนั้นพวกเราได้เพียงแต่ลงโทษประหารชีวิตคุณ ณ ตอนนี้แล้ว”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วขึ้นมา

ไม่ใช่คนของเขา

ให้ตายซิ! ข้างบนยังไม่เชื่อใจเขาอีก ทั้งๆที่ขาดแค่ก้าวสุดท้ายแล้ว กลับยังคงถูกคนเหล่านี้ทำให้เสียเรื่อง

พวกเขาไม่ปรากฏตัว ตนเองยังมีโอกาสต้อนรับขับสู้กับหนานกงจิ่น พอพวกเขาปรากฏตัวนี่จะไม่ใช่ทำให้เสียเรื่องพอดี

เป็นอย่างที่คิดไว้ พอหนานกงจิ่นได้ยินเสียงนี้ ก็หัวเราะขึ้นมาทันทีจริงๆ

“ลู่จิ่งเซิน ผมเคยบอกแล้ว เพียงพบกับคุณคนเดียว นึกไม่ถึงคุณไม่เอาไหนขนาดนี้ กลับกลายเป็นยังพาผู้ช่วยมาอีก ช่างเถอะ คนคืนให้คุณ บัญชีของพวกเราคราวหน้าค่อยเคลียร์กันอีก”

พูดจบ โยนจิ่งหนิงเข้าไปยังอ้อมอกของเขาทันที ตนเองกลับกระโดดออกไปเลย

จิ่งหนิงตื่นตกใจหนึ่งที รีบจับเสื้อของเขาไว้ และก็อยู่ในเวลานี้ กลับได้ยิน เสียง “พุ้ง” เบาๆเสียงหนึ่ง

กระสุนลูกหนึ่งพุ่งมาจากที่ไกล ทะลุร่างกายของเธอ ทั้งทะลุร่างกายของลู่จิ่งเซินอีก

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท