วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1069 คิดว่าตัวเองถูกตลอด

บทที่ 1069 คิดว่าตัวเองถูกตลอด

ดวงตาลู่จิ่งเซินตึงขึ้น ชั่วพริบตาเดียวนัยน์ตาที่ลึกล้ำคู่นั้นเปล่งแสงที่ดุเดือดรุนแรงออกมา

กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉียังฟังไม่ทันจะเข้าใจว่าพวกเขาพูดอะไรกันอยู่ ล้วนมีสีหน้าที่งุนงงเต็มใบหน้า

ใจของจิ่งหนิงกลับขึงลับลงอย่างโหดร้าย เพราะว่าเธออ่านบางอย่างได้จากสายตาของลู่จิ่งเซินแล้ว

เห็นได้ชัดมาก เขารู้ว่าหนานกงจิ่นพูดอะไรอยู่

นี่ก็หมายความว่าคำพูดเหล่านั้นที่ก่อนหน้านั้นหนานกงจิ่นพูดกับตนเองล้วนเป็นความจริง ระหว่างเขากับลู่จิ่งเซินมีความลับบางอย่างที่คนอื่นไม่รู้อยู่จริงๆ

ถึงเวลานี้แล้ว ลู่จิ่งเซินเห็นได้ชัดก็รู้ว่า ไม่มีทางทำอย่างลวกๆผ่านไปได้อีกแล้ว

เขาพูดเสียงเย็นชาว่า “คุณอยากได้แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์เหรอ?”

หนานกงจิ่นพูดว่า “ใช่! เอาหลายชิ้นนั้นที่อยู่ในมือคุณออกมาให้ผมทั้งหมด มิฉะนั้นผมจะฆ่าเธอเลยทันที!”

เขาพูดอยู่ ยกมือจับคอของจิ่งหนิงไว้

ลำคอที่อ่อนนิ่มอยู่ในฝ่ามือของเขา ก็เหมือนดั่งต้นอ้อเล็กสีขาวที่อ่อนแอต้นหนึ่ง หักเบาๆก็จะหักเลย

ดวงตาลู่จิ่งเซินตึงขึ้น โดยจิตใต้สำนึกร้องตะโกนพูดว่า “อย่าเตะต้องเธอ”

ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อยู่ดีๆจิ่งหนิงก็รู้สึกว่าใจร้ายไม่ลงจากใจ

เธอส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีกพูดว่า “ลู่จิ่งเซิน คุณไม่ต้องสนใจฉัน คุณไปเถอะ เขาไม่ทำอะไรฉันจริงๆ”

ยังไม่ทันพูดจบ นิ้วมือของหนานกงจิ่นแน่นขึ้น ทันใดนั้นคอของเธอถูกคนบีบไว้ หายใจไม่ได้ ชั่วพริบตาเดียวใบหน้าซีดลง

ใจของลู่จิ่งเซินก็แน่นขึ้นอย่างโหดร้ายตามไปด้วย แค่แทบอยากจะพุ่งเข้าไปช่วยจิ่งหนิงเข้ามาทันทีใจจะขาด

แต่เขาต่อฝีมือของหนานกงจิ่นคุ้นเคยกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว รู้ว่าตนเองเข้าไปอย่างนี้ไม่เพียงช่วยจิ่งหนิงไม่ได้ กลับยังจะทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย

ด้วยเหตุนี้เพียงแค่หยุดอยู่ที่นั่นไม่กล้าขยับอีก

หนานกงจิ่นเห็นตนเองคุกคามพวกเขาได้ นี่จึงหัวเราะออกมาอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง

เขาพูดเสียงเข้มว่า “ลู่จิ่งเซิน ผมให้โอกาสคุณเพียงแค่ครั้งเดียว เอาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์สี่ชิ้นนั้นที่อยู่ในมือคุณออกมาให้หมด มิฉะนั้นผมก็จะบีบให้เธอตายในทันที คุณสามารถลองดูว่าปืนของคุณเร็วกว่าหรือว่ามือของผมเร็วกว่า”

ลู่จิ่งเซินไม่ได้พูด กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีที่อยู่ข้างๆกลับล้วนตื่นตกใจอย่างมาก

แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์สี่ชิ้นอะไรล่ะ?

ทั้งหมดของพวกเขาถึงแม้บวกกับในครั้งก่อนชิ้นนั้นที่พวกเขาเอามาจากเตียนหนาน ไม่ใช่ก็เพียงแค่มีชิ้นเดียวเหรอ?

สี่ชิ้นมาจากที่ไหนล่ะ?

แต่หนานกงจิ่นเพียงแค่จ้องมองลู่จิ่งเซินอย่างแน่น

กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีเห็นสภาพก็หันหน้าไปจ้องมองลู่จิ่งเซินเช่นกัน

กู้ซือเฉียน ถามเสียงต่ำว่า “ลู่จิ่งเซินตกลงเป็นเรื่องอะไรกันแน่? คุณมีเรื่องปกปิดพวกเราใช่หรือไม่ล่ะ?”

ลู่จิ่งเซินไม่ได้พูดเหมือนเดิม ตาคู่นั้นกลับจ้องมองจิ่งหนิงอย่างแน่น

จากสายตาของจิ่งหนิงเขาดูเหมือนมองอะไรออกแล้ว หัวใจดวงหนึ่งจมลงอย่างโหดร้าย

ผ่านไปสักพัก จึงได้ยินเขาบอกว่า “แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวผม คุณปล่อยเธอไปก่อน เพียงแค่คุณยอมปล่อยเธอไป ผมรับปากคุณ ย่อมจะส่งแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ถึงมือคุณอย่างแน่นอน ว่ายังไงล่ะ?”

หนานกงจิ่นได้ยินคำพูดหัวเราะ ฮ่าฮ่า เสียงดังออกมา

“ลู่จิ่งเซิน คุณคิดว่าผมเป็นเด็กอายุสามขวบเหรอ? หลอกง่ายขนาดนั้น? ถ้าหากผมปล่อยเธอไป คุณยังจะเอาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ให้ผมเหรอ? สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้พวกเราทั้งสอง คุณไล่ ผมหนี ผมยากที่จะหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์หลายชิ้นนี้เจอ แต่สุดท้ายล้วนถูกคุณแย่งไปหมด ตอนนี้คุณกลับบอกว่าจะเอามันให้กับผม ใครจะเชื่อล่ะ?”

พอเขาพูดคำพูดนี้ออกมา กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีล้วนอึ้งชะงักอย่างโหดร้าย!

อยู่ดีๆดูเหมือนก็เข้าใจอะไรบ้างแล้ว ไม่กล้าที่จะเชื่อถามว่า “ลู่จิ่งเซิน ตกลงนี่เป็นเรื่องอะไรกันแน่? สิ่งที่เขาพูดหมายความว่าอะไรล่ะ? สิบกว่าปีอะไร? คุณกับหนานกงจิ่นไม่ใช่เพิ่งรู้จักกันไม่นานเหรอ? แต่ก่อนพวกเรากระทั่งล้วนไม่รู้ถึงการคงอยู่ของเขา คุณรู้จักกับเขาสิบกว่าปีแล้วได้ยังไงล่ะ? ยังมีแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์นั้นเป็นเรื่องอะไรกันแน่?”

ลู่จิ่งเซินรู้มานานแล้ว เพียงแค่จิ่งหนิงตกอยู่ในมือของหนานกงจิ่น เรื่องนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดต่อไปได้อีกแล้ว

เพราะว่าสิบปีก่อน จิ่งหนิงก็เคยพบเจอกับหนานกงจิ่นมาก่อนแล้ว

ตามอุปนิสัยของหนานกงจิ่น ในเมื่อเขาลักพาตัวจิ่งหนิงไป ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่บอกความเป็นจริงกับเธอ

และสามารถอาศัยสิ่งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแตกแยกกันพอดี

ตอนนี้ดูแล้ว ทั้งหมดล้วนเหมือนดั่งที่เขาคาดคิดไว้พอดี

ตอนนี้เขาแค่เสียใจภายหลังที่ไม่ได้ทำการอธิบายกับจิ่งหนิงเร็วหน่อย เดิมทีคิดว่าหลังจากรอให้ทุกอย่างล้วนจบลงแล้วค่อยพูดกับเธอ แต่ตอนนี้ดูแล้ว กลับเป็นไปไม่ได้แล้ว

ผ่านไปนานมาก เขาจึงพูดเสียงเข้มว่า “หนิงหนิง คุณรู้แล้วใช่หรือไม่ล่ะ?”

จิ่งหนิงไม่ได้พูด ลำคอที่อ่อนนิ่มยังจับอยู่ในมือของหนานกงจิ่น

เธอเพียงแค่จ้องมองลู่จิ่งเซินอยู่อย่างเงียบๆ อารมณ์ที่อยู่นัยน์ตาสลับซับซ้อนเหลือเกิน ดูเหมือนมีความผิดหวัง ดูเหมือนมีความโมโห ทั้งดูเหมือนมีความเศร้าโศกกับอาลัยอาวรณ์อีกมากมาย

สิ่งที่มากกว่านี้กลับเต็มเปี่ยมด้วยความสงสัยงงงวย

ลู่จิ่งเซินรู้ว่าเธอสงสัยงงงวยอะไรอยู่ แต่ว่าเขาไม่สามารถอธิบายได้ สุดท้ายได้เพียงแต่พูดเสียงเข้มว่า “คุณอย่าคิดเหลวไหล ทั้งหมดล้วนมีสาเหตุ หลังจากนี้ผมย่อมจะอธิบายให้คุณอย่างแน่นอน”

จิ่งหนิงไม่ได้พูดเหมือนเดิม หนานกงจิ่นกลับหงุดหงิดแล้ว แรงกำลังที่อยู่ในมือแน่นขึ้นอีกหลายส่วน พูดเสียงเคร่งขรึมเฉียบขาดว่า “ลู่จิ่งเซิน! ตกลงคุณยอมเอาของออกมาหรือไม่ยอม ถ้าหากคุณไม่เอาของออกมา ตอนนี้ผมก็ทำให้เธอตายในทันที! ทั้งทำให้หญิงชราที่อยู่ข้างในคนนั้นตายไปพร้อมกัน”

นี่จิ่งหนิงจึงพูดเสียงเย็นชาว่า “หนานกงจิ่น เรื่องของพวกเราเป็นเรื่องของพวกเรา หนึ่งเรื่องส่วนหนึ่งเรื่อง ไม่เกี่ยวกับแม่ฉัน คุณปล่อยเธอไปเถอะ”

หนานกงจิ่นหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง ริมฝีปากบางๆติดอยู่ข้างหูของเธอ พูดเสียงต่ำว่า “คุณกลัวอะไรล่ะ? ผมแค่ทำให้เขาตกใจเท่านั้น ผมเคยบอกแล้วคุณเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตผม ผมจะไม่ทำร้ายคุณอย่างง่ายดาย เพียงแค่เขายอมเอาของออกมา แต่ถ้าหากว่าเขาไม่ยอมเอาของออกมา งั้นก็ไม่แน่แล้วเฉียนเฉียนเอาตัวไม่รอด ผมก็จะเอาตัวไม่รอดเช่นกัน ในเมื่อทุกคนล้วนเอาตัวไม่รอด ผมยังจะแคร์ความเป็นหรือตายของใครล่ะ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่จะตอบแทนไม่ตอบแทนบุญคุณอะไรแล้ว!”

จิ่งหนิงกัดฟันอย่างแน่น พูดเสียงเคร่งขรึมเฉียบขาดว่า “คุณปล่อยเธอไป ฉันย่อมจะช่วยคุณเอาของมาให้ได้แน่นอนได้หรือไม่ล่ะ?”

หนานกงจิ่นหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “อย่าเลยเถอะ อาศัยคุณผมยังมิสู้อาศัยตนเองดีกว่า เตือนสติคุณอีกคำด้วย เป็นผู้หญิงอย่ามั่นใจในตนเองมากเกินไป โดยเฉพาะสถานะที่คุณอยู่ในใจของผู้ชาย!”

“เพราะว่าบางเวลาตอนที่คุณคิดว่าตนเอง100% แท้ที่จริงเทียบกับใจของเขาเพียงแค่35%มากที่สุดอาจจะเป็น60%เท่านั้น”

“อยู่ในโลกใบนี้หญิงสาวจิตใจหลงใหลผู้ชายทรยศมากมายก็คือเป็นมาอย่างนี้ล่ะ ดูตนเองยิ่งสำคัญสุดท้ายตอนที่ตกลงมาก็จะยิ่งเศร้าสลด ความบาดเจ็บที่ได้รับก็จะยิ่งหนัก ผมเห็นแก่คุณที่เคยช่วยชีวิตผมจึงบอกหลักการนี้กับคุณ ตัวคุณเองพิจารณาให้ดีๆเถอะ”

ตอนนี้จิ่งหนิงเสียใจภายหลังที่ได้รับปากข้อเรียกร้องนี้กับเขาอย่างยิ่ง

เธอรู้ว่าหนานกงจิ่นก็คือคนบ้าคนหนึ่ง ไม่ว่าอะไรล้วนทำออกมาได้!

ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติทั้งสามของเขาหรือว่าวาจาการกระทำของเขา ล้วนเกินขอบเขตของคนปกติคนหนึ่งแล้ว

และตนเองมิเพียงไม่ได้เป็นศัตรูกับเขา ยังสมคบกันกับเขาอีก ช่างโง่เขลามากชั่วมากจริงๆเลย!

อยู่ดีๆเธอขอบตาแดง เงยหน้าน้ำตาคลอจ้องมองไปยังลู่จิ่งเซินพูดว่า “ลู่จิ่งเซิน พวกคุณรีบไปเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน และไม่ต้องเอาของให้เขาเช่นกัน!”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน