วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1073 รอดจากเหตุการณ์ที่เลวร้าย

บทที่ 1073 รอดจากเหตุการณ์ที่เลวร้าย

ทั้งสองคนอึ้งชะงักอย่างโหดร้าย!

ระเบิดขนาดเล็กเหรอ?

นี่……

แต่ว่าคิดให้ละเอียด ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้

แต่ก่อนพวกเขาเข้าใจหนานกงจิ่นไม่พอ ดังนั้นไม่รู้จุดอ่อนของเขา

แต่ปะทะกันมาเป็นช่วงเวลานานขนาดนี้ ก็ค่อยๆเข้าใจแล้วเช่นกัน

เพราะว่าเป็นคนที่เดินมาจากพันปีก่อน ดังนั้นส่วนลึกของจิตใจเขามีความเย่อหยิ่งกับถือดีอยู่อย่างมหันต์

มักจะรู้สึกว่าตนเองรู้มากกว่าคนอื่น และร้ายกาจกว่า

เขามีความสามารถเต็มตัวจริงๆ อยู่ด้านการต่อสู้วิชาการโบราณศิลปะนี้ชำนาญเหลือเกิน

แต่อยู่ด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ กลับเป็นจุดอ่อน

แต่ก่อนกู้ซือเฉียนอาศัยตอนเอาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ให้เขาและติดตั้งตัวระบุตำแหน่งอยู่บนกล่องที่ใส่แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ ก็จะไม่ใช่เป็นตัวอย่างหนึ่งเหรอ?

ตอนนี้ ตามวิธีการของลู่จิ่งเซิน มีแต่จะทำโหดเหี้ยมมากกว่าเขาอีก และไม่ใช่เบากว่า

ใจของกู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีสงบลงนิดๆ

แต่นึกถึงคำถามที่ลู่จิ่งเซินถามเมื่อกี้นั้น ทั้งสองคนล้วนเงียบไปอีกพักหนึ่ง

สุดท้าย ยังเป็นเฉียวฉีเอ่ยปากก่อน

“พวกเราจะไม่โกรธคุณ ความเป็นความตายถูกกำหนดโดยโชคชะตา ถึงแม้หนานกงจิ่นมีชีวิตอยู่ก็ไม่แน่ที่จะช่วยพวกเราอย่างจริงใจ สุดท้ายยังคงต้องเป็นพวกเราเองไปคิดวิธีจัดการเรื่องยากข้อนี้

ยิ่งกว่านั้นถ้าหากให้เขารวบรวมแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ครบทั้งสิบสองชิ้นจริงๆ เปิดยานอวกาศสำเร็จโดยทำให้เกิดนิวเคลียร์ระเบิด ถึงเวลานั้นคนที่ตายก็ไม่เพียงแค่พวกเรากลุ่มนี้แล้ว อาจจะมีคนมากมายมหาศาลมากกว่าร้อยล้านถูกผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้ พวกเราเห็นเขาทำอย่างนี้ไม่ได้”

กู้ซือเฉียนก็พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกเช่นกัน

“อะเฉียวพูดถูก เรื่องนี้พวกเราจะคิดวิธีเอง หนานกงจิ่นต้องตาย”

ลู่จิ่งเซินจ้องมองพวกเขาอยู่ ถ้าในใจจะพูดว่าไม่สั่นสะเทือนนั่นก็จอมปลอมแล้ว

เขายกมือตบไหล่ของทั้งสองคน ตบแล้วตบอีก

“พวกคุณวางใจเถอะ ก่อนหน้านี้ผมก็ขอร้องคุณอาเชวค้นคว้าวิจัยยาถอนพิษเกี่ยวกับโรคแบบนี้อยู่แล้ว พวกเรามีต้นเงินทองอยู่ในมือ อย่างน้อยชีวิตของเฉียวฉียังไม่ต้องกังวลเป็นเวลาชั่วคราว เพียงแค่ค้นคว้าวิจัยยาถอนพิษออกมา จะแก้โรคนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”

ทั้งสองคนล้วนพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก

ในเมื่อตกลงกันแล้ว ทุกคนก็ไม่พัวพันกับหัวข้อนี้อีก

ลู่จิ่งเซินสั่งคนลงไป จับตามองหนานกงจิ่นอยู่อย่างแน่น รอให้ถึงเวลากับสถานที่ที่เหมาะสม ทำการระเบิดทันที

การระเบิดในครั้งนี้ เขาทำจนยอดเยี่ยมล้ำเลิศเหลือเกิน

ใครๆก็นึกไม่ถึง แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ที่ถูกโลกภายนอกแย่งชิงจนหัวแตกที่มีค่ามหาศาล จะถูกเขาใช้เทคโนโลยีการตัดอย่างไฮเทคตัดมันออกใส่ชิประเบิดไว้ในแต่ละชิ้น

เพียงแค่ถึงเวลาจุดนั้น ฝั่งนี้กดสวิสลง ฝั่งโน้นก็จะระเบิดทันที

องค์ประกอบนิวเคลียสเม็ดเล็กที่ใส่อยู่ข้างใน แม้ว่าจะไม่ทำให้เกิดผลกระทบมากเกินไปกับบริเวณรอบๆ แต่จะทำให้คนที่ถือสิ่งของชิ้นนี้ในมือตายในชั่วพริบตาเดียวอย่างแน่นอน

นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมลู่จิ่งเซินไม่ได้กดสวิสลงในทันที แต่ให้คนตามรอยหาเวลาที่แม่นยำ

ถึงยังไงอานุภาพของนิวเคลียร์สิ่งนี้ยังคงมากเกินไปแล้ว

เขาไม่อยากทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้ยกเว้นตอนที่หนานกงจิ่นอยู่คนเดียว เขาจึงจะทำการระเบิดแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์

และเขาเชื่อมั่น หนานกงจิ่นยากที่จะได้แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์มา ย่อมจะไม่วางใจเอาของเหล่านี้ไว้กับคนข้างๆ ย่อมติดตัวตนเองอย่างแน่นอน ต่อจากนี้เพียงแค่จับได้ตอนที่เขาอยู่ลำพังก็ได้แล้ว

หลังจากลู่จิ่งเซินสั่งลงไปเสร็จ กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีเห็นตนเองอยู่นี่ไม่ได้ทำอะไร ก็เป็นฝ่ายไปช่วยเองเลย

ลู่จิ่งเซินกลับถึงห้องผู้ป่วย

ในเวลานี้ จิ่งหนิงยังไม่ฟื้น

เชวซู่ลงไปพักผ่อนแล้ว โม่ไฉ่เวยเฝ้าอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยของเธอ

มองเห็นลู่จิ่งเซินเข้ามา โม่ไฉ่เวยขยี้ตาที่แดงขยี้แล้วขยี้อีก ฝืนยิ้มพูดว่า “แกมาแล้ว แกอยู่เป็นเพื่อนเธอเถอะ ฉันออกไปก่อนล่ะ”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก สัตย์ซื่อจริงใจพูดว่า “ขอบคุณครับแม่”

โม่ไฉ่เวยโบกมือแล้วโบกมืออีก ไม่ได้พูดอะไร หมุนตัวออกไปเลย

ลู่จิ่งเซินนั่งลงอยู่หน้าเตียงผู้ป่วย

เพียงเห็นผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงสีหน้าขาวซีดดั่งกระดาษ ตรงท้องที่อยู่ใต้ผ้าห่มนูนขึ้นนิดๆ นั่นเป็นลูกของพวกเขา

ลู่จิ่งเซินยกมือขึ้น ฝ่ามือวางอยู่บนท้องน้อยของเธออย่างเบาๆ

ก็อยู่ในเวลานี้ ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง อยู่ดีๆ ฮึ เสียงเบาๆหนึ่งที

เขาสั่นระริกทั้งตัว รีบลุกขึ้น ก็เห็นจิ่งหนิงลืมตาขึ้นนิดๆจ้องมองเขาอยู่อย่างอ่อนแอ

“หนิงหนิง คุณฟื้นแล้วเหรอ?”

เขาแทบจะดีใจจนเลิกคิ้ว จับมือเธอไว้อย่างแน่น เป็นห่วงถามว่า “มีตรงไหนไม่สบายหรือไม่? ผมจะรีบไปเรียกคุณอาเชวเข้ามา”

กำลังจะออกไป มือของจิ่งหนิงออกแรงนิดๆ ดึงเขาไว้เลย

“ไม่ต้อง จิ่งเซิน……”

ลู่จิ่งเซินรีบหยุดย่างก้าว หันหน้ากลับจ้องมองเธออยู่อย่างตื่นเต้น

“เป็นยังไงล่ะ?”

จิ่งหนิงถาม “หนานกงจิ่นล่ะ? เขาเป็นยังไงล่ะ?”

ลู่จิ่งเซินแข็งทื่อทันที

เขานึกไม่ถึงจริงๆ เรื่องแรกที่จิ่งหนิงฟื้นขึ้นมาถามเป็นเรื่องหนานกงจิ่น

ลู่จิ่งเซินไม่อยากปกปิดเธออีก ดังนั้นเล่าแผนการกับการวางแผนของตนเองให้กับจิ่งหนิงฟังทั้งหมด

จิ่งหนิงฟังจบ เงียบไปสักพัก ถอนหายใจหนึ่งที

“แท้ที่จริงเขาก็เป็นคนน่าสงสารคนหนึ่งเช่นกัน”

ตอนที่รักแท้เคยยืนอยู่ต่อหน้าตนเองไม่รู้จักทะนุถนอม ตอนที่เสียรักแท้ไป กลับจับความอาลัยรักกับความหวังเล็กน้อยนั้นอย่างแน่นไม่ยอมปล่อยมือ

จากนี้ไล่ตามย่างก้าวของเธอ เหยียบผ่านเวลา เหยียบผ่านภูเขาแม่น้ำมากมาย พยายามมาเป็นพันปี เพียงแค่จะรอวันที่เธอฟื้นคืนชีพนั้น

แต่ว่า เขาอาจจะไม่รู้ตลอดกาล ที่ว่าแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์เพียงแค่หลุมพรางอย่างหนึ่งล่ะ

เป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นคืนชีพเลยสักนิด ไม่เพียงแค่นี้ ยังจะทำให้คนมากมายตกอยู่ในภัยพิบัติอีก

ถ้าจะพูดว่าหนานกงจิ่นเป็นคนร้ายคนหนึ่ง มิสู้พูดว่าเป็นคนโง่คนหนึ่งที่ตกอยู่ในความรักความผูกพันจนเกือบจะบ้าคลั่ง

ลู่จิ่งเซินไม่ได้พูด อยู่ดีๆจิ่งหนิงขมวดคิ้ว ยกมือจับท้องของตนเองไว้

ลู่จิ่งเซินตื่นเต้นขึ้นมาทันที ทั้งห่วงใย พูดอีกว่า “หนิงหนิง เป็นยังไงเหรอ? ท้องไม่สบายใช่หรือไม่ล่ะ?”

จิ่งหนิงส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก

อยู่ดีๆเธอปรากฏรอยยิ้มที่สบายออกมาหนึ่งที หันหน้ามองไปยังลู่จิ่งเซิน

“เมื่อกี้ฉันดูเหมือนจะรู้สึกถึงการขยับตัวของทารกในครรภ์”

ลู่จิ่งเซินอึ้งชะงัก

เขาไม่ได้เป็นพ่อครั้งแรกแล้ว ย่อมรู้จักอะไรคือการขยับตัวของทารกในครรภ์

นี่ก็หมายความว่า เด็กแข็งแรงมากล่ะ เด็กไม่เป็นไร!

ลู่จิ่งเซินก็ดีใจมากเช่นกัน เขาจับมือของจิ่งหนิงไว้อย่างแน่น สัตย์ซื่อจริงใจพูดว่า “หนิงหนิง รอคุณดีขึ้นแล้ว ผมก็จะเล่าเรื่องทุกอย่างในหลายปีที่ผ่านมานี้ให้คุณฟังหมด จะไม่ปกปิดสักนิด ดีหรือไม่ล่ะ?”

จิ่งหนิงจ้องมองเขาอยู่อย่างลึกๆ

แรกสุดตอนที่รู้ความจริง แท้ที่จริงเธอมีความโกรธต่อลู่จิ่งเซินอยู่

แต่ว่านึกถึงความยึดมั่นถือมั่นของเขา ความจริงจังของเขา ความเจ็บปวดใจและความลำบากยากเข็ญของเขา

ความโกรธเหล่านั้น ดูเหมือนก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นแล้ว

จิ่งหนิงใบหน้าขาวซีดยิ้มแล้วยิ้มอีก

“ได้”

“ฉันจะรอวันนั้นที่คุณบอกความจริงทั้งหมดกับฉัน”

ข่าวที่จิ่งหนิงฟื้นแล้ว ไม่นานคนทั้งหลายล้วนรู้หมดเลย

เชวซู่ยังคงเข้ามาทำการตรวจเช็คให้กับเธอสักหน่อย แน่ใจว่าขณะนี้ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว เพียงแค่ช่วงเวลานี้ต้องนอนพักครรภ์อยู่บนเตียงตลอด จนกว่าสภาพทารกในครรภ์จะมีเสถียรภาพจึงลงจากเตียงได้

จุดนี้กลับไม่มีอะไร ไม่ว่ายังไง จิ่งหนิงกับลูกสำคัญที่สุด

ดังนั้น ลู่จิ่งเซินก็เลยอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนกับเธอโดยตลอด แทบจะพูดได้ว่าติดตามอย่างใกล้ชิดไม่ห่างสักก้าว

และสำหรับเรื่องของหนานกงจิ่นฝั่งโน้น เขามอบเรื่องนี้ให้กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีแล้ว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท