วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1068 อ้อมค้อม

บทที่ 1068 อ้อมค้อม

เขาส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก ถอนหายใจพูดว่า “ตั้งแต่ต้นจนจบเขาล้วนปกปิดพวกคุณ หลอกใช้พวกคุณ เขาไม่ได้ถือว่าตัวคุณเป็นคนที่เขารักจริงๆเลยสักนิด ดังนั้นทั้งหมดล้วนเป็นแค่แผนร้ายเท่านั้น ไม่เพียงแค่คุณ ยังมีกู้ซือเฉียนกับเฉียวฉี แท้ที่จริงล้วนถูกเขาหลอกใช้แล้ว”

เสียงของหนานกงจิ่นแฝงไว้ด้วยแรงพลังที่ปลุกปั่นอย่างหนึ่ง ทำให้ในใจจิ่งหนิงอึ้งชะงัก

สีหน้าของเธอมีความเขียวซีดเล็กน้อย ปฏิเสธพูดว่า “ไม่ คุณไม่ต้องปลุกปั่นฉันอีกเลย เพราะไม่ว่าคุณพูดยังไง ฉันล้วนไม่เชื่อ”

เธอพูดอยู่ ลุกขึ้นมา

“ฉันจะไปหาลู่จิ่งเซิน! ฉันจะไปถามเขาให้ชัดเจน”

เห็นเธอเซไปเซมาก็จะออกไปกับตา มุมปากของหนานกงจิ่น อยู่ดีๆปรากฏรอยยิ้มที่หยอกเล่นขึ้นมา

“จิ่งหนิง ไม่งั้นเรามาพนันกันสักหน่อยว่ายังไงล่ะ?”

ย่างก้าวของจิ่งหนิงหยุดชะงัก

หันกลับไปจ้องมองเขา “พนันกันอะไรล่ะ?”

“สิบปีก่อน ลู่จิ่งเซินไม่ยินยอมเอาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์มาแลกเปลี่ยนคุณ ทำให้คุณได้รับบาดแผลจากอาวุธปืน เวลานั้นถึงยังไงพวกคุณก็ไม่คุ้นเคยกัน ตามน้ำใจเหตุผลยังยกโทษให้ได้ แต่ตอนนี้คุณเป็นภรรยาของเขา คิดว่าเขาย่อมยินยอมทุ่มหมดทุกอย่างเพื่อคุณอย่างแน่นอน ไม่งั้นเราก็มาพนันกัน สิบปีหลังการเลือกที่เหมือนกันวางอยู่ต่อหน้าเขา เขาจะเลือกยังไง ว่ายังไงล่ะ?”

ย่างก้าวของจิ่งหนิงแข็งทื่ออยู่นั่นโดยสิ้นเชิง

ต้องบอกว่า หนานกงจิ่นเอ่ยเงื่อนไขที่ยั่วยุคนออกมาเหลือเกินอย่างหนึ่ง

อยู่บนโลกนี้ ดังคำกล่าวที่ว่ายิ่งห่วงก็ยิ่งสับสน ในใจยิ่งแคร์ ก็ยิ่งอยากจะพิสูจน์

อยู่ภายใต้การรู้เงื่อนไขข้อแรกของความเป็นจริงแบบนั้น เชื่อว่าไม่มีสักคนจะสามารถปฏิเสธการยั่วยุของเขาได้

จิ่งหนิงไม่ใช่เทพเทวดา ก็เพียงแค่คนธรรมดาที่มีอารมณ์เจ็ดตัณหาหกคนหนึ่งเท่านั้นเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ โดยจิตใต้สำนึกในสมองแว็บผ่านความคิดแรกก็คือ รับปาก

ถึงยังไง หนานกงจิ่นก็ตั้งใจมั่นว่าต้องได้แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ นี่เป็นความจริงที่คนทั้งหลายล้วนรู้

แท้ที่จริงไม่ว่าเธอจะรับปากหรือไม่ จับกุมชีวิตของเฉียวฉีอยู่ในมือ แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์หลายชิ้นนั้น ช้าเร็วเขาก็สามารถที่จะได้

ดังนั้น แท้ที่จริงถึงแม้รับปาก ก็ไม่มีอะไรล่ะ?

ในเวลานี้ หนานกงจิ่นวางมือถือเครื่องหนึ่งไว้บนโต๊ะ

“เพียงแค่คุณยอมรับปาก ผมจะโทรหาเขาทันที บอกตำแหน่งเราให้กับเขา ถึงเวลานั้น คุณจะเห็นความสำคัญที่คุณอยู่ในใจเขากับตา”

จิ่งหนิงเม้มปากอย่างแน่น

นิ้วมือที่วางอยู่ใต้โต๊ะกำแน่นแล้วแบออกอีก แบออกแล้วกำแน่นอีก

เนิ่นช้าไม่ได้ทำการตัดสินใจ

หนานกงจิ่นก็ไม่ร้อนใจเช่นกัน เงียบตลอดเวลาจ้องมองเธออยู่ คล้ายดั่งรอเธอบอกคำตอบสักอย่างออกมา

ผ่านไปนานมาก จึงได้ยินจิ่งหนิงพูดว่า “ได้”

หนานกงจิ่นหัวเราะออกมา

“งั้นตอนนี้ผมก็โทรหาเขา”

ไม่นานลู่จิ่งเซินก็รับสายหนานกงจิ่นเลย

อยู่ในสาย หนานกงจิ่นบอกตำแหน่งของตนเองให้กับเขา ลู่จิ่งเซินไม่กล้าล่าช้า สั่งคนหมุนทิศทางเรือทันที ขับไปยังตำแหน่งที่พวกเขาอยู่

กู้ซือเฉียนจ้องมองมหาสมุทรอยู่ ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ทำไมผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติเล็กน้อยล่ะ?”

เฉียวฉีถามว่า “ที่ไหนผิดปกติล่ะ?”

“หนานกงจิ่นยากที่จะจับจิ่งหนิงได้ แรกสุดอะไรก็ไม่ได้พูดยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเอ่ยเงื่อนไขอะไร ตอนนี้อยู่ดีๆกลับกระโดดออกมาอีก ชี้ให้เห็นว่าจะให้พวกเราเข้าไปแลกเปลี่ยนตัวประกันเอง แต่กลับหุบปากไม่บอกสิ่งที่เขาจะแลกเปลี่ยน นี่จะไม่ใช่แปลกประหลาดมากเหรอ?”

ใบหน้าลู่จิ่งเซินไร้สีหน้า จ้องมองมหาสมุทรที่ไกลลึก พูดเสียงเข้มว่า “ไม่ว่าแปลกประหลาดมากขนาดไหน และไม่ว่าสิ่งที่เขาจะเอาคืออะไร พวกเราล้วนต้องไป”

เฉียวฉีก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ใช่สิ หนิงหนิงอยู่ในมือเขา ไม่ว่ายังไงครั้งนี้เราล้วนต้องไป ในเมื่อคาดเดาจุดประสงค์ของเขาไม่ได้ งั้นก็ไม่ต้องไปคาดเดาปัญหาทุกอย่างมีทางออก พวกเราเดินก้าวหนึ่งก่อนค่อยว่าอีกก้าวหนึ่งเถอะ”

กู้ซือเฉียนพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก

ไม่นาน พื้นที่ทางทะเลที่อยู่ข้างหน้า ได้พบเห็นจุดสว่างเล็กๆจุดหนึ่ง

เฉียวฉีตื่นตระหนกตกใจด้วยความดีใจพูดว่า “ใกล้ถึงแล้ว ข้างหน้าก็คือเรือสำราญของพวกเขา”

ลู่จิ่งเซินควักมือถือออกมา โทรหาหนานกงจิ่น

“พวกเราใกล้ถึงแล้ว พูดเถอะ คุณอยากได้อะไร?”

ฝ่ายตรงข้าม เสียงของหนานกงจิ่นเอ้อระเหยอยู่

“ไม่ต้องรีบ รอคุณมาถึงค่อยว่ากัน ใช่แล้ว อย่าโทษว่าผมไม่ได้เตือนสติคุณ คุณจะพากู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีขึ้นมาได้ แต่ห้ามพาคนอื่นๆ ถ้าหากถูกผมพบเห็น…”

ลู่จิ่งเซินพูดเสียงเข้มว่า “จัดการคุณ ผมยังไม่ต้องการคนอื่น”

“เหอะ! ขอเพียงแต่ว่าอีกสักครู่คุณยังสามารถพูดคำนี้ออกมาได้”

หนานกงจิ่นพูดจบ วางโทรศัพท์โดยตรง

ข้างๆ สีหน้าจิ่งหนิงสลับซับซ้อนจ้องมองเขาอยู่

“พวกคุณรู้จักกันมานานแล้วเหรอ?”

หนานกงจิ่นเริ่มชงชาอีกแล้ว

“สิบปีมั้ง ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาจะเข้าร่วมองค์กรX แต่ตั้งหลังจากเขาปรากฏตัว ก็ไล่ตามผมไม่ยอมปล่อยโดยตลอด ไปๆมาๆก็ได้หลายปีขนาดนี้แล้ว และก็แค่หลายปีนี้ได้หยุดสักนิด แต่นั่นก็เพียงแค่เอาองค์กรXจากที่เปิดเผยย้ายไปที่ลับ หลายปีนี้ผมเพื่อที่จะหลบเขา ความทุกข์ทรมานที่ได้รับจะไม่น้อยนะ”

เขาพูดอยู่ สายตาที่จ้องมองไปยังจิ่งหนิง แฝงไว้ด้วยอารมณ์ที่มืดมนไม่ชัดเจนเล็กน้อย

จิ่งหนิงเงียบลง

ที่แท้ ล้วนผ่านมานานขนาดนี้แล้วเหรอ?

ตนเองช่างโง่เขลาจริงๆ กลับกลายเป็นล้วนไม่ได้สังเกตถึงสักนิด

เธอหันหน้ามองไปยังนอกหน้าต่าง เห็นเพียงพระอาทิตย์ขึ้นถึงกลางสุดแล้ว เป็นเวลาเที่ยงตรงพอดี

แสงอาทิตย์สาดส่องอยู่บนน้ำ มุมสะท้อนกลับแสงสีเงิน แสบจนคนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น

เธอใจลอยสักพัก ก็ได้ยินหนานกงจิ่นพูดว่า “พวกเขามาถึงแล้ว พวกเราออกไปเถอะ”

จิ่งหนิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก ติดตามอยู่ข้างหลังเขา เดินออกจากห้องผู้โดยสาร

แม้ว่าพระอาทิตย์ข้างนอกเจิดจ้ามาก ลมกลับแรงมากเช่นกัน

ถึงยังไงก็เป็นฤดูหนาวแล้ว แม้ว่าเนื่องเพราะอากาศฝั่งนี้หนึ่งปีสี่ฤดู ถึงแม้ว่าหนาวขนาดไหนก็หนาวไม่ถึงไหนเช่นกัน

แต่ลมหนาวที่พัดมาจากทิศเหนือ ยังคงดัง โฮ่วๆ เรื่อยๆ พัดจนคนแทบจะถูกลมพาปลิวไปด้วย

ย่างก้าวจิ่งหนิงเดินช้าๆไปบนดาดฟ้าเรือ จากที่ไกล ก็มองเห็นเรือสำราญอีกลำหนึ่งจอดอยู่ที่ไม่ไกล

ต่อจากนี้ มีคนปล่อยเรือดิงกีย์ลง ทั้งสามคนนั่งอยู่บนเรือดิงกีย์ ขับมายังฝั่งนี้

ใจของจิ่งหนิงบิดแน่นโดยไม่รู้ตัว

วันนี้เธอก็ไม่รู้ว่าตนเองทำเช่นนี้ตกลงถูกหรือไม่

เธอเพียงแค่รู้ว่า เดินตามจิตเดิมของตนเอง ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร เธอล้วนยินยอมแบกรับ

ไม่นานเรือดิงกีย์ลำนั้นก็ขับเข้ามาแล้ว หลังจากชิดเข้าฝั่ง ย่อมมีคนดึงพวกเขาขึ้นมาอยู่แล้ว

จิ่งหนิงจ้องมองลู่จิ่งเซินกับกู้ซือเฉียนพวกเขาเดินทีละก้าวๆใกล้เข้ามา หัวใจดวงหนึ่งก็บิดขึ้นมาตามไปด้วย

หนานกงจิ่นสั่งคนพาพวกเขามาบนดาดฟ้าเรือ

ในเวลานี้ ทั้งสามคนล้วนยืนอยู่ฝั่งหนึ่งของดาดฟ้าเรือ ส่วนหนานกงจิ่นพาจิ่งหนิงยืนอยู่อีกฝั่งนี้ของดาดฟ้าเรือ ทั้งสองฝั่งยืนแยกกลุ่มกันอยู่ ถึงขนาดมีความรู้สึกที่ผิดปกติ เหมือนจะคุมเชิงกันอย่างหนึ่ง

ลู่จิ่งเซินพูดเสียงเข้มว่า “พวกเรามาแล้ว พูดเถอะ ตกลงว่าทำยังไงคุณจึงจะยอมปล่อยหนิงหนิง?”

หนานกงจิ่นยิ้มบางๆหนึ่งที “อย่าเพิ่งร้อนใจ ของที่ผมอยากจะได้ไม่รู้ว่าพวกคุณเอามาหรือไม่ล่ะ”

ลู่จิ่งเซินแอบพินิจพิเคราะห์จิ่งหนิงก่อนหนึ่งที สังเกตเห็นเธอนอกจากสีหน้าดูไม่ค่อยดีเล็กน้อย กลับไม่มีบาดแผลภายนอกที่เห็นได้ชัด หัวใจดวงหนึ่งก็วางลงเล็กน้อย

เขาถามหนานกงจิ่น “คุณอยากได้ของอะไรล่ะ?”

หนานกงจิ่นยิ้มพูดว่า “ลู่จิ่งเซิน ล้วนถึงเวลานี้แล้วคุณก็ไม่ต้องอ้อมค้อมกับผมอีกล่ะ พวกเราพูดจาเรื่อยเปื่อยกันไปมาในใจเข้าใจแต่แสร้งทำเป็นเลอะเลือน มีความหมายอะไรล่ะ? ผมอยากได้อะไรคุณไม่ใช่ล้วนรู้เหรอ?”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน