วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1071 การแลกเปลี่ยนจริง

บทที่ 1071 การแลกเปลี่ยนจริง

เพียงแค่นั่งอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆเป็นเพื่อนจิ่งหนิง

และในเวลานี้ อีกฝั่งหนึ่ง

ในห้องข้างๆ ลู่จิ่งเซินกับกู้ซือเฉียนพวกเขาทั้งสามคนนั่งอยู่บนโซฟาในห้อง บรรยากาศเงียบเหลือเกิน

ผ่านไปนานมาก กู้ซือเฉียนจึงเป็นฝ่ายตีความเงียบแบบนี้แตกเอง

เขาจ้องมองลู่จิ่งเซินอยู่อย่างเย็นชา ถามว่า “คำพูดเมื่อกี้ที่หนานกงจิ่นพูดอยู่ข้างนอกเหล่านั้นหมายความว่าอะไรล่ะ? ลู่จิ่งเซินคุณควรที่จะอธิบายกับพวกเราสักหน่อยหรือไม่?”

ลู่จิ่งเซินจ้องมองพวกเขาหนึ่งที ถึงเวลานี้แล้ว ในใจเขาเข้าใจการปกปิดที่มากขนาดไหนอีก แท้ที่จริงล้วนไม่มีประโยชน์แล้ว

สุดท้ายได้แต่ถอนหายใจหนึ่งทีโดยไร้เสียงเท่านั้น

“ผมยอมรับ แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์สามชิ้นนั้นอยู่ในมือของผมจริงๆ”

พอคำพูดนี้พูดออกมา ทำให้กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีอึ้งชะงักอย่างโหดร้ายแล้ว

สีหน้ากู้ซือเฉียนเปลี่ยนทันที โดยจิตใต้สำนึกลุกขึ้นมา กลับถูกเฉียวฉีดึงไว้ทันที

เฉียวฉีจ้องมองลู่จิ่งเซินอยู่ ถามว่า “ทำไมล่ะ? ฉันรู้ว่าคุณมีความลำบากใจที่พูดยาก แต่อย่างน้อยคุณควรจะอธิบายสักอย่างให้กับพวกเราล่ะ หลายวันที่ผ่านมานี้เพื่อที่จะหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์พวกเราบินไปทั่วโลก ทั้งๆที่ในมือของคุณมีกลับไม่ได้พูดอะไร เห็นพวกเราทำงานหนักไปทั่วกับตา เหมือนเช่นดั่งแมลงวันไร้หัว ลักษณะท่าทีแบบนี้จะไม่ใช่ทำให้คุณจิตใจหนาวเหน็บเหรอ?”

ลู่จิ่งเซินพูดเสียงเข้มว่า “ผมยอมรับจุดนี้เป็นผมผิดต่อพวกคุณ แต่พวกคุณเคยคิดมาก่อนหรือไม่ว่าหนานกงจิ่นทำไมร้อนใจขนาดนี้ที่จะหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ทั้งสิบสองชิ้นให้ครบล่ะ?”

ทั้งสองคนล้วนอึ้งชะงักไปหนึ่งที

แท้ที่จริงจนถึงตอนนี้พวกเขาก็ไม่รู้ว่าหนานกงจิ่นทำไมร้อนใจจะหามันขนาดนี้

ดังนั้นพวกเขาทั้งสองล้วนงุนงงจ้องมองลู่จิ่งเซินอยู่

ลู่จิ่งเซินพูดเสียงเข้มว่า “ในเมื่อพวกคุณล้วนไม่รู้ อย่างงั้นก็ให้ผมเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้พวกคุณฟังเถอะ”

ดังนั้นเขาเล่าเรื่องหนานกงจิ่นกับเฉียนเฉียนให้กับพวกเขาฟัง

หลังจากกู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีฟังจบ ล้วนสั่นสะเทือนอย่างมาก นึกไม่ถึงอยู่บนโลกใบนี้ยังมีเรื่องแบบนี้อีก

กู้ซือเฉียนส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก ไม่กล้าที่จะเชื่อพูดว่า “เขาเป็นคนที่อยู่มาแล้ว1000ปีจริงๆเหรอ?”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก

“แต่ก่อนผมก็ไม่เชื่อว่าอยู่บนโลกใบนี้จะมีเรื่องแบบนี้ แต่เรื่องแบบนี้กลับเกิดขึ้นอยู่ต่อหน้าผม”

“พูดกับพวกคุณตามตรงเถอะ แม้ว่าสถานะภายนอกของผมเป็นประธานของลู่ซื่อกรุ๊ป แต่ตามความจริงผมก็เป็นผู้รับผิดชอบขององค์กรXด้วย”

องค์กรXเหรอ?

พอคำพูดนี้พูดออกไป กู้ซือเฉียนอึ้งชะงักอย่างโหดร้าย

คนอื่นไม่รู้จักองค์กรนั้น เขากลับรู้จักอยู่นะ

ไม่มีสาเหตุอื่น ประเด็นหลักคือเพราะว่าเขาเป็นผู้กุมอำนาจของตระกูลกู้ในตอนนี้

ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ในประเทศ แม้เลื่องชื่อว่าต่างคนต่างถนัด ขอบเขตที่ไม่เหมือนกัน แต่มีด้านข้อมูลมากมายกลับร่วมกันอยู่

องค์กรXนี้แม้ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นกับตามาก่อนแต่กลับเคยได้ยินเช่นกัน นึกไม่ถึงลู่จิ่งเซินกลับกลายเป็นคนของพวกเขา

ถึงเวลานี้แล้ว อยู่ดีๆเขาก็เข้าใจอะไรได้แล้ว ดังนั้นพูดว่า “ถ้าอย่างนี้คุณตามจับหนานกงจิ่นอยู่ตลอดเหรอ?”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก

“ภูมิหลังของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ผมพูดกับพวกคุณให้ชัดเจนแล้ว สาเหตุที่เขาจะรวบรวมแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ทั้งสิบสองชิ้นให้ครบ ก็เพื่อที่จะประกอบหินพลังงานก้อนนั้นกลับมา ทำให้หญิงสาวที่ชื่อว่าเฉียนเฉียนคนนั้นสามารถตายแล้วเกิดใหม่อีก”

“แต่พวกคุณรู้ไหมว่า ถ้าหากจะทำให้เฉียนเฉียนตายแล้วเกิดใหม่ เขาจะต้องไปสถานที่ไหนที่จะประกอบหินพลังงานก้อนนั้นล่ะ?”

กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีล้วนส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก

ลู่จิ่งเซินพูดเสียงเข้มว่า “เป็นสถานที่ในตอนต้นที่หินอุกกาบาตตกแห่งนั้น และก็เป็นสถานที่ที่เคยรับรังสีนิวเคลียร์มาก่อนแห่งนั้น”

ทั้งสองคนล้วนอึ้งชะงัก

ลู่จิ่งเซินพูดต่ออีกว่า “ในตอนต้นหินอุกกาบาตตกทำให้เกิดรังสีนิวเคลียร์อย่างมหันต์ คนที่อยู่บริเวณรอบๆฝั่งนั้น ล้วนเพราะว่าการปนเปื้อนจากรังสีนิวเคลียร์ และถ้าไม่ก็ป่วย ถ้าไม่ก็ออกจากสถานที่แห่งนั้น”

“ครั้งนี้เขานำแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ทั้งสิบสองชิ้นเข้าไป ถ้าหากเปิดยานอวกาศใหม่อีกครั้งโดยทำให้สนามแม่เหล็กพลังงานเกิดการเปลี่ยนแปลงจริงๆ ทำให้พลังงานรังสีนิวเคลียร์เดิมทีที่ถูกปิดสนิทเก็บรักษาไว้ยิ่งแผ่กระจาย อย่างงั้น ประชาชนที่บริสุทธิ์จะได้รับผลกระทบไม่รู้มากเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้สถานภาพของโลกใบนี้ล้วนอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน”

“ดังนั้นในตอนต้นพวกเราสังเกตถึงจุดประสงค์ของเขา แผนการของเขา จึงรีบรวบรวมกำลังคนจะไปขัดขวางเขาไว้ แต่ว่าเขาก็เหมือนเช่นดั่งสุนัขจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง หลายปีที่ผ่านมานี้ไล่จับกันในที่สุดก็จับเขาไม่ได้จริงๆ”

“ในตอนต้นผมยึดแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ทั้งสองชิ้นที่อยู่ในมือเขาไว้ ก็ได้ปิดสนิทเก็บรักษาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์พกไว้อยู่ข้างกายตลอด ความสามารถของหนานกงจิ่นยิ่งใหญ่มากโดยเฉพาะถนัดในการปลุกปั่นใจคน สิ่งของนี้ไม่ว่าวางอยู่ในมือใครล้วนไม่สามารถรับรองเต็มร้อยว่าจะไม่เร่ร่อนออกไป”

คำพูดเขาสมเหตุสมผล ทำให้ทุกคนไม่เชื่อไม่ได้

กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีแม้ว่าล้วนรู้สึกประหลาดใจ แต่ถูกเขาอธิบายเช่นนี้ แต่ก่อนเรื่องที่คิดไม่ออกมากมายกลับล้วนเข้าใจไปหมดแล้ว

เฉียวฉีขมวดคิ้วอยู่ พูดเสียงเข้มว่า “ถ้าอย่างนี้ แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ตกอยู่ในมือเขาไม่ได้จริงๆ แต่ตอนนี้เขาเอาหนิงหนิงมาคุกคามพวกเรา พวกเราควรทำยังไงดีล่ะ?”

“ได้เพียงแต่สบโอกาสแล้วเท่านั้น”

ในเมื่อตกลงกันแล้ว งั้นก็ไม่มีอะไรน่าปรึกษาหารืออีก

ผ่านไปไม่นาน ข้างนอกก็ส่งเสียงคนพูดคุยเสียงดังเข้ามา

เพราะว่าระยะห่างไกลเกินไป ทั้งมีกำแพงกั้นไว้หลายแห่ง พวกเขากู้ซือเฉียนได้ยินไม่ชัดว่าคนข้างนอกพูดอะไรอยู่เลยสักนิด

แต่โดยคร่าวๆกลับสามารถเดาได้ น่าจะเป็นคนที่ลู่จิ่งเซินส่งออกไปกลับมาแล้ว

เป็นอย่างที่คิดไว้ ไม่นานก็มีคนเดินเข้ามาจากข้างนอกจริงๆ

“ตามผมออกไป!”

ชายรูปร่างใหญ่หลายคนลากทั้งสามคนนี้ออกไป พอออกจากประตู ก็ได้เห็นว่ามีคนยืนอยู่ในลานบ้านข้างนอกไม่น้อย และหนานกงจิ่นก็ยืนอยู่สถานที่ที่ไม่ไกลจากหน้าประตู เหมือนกำลังพูดอะไรกับพวกเขาอยู่

เห็นพวกเขาถูกพาออกมา หนานกงจิ่นมีความหมายที่ไม่ชัดเจนยิ้มแล้วยิ้มอีก

“ตอนนี้คนออกมาแล้ว พวกคุณเอาของให้ผมได้แล้วมั้ง”

ปัจจุบันนี้เขาฉีกหน้ากากออกแล้ว จะไม่ปิดบังความทะเยอทะยานที่ตนเองมีต่อแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์อีก

และหลายคนนั้นที่ยืนอยู่ในลานบ้าน มองเห็นลู่จิ่งเซิน สีหน้าเปลี่ยนนิดๆ

ตอนที่กำลังลังเลไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ลู่จิ่งเซินพูดเสียงเข้มว่า “หนิงหนิงพวกเธอล่ะ?”

หนานกงจิ่นยักคิ้วแล้วยักคิ้วอีก

“ยังไงล่ะ? คุณยังกลัวว่าผมจะได้ของแล้วไม่ปล่อยพวกเธอเหรอ? สิ่งที่ผมอยากได้คือแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ พวกเธออยู่ในมือผมไม่มีประโยชน์อะไร เพียงแค่ผมได้ของ แน่ใจว่าเป็นของจริง ผมย่อมจะปล่อยเธอแน่นอน”

ลู่จิ่งเซินยิ้มเย็นชา

“ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณจะทำตามคำพูด?”

หนานกงจิ่นคิดแล้วคิดอีก ดูเหมือนกำลังจริงจังพิจารณาคำถามของเขา

ผ่านไปสักพัก จึงพูดว่า “ไม่งั้นเอาอย่างนี้ ผมให้คนพาพวกเธอลงมา พวกเรามือหนึ่งส่งคนอีกมือหนึ่งส่งของ แต่สำหรับคนผมย่อมต้องแน่ใจว่าของเป็นจริงหรือปลอมก่อน จึงปล่อยพวกเธอได้ ว่ายังไงล่ะ?”

ลู่จิ่งเซินเงียบไปสักพัก ตอบว่า “ได้”

หนานกงจิ่นสั่งลูกน้องสองที ไม่นาน จิ่งหนิงกับโม่ไฉ่เวยก็ถูกพาลงมาแล้ว

มองเห็นลู่จิ่งเซินอีก สีหน้าของจิ่งหนิงมีความขาวซีดเล็กน้อย

ลู่จิ่งเซินเป็นห่วงจ้องมองเธอ แน่ใจว่าบนกายเธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรนี่จึงโล่งอกไปที

หนานกงจิ่นยื่นมือออกไปอีกครั้ง

“ตอนนี้เอาของให้ผมได้แล้วมั้ง?”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน